ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – ตอนที่ 97 ข้าจะให้เจ้าตายยามสาม ใครจะช่วยเจ้าให้อยู่ถึงยามห้ากัน!

รูขุมขนทั่วทั้งร่างของเยี่ยนจ้าวเกอถูกกระตุ้นจากในจุดตันเถียน กลุ่มธาตุลมปราณเกิดการแยกกลุ่มขึ้น กลุ่มหนึ่งหยิน กลุ่มหนึ่งหยาง กลุ่มหนึ่งเย็นเยียบ กลุ่มหนึ่งร้อนรุ่ม

ปราณมังกรน้ำแข็งกับพลังเปลวเพลิงผสานเข้าด้วยกัน สะสมอยู่ภายในจุดลมปราณ จนกลายรูปเป็นมังกรน้ำแข็งและมังกรเพลิงพุ่งออกมาภายนอกร่างกาย

มังกรน้ำแข็งและมังกรเพลิงสอดประสานกัน เดี๋ยวกลายเป็นกระดูก เดี๋ยวกลายเป็นชีพจร เดี๋ยวกลายเป็นเลือดเนื้อ

ฝ่ามือขนาดยักษ์ข้างหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

เมื่อครู่เยี่ยนจ้าวเกอใช้ฝ่ามือตบเยี่ยจิ่งกระเด็นไป บัดนี้อีกฝ่ายนอนชักอยู่บนพื้น ครึ่งหนึ่งของร่างกายแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอทอดสายตามองไป เขาได้ยินเสียง ‘แฮ่กๆ’ ดังออกจากปากของเยี่ยจิ่ง เขากำลังพยายามดิ้นรนอย่างไม่หยุดยั้ง

แหวนสีแดงเข้มวงนั้นเหมือนกับจะส่องแสงสว่างหลายสายขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งมีเสียงคำรามราวกับมาจากยุคดึกดำบรรพ์ข้ามผ่านกาลเวลาออกมาอย่างไรอย่างนั้น

ร่างกายครึ่งท่อนที่แตกกระจายของเยี่ยจิ่งไม่มีโลหิตไหลออกมา จุดที่มีบาดแผลกลับมีเปลวเพลิงปริมาณมากไหลออกมาแทน

เปลวเพลิงค่อยๆ หลอมรวมเข้าหากัน เกิดเป็นรูปร่างเหมือนร่างกายของเยี่ยจิ่งขึ้นมาอีกครั้ง

ร่างกายของเยี่ยจิ่งสั่นสะเทือนอยู่บนพื้นดิน ก่อนจะดีดตัวขึ้นมา แล้วพุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความเร็วที่เร็วยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก!

เขาส่งเสียงทุ้มต่ำและดุร้ายออกมาจากปาก นั่นไม่ใช่ภาษาของมนุษย์ มันทั้งเก่าแก่และประหลาด อีกทั้งยังอันตรายและลึกลับอยู่ในที

เยี่ยจิ่งดันฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปในระนาบเดียวกัน เปลวเพลิงรอบกายเปลี่ยนรูปเป็นแสงสีแดง ทั้งดุร้ายและร้อนรุ่ม

บริเวณที่แสงสีแดงลุกลามไปถึง ทุกสรรพสิ่งโดยรอบ แม้แต่อากาศเสมือนถูกไฟแผดเผาทั้งหมด

ทุกสิ่งที่มีอยู่ราวกับกลายเป็นเชื้อเพลิงให้กับไฟเพลิงทั้งสิ้น โดยส่งเสริมให้พลังไฟรุนแรงขึ้น และขยายตัวกว้างออกไปไม่หยุด และกลืนกินสิ่งอื่นๆ ต่อไป

เพลิงเดือดดาลไร้ความปราณี แผดเผาทุกสิ่งทุกอย่าง!

ขณะที่แสงสีแดงสว่างจ้า ก็เสมือนกับเป็นคมดาบกำลังฟันมาทางเยี่ยนจ้าวเกอ!

นี่ไม่ใช่วรยุทธ์เดิมที่เยี่ยจิ่งเคยฝึกฝนมา ถึงขั้นไม่ใช่กระทั่งวรยุทธ์วิชาที่โลกของจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์เคยมีมา!

ถึงแม้ว่าอวัยวะภายในของเยี่ยจิ่งจะเหมือนกับกำลังเผาไหม้ ทว่าเขาในตอนนี้ก็กลับรู้สึกเพียงว่าตนเองแข็งแกร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ในใจของเขารู้สึกสะใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความหวังที่จะโจมตีเยี่ยนจ้าวเกอจนพ่ายแพ้ก็ดูจะเป็นจริงขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกัน…

‘พลั่ก!!’

แต่ยังไม่ทันที่เยี่ยจิ่งจะได้ลิ้มลองรสชาตินั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็ใช้มือใหญ่ที่หลอมรวมมาจากปราณจิตราตบเขาอย่างแรงฉาดหนึ่ง!

วินาทีถัดมา เยี่ยจิ่งก็ถูกเยี่ยนจ้าวเกอตบกระเด็นไปอีกครั้ง!

ชายหนุ่มเอียงคอลงเล็กน้อย “บุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นหรือ?”

เยี่ยจิ่งที่อยู่บนพื้นดิ้นทุรนทุรายราวกับปลาขาดน้ำอย่างไรอย่างนั้น ดวงตาสีแดงเพลิงจ้องมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ

นัยน์ตาทั้งสองของเขาราวกับจะมีไฟลุกไหม้ขึ้นมา

เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ได้มองเขา เพียงมองดูเหตุการณ์โดยรอบ

“คงไม่ต้องหวังพึ่งเฒ่ามารหัวขวานแล้วล่ะ เจ้าว่าตอนนี้จะมีมหาปรมาจารย์คนไหนโผล่ออกมาช่วยเจ้าอีกหรือไม่ หรือว่าจะเป็นหญิงงามโผล่ออกมาแทน หญิงงามช่วยวีรบุรุษอย่างนั้นหรือ?”

“แท้จริงแล้วตอนแรกข้าหวังไว้ ว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็เขาไร้พรมแดนจะรับเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์”

“ตอนนั้นในหุบเหวปราการมังกร ข้าเห็นแหวนวงนั้นของเจ้าก็สงสัยอยู่ ว่าเจ้าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิปีศาจอัคคี”

เขายิ้ม “ตอนนั้นความห่างชั้นระหว่างเจ้ากับจักรพรรดิปีศาจอัคคียังมากเกินไป หากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มองผิดไป เห็นเพียงแค่ว่าอัคคีกายของเจ้าอาจจะเหมาะกับการฝึกฝนวิชาวรยุทธ์ของพวกเขา ไม่แน่ว่าอาจจะรับเจ้าเอาไว้จริงๆ”

“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ถือว่าฝังกับดักไว้สำเร็จแล้ว”

“แต่เมื่อเจ้ายิ่งอยู่กลับยิ่งจะรนหาที่ตาย” รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ “ให้เจ้ามีชีวิตบนโลกนี้ต่อไป รังแต่จะเป็นมลพิษเสียเปล่าๆ”

“ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะช่วยสงเคราะห์ให้”

ใบหน้าเยี่ยนจ้าวเกอเย็นเยียบ เขาเดินเข้าหาเยี่ยจิ่งทีละก้าว

ทุกย่างก้าวของชายหนุ่มราวกับจะสั่นสะเทือนผืนแผ่นดินได้ ฝ่ามือขนาดมหึมาที่เกิดจากปราณจิตราเหนือหัวของเขาเหมือนของจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังขยายใหญ่ขึ้นจนน่ากลัวเช่นกัน!

พลังปราณเยือกเย็นกับพลังปราณร้อนรุ่ม เสมือนกับกลุ่มมังกรที่คอยปกป้องอารักขาร่างกายเยี่ยนจ้าวเกอเอาไว้ ประหนึ่งกับองค์เทพจุติอย่างไรอย่างนั้น

ดวงตาทั้งสองของเยี่ยจิ่งทอประกายเด็ดเดี่ยว ตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ชาติสุนัข ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะลากเจ้าไปด้วย!”

ระหว่างที่ตะโกนเสียงดังลั่น เยี่ยจิ่งพยายามยื่นมือข้างที่สวมแหวนสีแดงเข้มวงนั้นออกมา

แหวนกลายเป็นแสงสีแดงทรงกลมโดยสมบูรณ์แล้ว ล้อมรอบอยู่บนนิ้วมือของเขา

ภายในแสงทรงกลมนั้น ปรากฏภาพที่เหมือนกับหินหลอมเหลวในอเวจี หรือแม้กระทั่งโลกแห่งเพลิงขึ้นอีกครั้ง ยักษ์เพลิงมายาตนหนึ่งราวกับกำลังเงยหน้าขึ้นร้องตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว

หลังจากสือเถี่ยทำลายแหวนวงนี้ พลังของมันอ่อนลงเป็นอย่างมาก ทว่าบัดนี้เยี่ยจิ่งกลับจะใช้ชีวิตของตนขับเคลื่อนมัน!

“ปีศาจอัคคีสลายร่าง! แผดเผาฟ้าดินให้ดับมอด!”

ไม่คาดคิดเลยว่า เยี่ยจิ่งจะใช้มือที่ข้างมีแหวนสีแดงเข้ม เสียบเข้าไปที่หน้าอกของเขาเองโดยตรง!

เมื่อแหวนสีแดงเข้มเข้าไปในร่างกายของเยี่ยจิ่ง ที่บัดนี้เรียกได้ว่าแทบจะสร้างขึ้นมาโดยเปลวเพลิง ภายในร่างกายของเขาก็พลันเกิดแสงสว่างเจิดจ้าสว่างขึ้น!

ซึ่งไม่ใช่แสงสีแดงเพลิงอีกต่อไป ทว่ากลับเป็นแสงสีขาวสว่าง!

แสงสีขาวส่องทะลุออกจากร่างกาย เปลวเพลิงที่กำลังเริงระบำบนร่างกายอันเกิดจากไฟของเยี่ยจิ่ง จู่ๆ ก็หลอมรวมกันกลายเป็นของแข็งในพริบตา

จากนั้นร่างกายของเขาก็ค่อยๆ มีรอยแตกร้าวราวกับเครื่องแก้ว

ในรอยแตกร้าวนั้น แสงสีขาวยิ่งเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีพลังทำลายล้างที่เห็นได้ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน!

เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอเห็นภาพฉากเช่นนี้แล้ว เขาก็พลันแสยะยิ้ม

ชายหนุ่มไม่หลบไม่หลีกแต่อย่างใด เขายังใช้ฝ่ามือขนาดยักษ์เหนือศีรษะ ซึ่งกลายรูปมาจากปราณจิตราตบลงไปฉาดหนึ่งอีกครั้ง!

‘โครม!!’

ท่ามกลางเสียงดังสนั่น แสงสีขาวที่ยังไม่ทันได้ปะทุก็มอดดับไป!

หนึ่งฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอตบเยี่ยจิ่งจนนอนราบกับพื้น!

บนพื้นดินขนาดกว้างหลายร้อยหมี่[1]ที่มีทั้งสองเป็นศูนย์กลาง เกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่มหึมา!

เยี่ยนจ้าวเกอยืนนิ่งอยู่กลางอากาศเหนือใจกลางหลุมลึก ก้มมองลงไปที่ก้นบึ้งของหลุมนั้น

“เป็นแค่เด็กอมมือ ยังคิดอยากจะเป็นปีศาจหรือ เจ้าคิดตนเองเป็นจักรพรรดิปีศาจอัคคีหรืออย่างไร”

ที่ก้นหลุมลึก มีเงาร่างที่แทบจะไม่เหมือนมนุษย์ ราวกับผ่านการแผดเผาของเปลวไฟบรรลัยกัลป์

ขาทั้งสองข้างหายและแขนข้างหนึ่งสลายหายไปจนสิ้น เหลือเพียงแค่แขนข้างหนึ่ง กับแหวนบนนิ้วมือที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวนับไม่ถ้วน

ผิวหนังทั่วร่างล้วนดำเกรียมราวกับถ่านหิน

มีเพียงลายสีแดงเข้มที่เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืดดับ เหมือนกับประกายเพลิงอันน้อยนิดที่หลงเหลืออยู่ในเถ้าถ่าน

เยี่ยจิ่งที่มีใบหน้าดำเกรียมจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านบนอย่างไม่ลดละ บัดนี้อ่อนแอไร้กำลังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทว่าความเกลียดชังและโกรธเกรี้ยวก็รุนแรงดุเดือดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกัน!

เพราะฝ่ามือนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ จึงทำให้พื้นดินโดยรอบค่อยๆ ถล่มลงราวกับแผ่นดินไหว หน้าดินสั่นสะเทือนไม่หยุด อีกทั้งยังแตกร้าวขยายออกไปไกลโดยที่มีหลุมลึกนั่นเป็นจุดศูนย์กลาง

ในระหว่างที่เกิดการสั่นสะเทือน ด้านล่างของหลุมลึกก็เหมือนกับจะถล่มลงเช่นกัน ด้านล่างมีเสียงน้ำไหลดังลอดออกมา เสมือนกับแม่น้ำใต้ดินกำลังไหลอยู่

ร่างกายของเยี่ยจิ่งกำลังจะตกลงไปในแม่น้ำใต้ดินที่อยู่ด้านล่าง

ภายในแม่น้ำใต้ดิน ปราณพิษแพร่กระจายขึ้นมา ขวางกั้นไม่ให้เยี่ยนจ้าวเกอตามลงไป

เยี่ยจิ่งกล่าวเสียงแหบแห้งว่า “เยี่ยนจ้าวเกอ เจ้ามันชาติสุนัข ขอแค่ข้ายังมีลมหายใจอยู่ ก็จะสู้กับเจ้าให้ถึงที่สุด! ข้า…”

ทว่าเขายังไม่ทันกล่าวจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็อาศัยเคล็ดวิชาเหวเวหาทวนกระแส กระโดดตามเขาลงไปในหลุมลึก ใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวก็มาถึงตรงหน้าเยี่ยจิ่ง!

เยี่ยนจ้าวเกอเสมองเขาแวบหนึ่ง “รัศมีตัวเอกอย่างนั้นหรือ?”

“เมื่อมีคนจะสังหารเจ้า ก็มักจะเกิดเรื่องขึ้น ทำให้สังหารเจ้าไม่สำเร็จ จนเจ้าหนีไปได้ จากนั้นก็ฝึกฝนวิชาแล้วกลับมาแก้แค้นหรือ?”

“เจ้าไม่ได้สิ้นชีพในหุบเหวปราการมังกร ก็เพราะข้าไม่ได้คิดจะสังหารเจ้า แต่ตอนนี้หรือ…”

ฝ่ามือขนาดยักษ์ที่กลายรูปมาจากปราณจิตราเหนือศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอ ตบลงมาอีกครั้ง!

“ข้าเยี่ยนจ้าวเกอจะให้เจ้าตายตอนยามสาม ใครจะช่วยเจ้าให้รอดถึงยามห้ากัน!”

ทันทีที่ฝ่ามือตบลงไป เสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้นของเยี่ยจิ่งก็พลันหยุดลงทันที!

‘โครม!’

ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ทุกสิ่งก็ดับสลาย!

เงาวิญญาณเบาบางดวงหนึ่ง ก็สลายหายไปด้วย!

วิญญาณแตกซ่านไม่อาจฟื้นคืนกลับมาได้อีก!

………………..

[1] หมี่ เท่ากับ เมตร

Related

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset