ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 318 ปกปักษ์กว่างเฉิงชั่วนิรันดร์

ซ่งเฉากับเมืองทะเลมรกตคิดวางแผนอะไร ชั่วขณะหนึ่งเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่แน่ใจอยู่บ้างเช่นกัน

หากแต่ อย่างน้อยในช่วงเวลาอันสั้น เยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะตรึกตรองต่อไปอีก

สำหรับทั้งสำนักเขากว่างเฉิง เรื่องที่ให้ความสนใจมากที่สุดตอนนี้คือพิธีฝังศพ

เคราะห์หนักกว่างเฉิงหนนี้ ผ่านเหตุอลหม่านจากภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต แล้วประสบกับการบุกรุกโดยสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ซ้ำอีก จอมยุทธ์กว่างเฉิงที่สิ้นชีพ ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

สือเถี่ยคือหนึ่งในนั้น นอกจากนี้ ก็ยังมีศิษย์ร่วมสำนักคนอื่นพบเคราะห์เช่นกัน ขณะนี้ศพล้วนถูกเก็บ ประกอบพิธีฝังไปด้วยกันแล้ว

ทุกคนที่ต่างมีญาติมิตรสหายเก่า บ้างเยอะบ้างน้อย บัดนี้ต่างก็รู้สึกโศกเศร้าอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

ซึ่งที่ส่งผลกระทบมากที่สุด สำหรับทั้งสำนักเขากว่างเฉิง ก็ยังเป็นการล่วงลับของสือเถี่ย

ไม่นับซินตงผิงกับผู้อาวุโสหวังที่ถูกขจัดจากสำนัก สือเถี่ยเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดของสำนักเขากว่างเฉิงที่ล่วงลับในเภทภัยครานี้

รวมทั้งคนที่ถูกภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตแทรกซึมกัดกร่อน ครั้งนี้สำนักเขากว่างเฉิงสูญเสียไปไม่น้อย ปราณดั้งเดิมถูกทำลายไปค่อนข้างมาก

เคราะห์ดี หยวนเจิ้งเฟิงและเยี่ยนตี๋เลื่อนขั้นต่อเนื่องกัน อีกทั้งการแกร่งขึ้นของค่ายกลคุ้มกันเขากว่างเฉิงและมหาค่ายกลนภา ทำให้พลังความสามารถทั้งสำนักพัฒนาสูงขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน

อีกทั้งย้อนโจมตีเขตแดนอัคคีพิภพและวายุพิภพที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยึดครอง ได้รับทรัพยากรจำนวนมาก และชดเชยความเสียหายของเขากว่างเฉิงด้วยเช่นกัน

ซึ่งศัตรูของตน สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ ก็เสียหายสาหัสสากรรจ์เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ทำอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาตรสุริยันวัดสวรรค์หายไป ขาดทุนจนแทบกระอักโลหิต

พิธีฝังศพอำนวยการโดยเยี่ยนตี๋ ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าสำนัก หยวนเจิ้งเฟิงและยอดฝีมือกว่างเฉิงระดับสูง ล้วนทอดถอนใจ พร้อมกันส่งพวกสือเถี่ยเดินทางครั้งสุดท้าย

ในลูกตาดำทั้งสองเยี่ยนตี๋ทอประกายอักขระยันต์ ขับเคลื่อนมหาค่ายกลนภาหมุนเวียนอย่างเชื่องช้า

ขณะมหาค่ายกลโคจร แสงกระจ่างสายหนึ่งสาดส่องไกลออกไป กอปรขึ้นเป็นฉากภาพลวงแสงสุกสว่างฉากหนึ่ง ราวกับเป็นฟ้าดินอีกชั้นหนึ่ง

ที่นั่นคือมิติต่างแดนแห่งหนึ่ง แตกต่างจากมิติต่างแดนยามเมื่อบุตรบิดาเยี่ยนตี๋และเยี่ยนจ้าวเกอ ประมือเดือดกับซินตงผิงและหยวนเทียนโดยสิ้นเชิง

ในมิติแห่งนี้ ส่องประกายแสงสะท้อนผิวน้ำใสกระจ่างพราวระยับ ราวกับทะเลสาบกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง

ทั่วทั้งมิติต่างแดน ทั่วทั้งโลกใบน้อยๆ ล้วนประหนึ่งทะเลสาบแห่งหนึ่ง

เหล่าศิษย์กว่างเฉิงอันกอปรด้วยเยี่ยนจ้าวเกอ สวีเฟย เฟิงอวิ๋นเซิง ซือคงจิง อิงหลงถูและคนอื่นๆ พลันสีหน้าเคร่งขรึมเคารพ

คณะซ่งเฉาที่รุดขึ้นหน้าเข้าร่วมพิธี ต่างก็เพ่งมองโลกในทะเลสาบนั้นเช่นกัน

หลี่จิ้งหว่านรำพันเสียงเบา “นั่นคือสถานที่ฝังศพของคนในสำนักแต่ละรุ่นเขากว่างเฉิง ทะเลสาบสวรรค์สร้าง…”

ซ่งเฉาผงกศีรษะ “ถูกต้อง”

ธรรมเนียมปฏิบัติของเขากว่างเฉิง ครั้นศิษย์ในสำนักล่วงลับ ร่างไร้วิญญาณสามารถเก็บประกอบพิธีฝังได้ทั้งหมด ฝังไว้ในทะเลสาบสวรรค์สร้างทั้งสิ้น เว้นเสียแต่ตระกูลผู้ตายจะมีคำขอเป็นพิเศษ เฉกเช่นนำกลับตระกูลทำพิธีฝัง เป็นต้น

หลังจากประกอบพิธีฝังคนอื่นๆ แล้ว โลงเย็นใสที่บรรจุสือเถี่ยไว้ ก็ถูกเยี่ยนตี๋ประคองไว้ด้วยตัวเอง มายังโลกภายทะเลสาบ

เขายืนอยู่กลางท้องฟ้าเหนือทะเลสาบกว้างใหญ่ ก่อนจะนำโลงเย็นวางราบไว้ตรงหน้า แล้วพิศดวงหน้าอันสงบเย็นของสือเถี่ยภายใน ขณะเดียวกันก็ไม่เอ่ยวาจาอยู่เนิ่นนาน

บนใบหน้าสือเถี่ยถึงกับยังระคนด้วยรอยยิ้มจางๆ ส่วนหนึ่ง คล้ายกับต้องการจะปลอบโยนหลายส่วน อีกทั้งปลื้มปีติหลายส่วน

ใบหน้าเยี่ยนตี๋นิ่งสงัดดุจน้ำ วาดฝ่ามือผ่านเหนือฝ่าโลงเย็น

เวลานี้ เงาร่างหนึ่งมาถึงยังข้างกายเยี่ยนตี๋ ทว่าเขาไม่ได้ขยับร่าง ด้วยรู้ว่าผู้มาเยือนเป็นผู้ใด

ใบหน้าฟางจุ่นซูบผอมเช่นเคย อากัปกิริยาสุภาพเรียบร้อย เพียงรอยยิ้มที่เคยชินบนใบหน้ายามปกติ บัดนี้กลับไม่เห็นร่องรอย แววตาชะงักนิ่ง

เขายื่นมือออกไป คล้ายกับอยากจะวางฝ่ามือลงบนฝาโลง เฉกเช่นเยี่ยนตี๋

ทว่ายามเมื่อนิ้วมือห่างจากโลงเย็นไม่ถึงหนึ่งนิ้ว มือของฟางจุ่นก็หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศไม่ไหวติง คล้ายกับไม่กล้าสัมผัสอยู่บ้าง

เยี่ยนตี๋รำพันเสียงเบา “ศิษย์พี่ใหญ่จะไม่ถือโทษท่านหรอก อาจารย์ ข้า คนอื่นๆ ต่างไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น”

สีหน้าฟางจุ่นไม่เปลี่ยน หากแต่เหมือนกับรูปปั้นอย่างไรอย่างนั้น ยืนแน่นิ่งอยู่กลางอากาศ ไม่เอ่ยวาจาสักคำ ไม่ไหวติงสักนิด

ถึงแม้ว่าเหตุอลหม่านภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตจะถูกทำให้สงบลง พวกซินตงผิงก็ถูกประหารชีวิตแล้วเช่นกัน กระนั้นในอีกแง่มุมหนึ่ง ฟางจุ่นรู้สึกว่าตนเองต่างหากที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริงของเคราะห์ครานี้

เป็นเขาที่ผลักประตูใหญ่ต้องห้ามบานนั้นคนแรก

แม้ว่าตัวเขาเองจะอาศัยจิตใจเด็ดเดี่ยวแกร่งกล้า ปิดประตูใหญ่ลงอีกหน ทำให้เงามืดที่นพยมโลกพยายามยื่นเข้ามาหาโลกแปดพิภพครั้งแรกต้องหดกลับไปใหม่อีกครั้ง

ทว่าซินตงผิงกลับเหยียบย่ำ ตามรอยวงโคจรที่เขาเคยเดิน เพิ่งจะสืบเท้าก้าวหนึ่งอันราวกับฝันร้ายออกมา

เขากับซินตงผิง ท้ายที่สุดแล้วใครคือผู้สร้างภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตกันแน่ บางครั้งยากอย่างยิ่งจะเอ่ยให้กระจ่าง

ฟางจุ่นมองดูสือเถี่ยที่อยู่ในโลงเย็นตรงหน้า ก่อนจะแลมองศิษย์ใต้สำนักกว่างเฉิงที่หล่นลงสู่ทะเลสาบสวรรค์สร้างเบื้องล่างไปแล้ว ประหนึ่งมีเงาคนที่มากกว่าผุดขึ้นตรงหน้า

นับตั้งแต่ทะเลสาบปิดนภา จนเหตุการณ์ที่เขตยุทธ์เมฆา กระทั่งเคราะห์ที่กว่างเฉิงครานี้

เรื่องสือซงเทา ฟางจุ่นเองก็รับรู้แล้วเช่นกัน ยามนี้ยิ่งมีเพียงความเงียบงัน

เยี่ยนตี๋เอ่ย “อย่าได้จมอยู่กับการคิดแก้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย สิ่งที่ศิษย์พี่ใหญ่อยากเห็นมากกว่าคือกว่างเฉิงไร้ทุกข์”

ฟางจุ่นชักมือกลับ ผงกศีรษะเชื่องช้า หันกายกลับผละออกไป

เยี่ยนตี๋สูดลมหายใจลึกคำหนึ่ง คลายมือที่ประคองอยู่บนโลงเย็น ปล่อยให้มันร่วงลงสู่ด้านล่าง

เงาร่างของสือเถี่ยค่อยๆ เล็กลงและไกลออก โลงเย็นจมสู่ภายในทะเลสาบ ก่อเกิดระลอกคลื่นกระเพื่อมไหว

เขาเพ่งมองดวงหน้าสือเถี่ยที่ค่อยๆ จมหายไปในน้ำ แววตาหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวอยู่ชั่วขณะ

บนปลายยอดเขานภากาศ หยวนเจิ้งเฟิงเผยเห็นใบหน้าเศร้าโศก มองดูเงาร่างของเยี่ยนตี๋และฟางจุ่น กับโลงเย็นใสโลงนั้น

ผู้ที่อยู่ในโลงเย็น คือศิษย์ใหญ่ของเขา ศิษย์คนแรกในชีวิต

ฝ่าลมฝนด้วยกันมานานหลายไป ผ่านเรื่องราวมากมาย ทุกอย่างราวกับเพิ่งเกิดเมื่อวาน

“ราชสีห์ เนื่องด้วยอาการเจ็บของอาจารย์ เนื่องด้วยอาจารย์กระจ่างชัดดี ว่าถ้าหากเข้าฌานจะสามารถมีชีวิตรอดออกมาได้หรือไม่ล้วนยากจะเอ่ย ข้าตั้งใจเลือกเจ้าดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักคนใหม่ เจ้ายินดีแบกภาระนี้ไว้หรือไม่?”

“อาจารย์ ศิษย์น้องฟางกับศิษย์น้องเยี่ยน พวกเขาล้วนยอดเยี่ยมกว่าศิษย์”

“คนแรกหัวรุนแรงเกินไป คนหลังก็ปากโป้งเกินไป ถึงแม้จะต่างก็ค่อยๆ สุขุมขึ้นมากโขตามอายุอานามที่เพิ่มขึ้น แต่หากต้องดูแลกว่างเฉิง ล้วนยังจำเป็นต้องขัดเกลา น่าเสียดาย ศัตรูนอกเฉกเช่นสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ อาจจะไม่ได้ให้เวลาพวกเรามากขนาดนั้น”

“อุปนิสัยของศิษย์ คร่ำครึดือรั้นเกินควร เกรงว่าก็ไม่ใช่คุณสมบัติของเจ้าสำนักเช่นกัน ศิษย์เชื่อ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์น้องฟางหรือศิษย์น้องเยี่ยน ล้วนจะกลายเป็นเสาหลักของสำนักเราได้ในที่สุด ศิษย์โฉดเขลาเชื่องช้า แต่ก็เต็มใจสละชีวิตเพื่อสำนักเช่นกัน ไม่ว่าจะรับตำแหน่งหน้าที่ใด เวลาใดสถานที่ใดก็ตาม ขอเพียงสำนักต้องการศิษย์ ศิษย์ก็จะลุกขึ้นออกมาอย่างแน่นอน นี่คือภาระหน้าที่อันปฏิเสธไม่ได้”

“ที่พูดมาก็ใช่ นิสัยเจ้าซื่อตรงเกินไป เกรงว่าจะถูกตาเฒ่าหวงกับเฒ่าหัวโล้นเฉิน เหล่าชายชราผู้เจ้าเล่ห์วางแผนสกปรกได้ เอาเถิด ในเมื่อเจ้ายืนกรานไม่ยอม เช่นนั้นก็ดูเสียว่า ‘มังกรซ่อนเงื่อน’ กับ ‘ไร้เทียมทาน’ ผู้ใดจะสามารถสำแดงฝีมือออกมาได้เต็มก่อนก้าวหนึ่ง แบกรับภาระอันหนักอึ้งนี้…”

ครั้นหวนนึกถึงอดีต หยวนเจิ้งเฟิงหลับตาลังด้วยความทุกข์ระทมอยู่บ้าง

ประจันหน้าแข็งชนแข็งกับหวงกวงเลี่ย ประคับประคองเขากว่างเฉิงตระหง่านไปไม่ล่มสลาย หยวนเจิ้งเฟิง ปราชญ์เทียมนภาผู้ซึ่งนามกระฉ่อนโลกแปดพิภพ ผู้ซึ่งย่างเหยียบระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถวิลหาแม้ยามฝันมานานหลายปี บัดนี้กลับปรากฏเห็นว่าอ่อนแออย่างยิ่ง

ผู้อาวุโสสูงสุดจางคุนและเหอหนิงที่อยู่หลังกายเขาเห็นสภาพการณ์ ต่างก็ทอดถอนใจครั้งหนึ่ง

ศิษย์พี่หยวนที่เป็นเช่นนี้ กาลก่อนพวกเขาเคยเห็นเพียงคราเดียว นั่นก็คือหลังอาจารย์ที่เคารพของหยวนเจิ้งเฟิง จ่านซีโหลว บุรุษเทียมสวรรค์ล่วงลับ

วันนี้กลับได้เห็นอีกครั้ง

“ยามต้องการให้เจ้าลุกยืนออกมา เจ้าบอกว่าเจ้าจะยืนออกมาแน่นอน เจ้าทำได้อย่างที่ว่าไว้จริงๆ ” หยวนเจิ้งเฟิงรำพึงรำพันกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงตัวเองเท่านั้นสามารถได้ยิน “…แต่ว่าเจ้าเด็กโง่ เจ้ายืนหยัดออกมาแล้ว หลังจากมรสุมสงบ เจ้ากลับจากอาจารย์เช่นกัน!”

………….

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset