ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 39 ด้านมืดในใจของใครบางคน

บุญคุณยื่นมือเข้าช่วยเหลือ บวกกับการร่วมทุกข์กันครั้งหนึ่ง

ด้วยเหตุนี้ก็สามารถสร้างสัมพันธไมตรีอันดีกับนางต่อได้แล้วหรือ?

ทั้งสองอาจกลายเป็นสามีภรรยากัน โดยหวนกลับบ้านพร้อมทั้งเงินทอง ก้าวสู่หนทางแห่งความสำเร็จด้วยกัน จากนั้นก็กลับมาหาเรื่องข้าภายหลังอย่างนั้นหรือ?

‘คิดได้ดีทีเดียว แต่ว่าจงลงไปดื่มน้ำในบึงดีๆ เสียเถอะ’

เยี่ยนจ้าวเกอแสยะยิ้ม แล้วหยุดการเก็บจิตมังกรน้ำแข็งลงกลางคัน แล้วเหวี่ยงฝ่ามือตบลงบนแผ่นป้ายโลหะครั้งหนึ่ง

แผ่นป้ายโลหะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงโดยพลัน จากนั้นโครงกระดูกขนาดมหึมาของมังกรน้ำแข็งก็สั่นสะท้านอย่างหนักไปด้วย

จิตมังกรน้ำแข็งส่งเสียงคำรามสะเทือนฟ้า และดังสนั่นจนหูแทบหนวก

ในตอนที่ฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอเลื่อนออกจากกระดูกมังกร การเชื่อมต่อกับระหว่างตัวเขาและจิตมังกรน้ำแข็งก็ถูกตัดขาด

เยี่ยจิ่งและเมิ่งหว่านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยากที่จะรับรู้ถึงสถานการณ์ของเยี่ยนจ้าวเกอได้อีก

ขณะที่พวกเขายังตกตะลึง จิตมังกรน้ำแข็งก็ระเบิดขึ้นอย่างแรง ร่างขนาดมหึมาของมังกรบิดเคลื่อนตัวอย่างบ้าคลั่ง

ในบึงเย็นเกิดน้ำวนขนาดใหญ่ขึ้นอีกครั้ง กระแสน้ำไหลเชี่ยวและกำแพงหินที่พังทลายลงล้วนกระจายไปทั่วทุกทิศ

มังกรน้ำแข็งยกหัวขึ้นอย่างฉับพลัน และกระแทกเข้ากับร่างของเมิ่งหว่านอย่างแรง นางพยายามฝืนต้านเอาไว้ ทว่าร่างกายของนางสั่นสะเทือนอย่างหนัก จึงยากที่จะจับผ้าแพรไว้ได้

เยี่ยจิ่งแค่นหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะสูญเสียการนำพาจากเมิ่งหว่านไป เขาจึงถูกพัดกลืนเข้าไปในคลองมืดใต้ดินสายหนึ่ง พริบตาเดียวเขาก็หายไป ไม่รู้ว่าถูกพัดไปถึงที่ไหน

ในน้ำมองไม่เห็นท้องฟ้าและดวงตะวัน มีแต่ความมืดมิดปกคลุมรอบด้าน

ร่างกายของเยี่ยจิ่งที่ลอยไปตามกระแสน้ำวน กระแทกเข้ากับกำแพงหินในคลองไม่หยุดหย่อน เขาเพียงรู้สึกถึงความเวียนหัว โลกหมุนกลับตาลปัตร

“เยี่ยน…จ้าว…”

เยี่ยจิ่งร้องตะโกนด้วยความโมโหอีกครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ ลอดออกมา มีเพียงแค่น้ำเย็นเสียดกระดูกไหลท่วมเข้าในปากของเขา และกลืนเอาคำพูดท่อนหลังของเขาไปเสียดื้อๆ

ร่างกายของเขาเกิดบาดแผลไปทั่วอีกครั้ง แต่ที่กระจัดกระจายพาดทั้งตัวเขากลับไม่ใช้เลือดเนื้อจากบาดแผล แต่กลับเป็นเปลวไฟหลายแฉก

น่าเสียดายที่เมื่อเปลวไฟเพิ่งเริ่มปรากฎขึ้น มันก็ถูกพัดจมเข้าไปในกระแสน้ำไหลเชี่ยวของคลอง

เมื่อเมิ่งหว่านที่เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง นางก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว

การจะเอาตัวรอดในบึงเย็นบ้าคลั่งเป็นเรื่องยาก นางทำได้เพียงแค่ประคับประคองร่างกายเอาไว้ หลังจากกระแสน้ำสงบลงถึงจะกล้าเคลื่อนไหวอีกครั้ง

ในธารน้ำแข็งอีกด้านหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอวางมือลงบนกระดูกหางของมังกรอีกครั้งอย่างไม่ทุกข์ร้อน แล้วทำการเก็บจิตมังกรน้ำแข็งที่ยังหลงเหลืออยู่อีกครั้ง

‘เดิมทีน่าจะเป็นการพบกันครั้งแรกโดยบังเอิญที่ซึ้งกินใจ แต่สุดท้ายกลับเป็นเช่นนี้เสียได้ ยิ่งไม่รู้เลยว่าด้านมืดในใจของใครบางคนในตอนนี้จะมีมากขนาดไหน?’

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม ‘เจ้าคิดว่าจะจบลงแค่นี้หรือ? เจ้าเด็กน้อย พวกเราเพิ่งเริ่มต่างหาก’

“ไปหาดู แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวน่าจะไปทางทิศเหนือ เจ้าน่าจะเจอถ้ำแห่งหนึ่ง มีบึงเย็นอยู่ด้านล่างของถ้ำนั้น”

เขากล่าวเสริมหลังออกคำสั่งอีกว่า “เมิ่งหว่าน สตรีจันทราจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็น่าจะอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น”

“แม้เยี่ยจิ่งจะถูกพัดไปในคลองมืดใต้ดิน แต่ก็คงอยู่ละแวกนั้น ใช้ที่นั่นเป็นศูนย์กลางแล้วขยายพื้นที่การค้นหาออกไปรอบๆ”

อาหู่พยักหน้า “ขอรับ คุณชาย”

เยี่ยนจ้าวเกอยังคงอยู่ต่อที่ใต้ทะเลสาบน้ำแข็ง เนื่องจากจิตมังกรน้ำแข็งถูกเขาดูดไป โครงกระดูกมังกรน้ำแข็งที่เคลื่อนไหวเมื่อครู่จึงค่อยๆ สงบลงแล้ว

และเมื่อชายหนุ่มเก็บจิตมังกรน้ำแข็งจนหมดแล้ว ในที่สุดเขาก็ยกมือออกจากกระดูกหางของมัน และดึงเอาแผ่นป้ายเหล็กออกจากข้อต่อของกระดูกด้วย

‘เหอะ ถ้าจะให้พูด เจ้าสิ่งนี้ก็เป็นของเยี่ยจิ่ง’ เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างไม่ได้สนใจ ‘เก็บดอกเบี้ยก่อนสักนิดแล้วกัน’

หยกครามน้ำแข็งที่อยู่ในมืออีกข้างของเขา บัดนี้เปลี่ยนไปเป็นสีขาวบริสุทธิ์ และมีเงาของมังกรเคลื่อนไหวเลือนรางอยู่ข้างใน

ทั้งยังมีเสียงคำรามดังลอดออกมาเป็นช่วงๆ หยกชิ้นนี้ขยับไปมาอย่างอิสระ ราวกับสิ่งมีชีวิตก็ไม่ปาน

กำลังมือของเยี่ยนจ้าวเกอยังไม่สามารถจับมันอย่างมั่นคง น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก

ชายหนุ่มออกจากทะเลสาบน้ำแข็ง ส่วนอาหู่ แม้จะได้รับคำสั่งให้ไปบึงเย็น แต่ก็มีชายชุดดำในระดับปรมาจารย์สองสามคนคอยคุ้มกันเขาอยู่ที่นี่

“สองคนเฝ้าธารน้ำแข็งนี้ไว้ จากนั้นก็ส่งคนไปแจ้งไปที่สำนัก ให้พวกเขามาเก็บโครงกระดูกของมังกรน้ำแข็งเหมันต์ไป”

เมื่อฟังคำสั่งจากเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ชายชุดดำคนหนึ่งจึงตอบว่า “ขอรับ คุณชาย”

แม้ว่าจะไม่มีสิ่งที่มีค่าที่สุดอย่างจิตมังกรน้ำแข็งแล้ว แต่โครงกระดูกของมังกรน้ำแข็งเหมันต์ก็ยังคงมีคุณค่าสูงมาก

เยี่ยนจ้าวเกอออกจากธารน้ำแข็ง มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปบึงเย็นแห่งนั้น

ขณะที่กำลังเดินทางไป เยี่ยนจ้าวเกอกำหยกก้อนนั้นไว้ในมือ พลางถ่ายเทปราณจิตราเข้าไป เพื่อกระตุ้นจิตมังกรน้ำแข็ง

จิตมังกรน้ำแข็งเสมือนกับแสงสีขาว กำลังเคลื่อนไปมาอยู่ในหยกไม่หยุด และเมื่อได้รับการกระตุ้นจากปราณจิตราของเยี่ยนจ้าวเกอ แสงสีขาวนั้นก็เริ่มไหลเข้าไปในตัวเขาทันที

พลังจากแสงสีขาวแข็งแกร่งมาก ทำให้ร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกชาไปชั่วขณะ

แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่สนใจ เขาลอบถอนหายใจเสียงหนึ่ง จุดตันเถียนชี่ไห่ในร่างกายมีปราณบริสุทธิ์เกิดขึ้น จากวิชาเอกพิสุทธิ์อันเป็นวิชาสายหลักเขากว่างเฉิง

แต่ที่ต่างออกไปจากจอมยุทธ์อื่นๆ ของเขากว่างเฉิงคือ ปราณบริสุทธิ์ที่อยู่ในจุดตันเถียนของเยี่ยนจ้าวเกอมีภาพเลือนรางปรากฏขึ้น

นี่ก็คือพื้นฐานของวรยุทธ์ที่เยี่ยนจ้าวเกอได้รับจากการฝึกฝนวิชาภายในคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต ที่ถูกเก็บในวังเทพก่อนวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่

ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนเป็นภาพเลือนราง

และในภาพเลือนรางต่างๆ ก็บังเกิดเป็นทุกสรรพสิ่ง

เมื่อได้รับการกระตุ้นจากปราณเย็นของกระดูกมังกรน้ำแข็ง ภาพเลือนรางเหล่านี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นปราณที่ร้อนจัดทันที หลังจากความร้อนและความเย็นหลอมรวมกันแล้ว ก็เกิดเป็นภาพเลือนรางใหม่อีกครั้ง

และในระหว่างนี้ ปราณจิตราก็ไหลเวียนไปทั่วร่างกายเยี่ยนจ้าวเกอ และบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ!

ทุกรูทวารบนตัวของเขามีหมอกสีครามรุกล้ำอยู่เนืองๆ และเปลี่ยนเป็นรูปร่างของมังกรน้ำแข็งอย่างเห็นได้ชัด

หนึ่งรูทวารมีมังกรน้ำแข็งรุกล้ำอยู่หนึ่งตัว

มังกรทั้งฝูงร้องคำรามออกมา เกราะเกล็ดทั่วร่างกายสะบัดเปิดปิด แสดงพลังดุจคลื่นที่กำลังซัดสาด

หลังจากที่ฝึกวิชาไปแล้วสามสิบหกรอบ เยี่ยนจ้าวเกอก็หยุดพักชั่วคราว แล้วเก็บหยกมังกรน้ำแข็ง ก่อนจะหยิบแผ่นป้ายโลหะนั้นออกมาอีกครั้ง

ชายหนุ่มเห็นว่าลวดลายที่อยู่บนแผ่นป้ายไม่ขาดหายไปอีกต่อไป แยกแยะเนื้อหาและความหมายของตัวอักษรโบราณได้แล้ว

“ดวงดารารวมกลุ่ม ฝูงมังกรลอดวารี หุบเหวเหมันต์บรรพกาล เกล็ดย้อนตะลึงจันทร์…”

‘มังกรน้ำแข็งเหมันต์ที่ถูกฝังกระดูกอยู่ที่นี่ เกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งท่านนั้นอย่างที่คิด และเขาก็ดูจะเกี่ยวพันกับปริศนาฝูงมังกรว่ายเข้าทะเลอีกด้วย ตัวอักษรพวกนี้เป็นคำชี้แนะ เป็นคำพูดทิ้งท้าย หรือเป็นข้อความเตือนกันแน่?’

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา “น่าสนใจ น่าสนใจ…”

สำหรับวรยุทธ์วิชาที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งอาจเหลือทิ้งไว้ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้สนใจสักเท่าไร แต่ว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของที่หายไปโดยไม่รู้สาเหตุของท่านจอมยุทธ์ในตอนนั้น กลับเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ได้มากกว่า

แต่ ณ ตอนนี้ยังข้อมูลมีน้อยเกินไป จึงถือเป็นเรื่องในอนาคต

สิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอสนใจในตอนนี้ หนึ่งคือข่าวคราวของเยี่ยจิ่ง สองคือเมิ่งหว่านที่อยู่ในบึงเย็นก่อนหน้านี้

‘สตรีจันทรา…’ เยี่ยนจ้าวเกอฝืนยิ้ม ‘นภาพิภพกว้างใหญ่เช่นนี้ แต่กลับหาสตรีแห่งหยินไม่พบเลยสักคน เขากว่างเฉิงนี่โชคไม่ดีเอาเสียเลย’

สตรีจันทรามีจำนวนน้อยมาก และไม่ได้มีอยู่ในทุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้นการทดสอบแห่งจันทราสองครั้งที่ผ่านมา เขากว่างเฉิงจึงทำได้เพียงนั่งมองตาปริบๆ เท่านั้น คอยมองดูสตรีจันทราของสำนักอื่นประลองกัน ส่วนผู้ชนะเก็บมงกุฎจันทราไว้ในกระเป๋า

นี่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอเสียใจมาก

มงกุฎจันทราที่ปรากฏขึ้นหลังจากวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ แม้เยี่ยนจ้าวเกอจะไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับมันมากนัก แต่ในบรรดาสิ่งของที่วังเทพเก็บไว้ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ กลับมีคัมภีร์วรยุทธ์สูงสุดที่เหมาะกับการฝึกฝนของจอมยุทธ์หญิงที่มีจันทรากายอย่างน่าประหลาด เป็นคัมภีร์ชั้นยอดเหนือกว่าทุกคัมภีร์ที่มีอยู่ในโลกแปดพิภพในปัจจุบัน

ถ้าหากเขากว่างเฉิงมีลูกศิษย์แบบนี้สักคนหนึ่ง ต่อให้ไม่มีจันทรากาย หรือมีความสามารถและวรยุทธ์ทั่วไป เยี่ยนจ้าวเกอก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าจะบ่มเพาะนางเพื่อเข้าชิงมงกุฎจันทราได้

แต่แม่บ้านฝีมือดีก็ลำบากเมื่อขาดข้าวสาร[1] พูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์

เยี่ยนจ้าวพลันเกอกลอกตาครั้งหนึ่งด้วยความเจ็บใจ!

………………..

[1] แม่บ้านฝีมือดีก็ลำบากเมื่อขาดข้าวสาร อุปมาว่า ถ้าขาดวัตถุดิบหรือสิ่งของจำเป็นโดยเฉพาะ ก็ไม่อาจทำงานนั้นๆ ให้ดีได้

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset