ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – ตอนที่ 440 ภัยพิบัติของโลกลอยน้ำ

ไม่ใช่แค่สำนักเมฆาโลหิตเท่านั้น สำนักเพลิงโหมและสำนักอัสนีคำรน สองสำนักใหญ่ที่ในบรรดาสี่สำนัก ฃก็จู่โจมพร้อมกัน

บรรยากาศในตำหนักใหญ่ที่ตึงเครียดอยู่แล้ว พลันเน่าหวาดหวั่นขั้น ทำให้ทบจะต้องกลั้นหายใจ

มีคนบางคนมองซูอวิ๋นตรงๆ “นอกจากสำนักเมฆาโลหิตแล้ว ยังล่วงเกินสำนักเพลิงโหมและสำนักอัสนีคำรนด้วยหรือ”

ทั้งสามสำนักร่วมมือกันโจมตีเขามังกรเขียว แรงกดดันที่เกิดขึ้นนี้ สำนักเมฆาโลหิตสำนักเดียวมิอาจรับได้

ถ้าหากบอกว่ามีแค่สำนักเมฆาโลหิตสำนักเดียว ถึงแม้สำนักเขามังกรเขียวจะไม่ยอมถูกฉีกหน้าโดยสิ้นเชิง แต่ก็ต้องเปลืองแรงอยู่บ้าง ตอนนี้ย่อมมีความรู้สึกเหมือนถูกภูเขากดทับอยู่เหนือศีรษะแล้ว

ซูอวิ๋นมองหลัวจิ่งฮ่าวด้วยอย่างสงบ

หลัวจิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เนิ่นนานให้หลังค่อยกกล่าว “ดูจากสภาพการณ์ คงไม่ใช่เพื่อปี่เซียะภูเขาเท่านั้น แต่กำหนดให้สำนักเราเป็นเป้าหมายด้วย”

ผู้อาวุโสฉี ผู้อาวุโสถง และคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้น จิตใจก็เย็นเยียบลง

เมื่อเผชิญหน้ากับการร่วมมือกันโจมตีของสามสำนัก ถ้าหากเป้าหมายมีแค่พวกเยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้น เช่นนั้นสำนักเขามังกรเขียวอาจจะพิจารณาว่าจะจับพวกเขาส่งออกไป

แต่ถ้าหากทั้งสามสำนักได้ข้อตกลงแล้วว่าเป้าหมายเป็นสำนักเขามองกรเขียว เช่นนั้นเยี่ยนจ้าวเกอและปี่เซียะภูเขา หรือหนึ่งในเป้าหมายนั้น ยังไม่อาจเติมเต็มความปรารถนาของสำนักเมฆาโลหิตได้

มองจากอีกมุม นี่เป็นแค่ข้ออ้างหนึ่งเท่านั้น

ถึงจะไม่มีเยี่ยนจ้าวเกอและพ่านพ่านเป็นข้ออ้าง สำนักเมฆาโลหิต สำนักอัสนีคำรน และสำนักเพลิงโหมก็มีเหตุผลอื่นอยู่ดี

เกาทัณฑ์ยิงแล้วไม่หวนกลับ

ผู้อาวุโสถงกล่าวด้วยความเคียดแค้น “เหตุใดไม่ได้รับข่าวใดเลย สามสำนักลงมือพร้อมกัน พวกเขาไม่กลัวว่าจะถูกยึดสำนักหรือ”

ในปัจจุบัน โลกลอยน้ำมีสายเลือดสัตว์ปีศาจชั้นสูงสุดห้าชนิด แบ่งเป็น ราชสีห์วิเศษซวนหนีเลือดผสม พญาปักษาชิงเหนี่ยว วานรทอง มังกรไร้เขาชิงชือ และอีกาอัคคี

สำนักอัสนีคำรนครอบครองสายเลือดของราชสีห์วิเศษซวนหนีเลือดผสม สำนักอัสนีคำรนในอดีตเคยจับราชสีห์วิเศษซวนหนีเลือดผสมซึ่งได้รับบาดเจ็บได้ ต่อมาสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งตัวนี้หนีไปได้ ดังนั้นราชสีห์วิเศษจึงมองสำนักอัสนีคำรนเป็นศัตรูมาโดยตลอด

ในขณะเดียวกัน ปีศาจอัสนีที่อยู่ในสามปีศาจ ก็คือยอดฝีมือคนหนึ่งของสำนักอัสนีคำรน หลังจากที่ปลุกสายเลือดสัตว์ปีศาจได้แล้ว ก็กลายเป็นจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจ

ระหว่างปีศาจอัสนีกับสำนักอัสนีคำรนไม่ได้มีความสัมพันธ์ปรองดองกันนัก เมื่อรวมกับเมื่อมีราชสีห์วิเศษซวนหนีเลือดผสมที่เป็นสัตว์ปีศาจบริสุทธิ์อีกตัว ทั้งสามฝ่ายจึงประจัญหน้ากัน เกิดการต่อสู้ระหว่างกันอยู่บ่อยครั้ง

สำนักเพลิงโหมครอบครองสายเลือดอีกาอัคคี ในอีตได้รับสายเลือดมาโดยบังเอิญ แต่ว่าจอมยุทธ์เลือดปีศาจของสำนักเพลิงโหมก็ถูกอีกาอัคคีมองเป็นศัตรูเช่นกัน

สำนักเมฆาโลหิตครอบครองสายเลือดพญาปักษาชิงเหนี่ยว ปีศาจปักษาที่เป็นหนึ่งในสามปีศาจ ก็เป็นจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจของสำนักเมฆาโลหิต มีความสัมพันธ์กับสำนักเลวร้ายสุดขีดเช่นกัน

แต่ที่สำนักเมฆาโลหิตค่อนข้างได้เปรียบก็คือ พญาปักษาชิงเหนี่ยวที่เป็นสัตว์ปีศาจบริสุทธิ์มีนิสัยรักสงบ อาศัยอยู่ในสำนักเมฆาโลหิต และได้รับการเลี้ยงดูจากทางสำนัก

ดังนั้นการออกจากสำนักของเจ้าสำนักเมฆาโลหิตหลู่หมิง จึงมีความกริ่งเกรงลดน้อยลงเล็กน้อย ต่อให้ปีศาจปักษามาบุกรุก สำนักก็มีพญาปักษาชิงเหนี่ยวคอยดูแล

สำนักอัสนีคำรนและสำนักเพลิงโหมจึงมีอุปสรรคมากกว่า

หลัวจิ่งฮ่าวมีใบหน้าเคร่งขรึม “เกรงว่าจะวางแผนไว้แต่แรกแล้ว สำนักเมฆาโลหิตจงใจทำตัวยโสเพื่อดึงดูดความสนใจ สำนักอัสนีคำรนกับสำนักเพลิงโหมสร้างภาพลวงหลอกเรา แอบเคลื่อนไหวในที่ลับ”

ผู้อาวุโสฉีมีใบหน้าหนักใจถึงขีดสุด “ปีศาจอัสนีกับราชสีห์วิเศษซวนหนีเลือดผสมตัวนั้นน่าจะสู้กัน ทำให้สำนักอัสนีคำรนมีเวลาว่าง ส่วนอีกาอัคคีอาจจะถูกมัดมืดมัดเท้าด้วยวิธีการที่พวกเราไม่ทราบ ทำให้สำนักเพลิงโหมไร้ข้อกังวลอีก”

หลัวจิ่งฮ่าวยืนขึ้น ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “รวมกลุ่มลูกศิษย์ธรรมดา ถอยไปให้พ้นเขตอันตราย หลีกเลี่ยงการสูญเสียโดยไร้ประโยชน์ อัญเชิญโซ่กระดูกมังกร เตรียมตัวต่อสู้”

ทุกคนมีสีหน้าเคร่งขรึมถึงขีดสุด ภัยพิบัติร้ายแรงตรงหน้า หากเขามังกรเขียวผ่านไปไม่ได้ ก็อาจจะถูกทำลายได้ตลอดเวลา!

ในตอนนี้พวกเขามองไปที่ซูอวิ๋น กลับค้นพบอย่างงงันว่า เจ้าสำนักกระเรียนหิมะท่านนี้ยังคงสงบนิ่งดุจภูผา

ผู้อาวุโสฉีแค่นเสียง “รังตกไม่มีไข่เหลือแท้ๆ![1]”

ซูอวิ๋นยิ้มอย่างเรียบเฉย “ข้าก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน”

ทุกคนพอได้ยินก็รู้สึกงงงันยิ่งกว่าเดิม

เมฆสีเลือดปกคลุมท้องฟ้าเหนือดินแดนตะวันตก ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศไม่ขยับไม่ด้านหน้า

ชายชราผมขาวผู้หนึ่งนั่งอยู่กลางเมฆสีเลือด ด้านข้างเขาล้อมรอบไปด้วยกลุ่มจอมยุทธ์สำนักเมฆาโลหิต

ด้านหน้าชายชรามีน้ำเต้าสีแดงเลือดใบหนึ่งวางอยู่ บนน้ำเต้ามีลายรูปก้อนเมฆหลายก้อน

ตรงปากน้ำเต้ามีเมฆสีเลือดลอยออกมา จากนั้นก็รวมกับเมฆสีแดงที่อยู่รอบๆ

เนิ่นนานให้หลัง ชายชราผมขาวที่หลับตาทำสมาธิก็พลันลืมตาขึ้น สายตามองไปทางตะวันออกก่อน ณ ที่แห่งนั้นมีเสียงสายฟ้าครืนครานแสบแก้วหูดังขึ้น

เมื่อแสงสายฟ้าเข้ามาใกล้ๆ ก็เห็นเมฆสีม่วงซึ่งกระจายตัวอยู่เต็มท้องฟ้าม้วนพัด ในกลุ่มเมฆสีม่วงปรากฏแสงสายฟ้าตลอดเวลา

เมฆสีม่วงเข้ามาใกล้ กระทบกับเมฆสีเลือด หยุดการเคลื่อนไหวลง ไม่ได้เคลื่อนไปด้านหน้าอีก

ชายชราผมขาวพยักหน้าเล็กน้อย หลับตาทำสมาธิอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งสองฝ่ายคล้ายไม่สนใจเคล็ดวิชาที่เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วของอีกฝ่าย

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ตรงเส้นขอบฟ้าทางเหนือ พลันมีเพลิงสูงพัดมา แสงไฟโหมไหม้พลันกลายเป็นทะเลเพลิงไปแถบหนึ่ง

อีกาเพลิงมากมายปรากฏขึ้นท่ามกลางทะเลเพลิง เชื่อมต่อกันกลายเป็นกองทัพ คล้ายกับคิดเผาแผ่นฟ้าต้มผืนน้ำ อานุภาพรุนแรงยิ่งกว่าเมฆสีเลือดและเมฆสายฟ้าเสียอีก

ชายชราผมขาวลืมตาขึ้นอีกครั้ง เอ่ยปากอย่างเชื้องช้า “ในตอนนี้ทั้งสามสำนักมาพร้อมหน้ากันแล้ว พวกเราลงมือเถอะ”

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในกองทัพอีกาเพลิง “ก่อนจะลงมือ คุยกันให้เรียบร้อย จะได้ไม่ขัดแย้งกันภายหลัง กลายเป็นตอแยสำนักเขามังกรเขียวเสียเปล่า

“ทุกอย่างยังเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่”

ชายชราผมขาวในเมฆสีเลือดกล่าว “ถูกต้อง ทุกคนจะได้รับเลือดของปี่เซียะภูเขา สำนักเมฆาโลหิตของข้าจะเก็บปี่เซียะภูเขาตัวนั้นไว้เอง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน สำนักของข้าจะไม่ยึดสายเลือดมังกรไร้เขาชิงชือและโซ่กระดูกมังกรซึ่งเป็นของวิเศษของสำนักเขามังกรเขียว”

ในเมฆอัสนี มีเสียงสายฟ้าครืนครันดังมา “นอกจากเลือดของปี่เซียะภูเขา ข้าต้องการโซ่กระดูกมังกรด้วย”

เสียงในกองทัพอีกาเพลิงดังขึ้นอีกครั้ง “สำนักเพลิงโหมของข้าต้องการเลือดของปี่เซียะภูเขา กับสายเลือดของมังกรไร้เขาชิงชือที่สำนักเขามังกรเขียวรักษาอยู่”

ชายชราผมขาวกล่าว “ดินแดนตะวันตกจะถูกแบ่งให้สำนักทั้งสามเท่าๆ กัน ทั้งหมดเป็นไปตามที่ตกลงกันก่อนหน้าทุกประการ ครั้งนี้สำนักเขามังกรเขียวกับสำนักกระเรียนหิมะจะเหลือแต่เพียงประวัติศาสตร์

“หากขุมกำลังอื่นที่พึ่งพาสำนักเขามังกรเขียวยอมเชื่อฟัง ก็ขอให้ละเว้น หากขัดขืนก็ทำลายเสีย!”

ท่ามกลางเสียงพูดคุย เมฆสีเลือด เมฆสายฟ้า และเมฆเพลิงที่สงบก่อนหน้าพลันสั่นสะเทือนเลือนลั่น หลอมรวมกันกลายเป็นกระแสทำลายล้าง เคลื่อนตัวไปทางตะวันตกพร้อมกัน!

ระหว่างทางมีผู้ขัดขืน ทว่าเมื่อเมฆสีเลือด เมฆสายฟ้า และเมฆเพลิงพุ่งเข้าใส่ ทั้งหมดก็พลันอันตรธาน

มีลูกศิษย์ของสำนักเขามังกรเขียวบางคนแน่วแน่ สาบานว่าให้ตายก็ไม่ถอยหนี ต่อต้านศัตรูที่บุกรุกเข้ามา

แต่เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างชั้นกันเกินไป ครั้นแสงสีเขียวสว่างวาบท่ามกลางเมฆสีเลือด ศีรษะจอมยุทธ์เขามังกรเขียวขาดก็สะบั้น

บางคนเห็นศัตรูมีอานุภาพร้ายแรง ก็ได้แต่ต้องถอยหนี

แต่แสงสายฟ้ากะพริบขึ้น ระเบิดลูกศิษย์สำนักเขามังกรเขียวที่กำลังหนีเป็นผุยผง ไม่ทันเหลือคำพูดไว้

มีลูกศิษย์สำนักกระเรียนหิมะหนีไปได้ แต่ในทะเลเพลิงโหมไหม้มีคนแค่นหัวเราะ “จอมยุทธ์ฝึกปราณหรือ?”

ภายใต้การม้วนพัดของเปลวเพลิง ลูกศิษย์สำนักกระเรียนหิมะผู้นั้นพลันถูกเผาเป็นตอตะโก ไม่เหลือแม้แต่กระดูก

กระแสทำลายล้างกวาดไปทั่วดินแดนตะวันตก พุ่งไปที่แนวเขามังกรเขียว

คนในสำนักเขามังกรเขียวและกระเรียนหิมะถูกฆ่าหมดสิ้น มีขุมกำลังอื่นกล้าต่อกร แต่ก็มอดม้วยไม่เหลือหลอ

กระแสทำลายกดดันไปยังที่ใด เสียงที่เหมือนกับมัจจุราชล้วนดังไปถึงที่นั่น “สำนักเขามังกรเขียวและสำนักกระเรียนหิมะปกป้องคนที่ก่อให้เกิดภัยพิบัติขึ้นในโลกลอยน้ำ วันนี้พวกเราสามสำนักร่วมมือกันกำจัดสำนักเขามังกรเขียว เพื่อช่วยเหลือใต้หล้า คนที่เหลืออยู่ต้องสำนึกผิด!”

เจ้าสำนักทั้งสามต่างนั่งอยู่ในที่ของใครของมัน จู่ๆ ดวงตาพลันเป็นประกาย ทอดสายตามองไปไกล

เห็นขอบฟ้าที่อยู่ห่างออกไปพลันเกิดแสงสว่างขึ้น

“ผู้มาเป็นใคร” ชายชราผมขาวตวาดด้วยเสียงเย็นชา

ท่ามกลางประกายแสงที่เส้นขอบฟ้า มีเสียงไม่ยี่หระดังมา “ข้า? ข้าน่าจะเป็นคนที่ก่อให้เกิดภัยพิบัติต่อโลกลอยน้ำตามคำพูดของพวกท่านกระมัง?”

……………………………………….

[1] รังตกไม่มีไข่เหลือ สุภาษิตจีน หมายถึง เกิดเรื่องร้ายทุกคนโชคร้ายกันหมด

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset