ตำนานเทพกู้จักรวาล – ตอนที่ 470 มารดาเฒ่าสวรรค์แท้

เทพนารีที่หลบหนีออกมามิใช่ใครอื่น นอกเสียจากเทพนารีที่ถูกฉินมู่แย่งชิงสุราออกไปจากถาดและถูกเตะกระเด็น นางวิ่งไปที่มุมห้องหนึ่ง ผ่านฉากกั้นไป และเมื่อออกมา ก็กลายเป็นสตรีที่มีรูปลักษณ์ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง

นางสวมใส่เครื่องประดับวงกลมที่ศีรษะและเสื้อคลุมสั้นสีดำ รองเท้าส้นสูงปลายแหลมงอนประดับเท้าของนาง ภูษาอาภรณ์ไม่แตกต่างจากสตรีแผ่นดินตะวันตกโดยทั่วไป

เกือบไปแล้ว ร่างที่แท้จริงของข้าเกือบถูกเตะจนเผยออกมาโดยไอ้ผู้คนที่ถูกละทิ้งนั่น! แต่ถึงอย่างไร ข้าก็เผยไต๋ไป เทพและมารทั้งหมดที่นั่นพูดได้แต่วลีง่ายๆ อย่างฆ่ามัน หรือสัตว์ร้ายชั่วช้า ส่วนข้าพูดประโยคเต็มๆ

หญิงผู้นี้รีบมุ่งออกไปจากโถงใหญ่แห่งตำหนักสวรรค์แท้ แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาบนใบหน้าสะสวยของนาง และนางก็ก้มหน้าพลางครุ่นคิด ทั้งสองคนนั้นอาจจะยังไม่รู้ตัว แต่ถ้าพวกเขาย้อนคิด ก็จะต้องค้นพบเรื่องนี้อย่างแน่นอน! ข้าจะต้องรีบออกจากที่นี่ไปโดยด่วน หรือว่าข้าควรจะไปเอาลูกแก้ววิญญาณทั้งสี่มาก่อนดี…

ฝีเท้าของนางทั้งเบาและเร่งร้อน ตรงหน้าของนางคือฉินมู่และราชครูสันตินิรันดร์ ดังนั้นนางจึงผ่อนความเร็วลง นางทำตัวตามปกติและแย้มยิ้มให้แก่พวกเขาราวกับว่านางคือศิษย์ธรรมดาสามัญแห่งตำหนักสวรรค์แท้

“แย่แล้ว!” ทันใดนั้น สีหน้าฉินมู่ก็เปลี่ยนแปลงไป และกำหมัดแน่นพลางร้องออกมา “ข้ารู้แล้วว่ามารดาเฒ่าสวรรค์แท้ไปซ่อนอยู่ที่ไหน!”

ราชครูสันตินิรันดร์เองก็ชาญฉลาดอย่างยิ่ง และคิดถึงประเด็นสำคัญออกโดยทันที “ใช่แล้ว ในภาพจิตรกรรมที่มุมหายไปมุมหนึ่ง! เทพนารีที่ถือถาดสุรา!”

เขาหันกลับไปและวิ่งไปยังโถงใหญ่ กล่าวอย่างรวดเร็ว “พวกเราสังหารจักรพรรดิสวรรค์ในภาพจิตรกรรม แต่กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ก็ยังพูดเต็มประโยคไม่ได้ มีก็แต่เทพนารีผู้นี้ที่ทำเช่นนั้น!” แต่ไม่นานเขาก็เดินออกมาจากโถงวัง พลางส่ายหัว “เทพนารีที่ถือถาดสุราไม่อยู่ในภาพวาดแล้ว”

ฉินมู่เลียนน้ำเสียงของเทพนารีผู้นั้นและกล่าว “เด็กต่ำช้านี่มาจากที่ไหน นี่คือสุราศักดิ์ศักดิ์สำหรับเทพสูงส่ง เจ้าจะมาแตะต้องได้หรือ ประโยคนี้ซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้คนในภาพวาด จิตรกรของภาพนี้ยังไม่บรรลุถึงขั้นนั้น ดังนั้นมีแต่เทพนารีที่สามารถพูดจาได้เท่านั้นที่เป็นมารดาเฒ่าสวรรค์แท้! ร้ายลึกจริงๆ ถึงกับไปซ่อนตัวในภาพวาด ข้าประเมินนางต่ำไป”

หญิงสาวผู้นั้นเดินมายังข้างๆ ทั้งสองคนและคารวะทักทายฉินมู่ “จ้าวลัทธิฉิน”

ฉินมู่ประกายตาวูบไหว แต่เขาก็แย้มยิ้มให้นาง “ทำไมพี่สาวไม่คารวะทักทายราชครูล่ะ”

“ราชครู? ข้าไม่เคยพบเขามาก่อน หรือว่าเขาคือยอดฝีมือที่สังหารป้าโก่ว”

สีหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และนางรีบคารวะทักทายราชครูสันตินิรันดร์ นางมองเข้าไปในดวงตาเขาด้วยกิริยาปฏิพัทธ์เอียงอาย ราชครูสันตินิรันดร์ส่ายหน้า “ไม่ใช่นาง หลังจากที่ข้ามายังแผ่นดินตะวันตก ข้าไม่เคยเผยโฉมหน้าออกมา ดังนั้นสตรีเกือบทั้งหมดของแผ่นดินตะวันตกจึงไม่รู้จักหน้าข้า”

ฉินมู่ผงกหัวแล้วกล่าวกับหญิงผู้นั้น “เจ้าได้เห็นใครเดินออกมาจากโถงนั้นหรือเปล่า”

นางส่ายหัวไปมา “ข้าไปกับประมุขเพื่อแย่งชิงลูกแก้วหงส์ไฟ และเดินผ่านมาที่นี่่ แต่ข้าไม่เห็นใครเลย”

ฉินมู่พึมพำอยู่ครู่หนึ่ง และโบกมือไล่ให้นางไป หญิงนางนั้นมองไปยังราชครู จากนั้นก้มหน้างุดเดินผ่านพวกเขา แต่ฉินมู่พลันยุดชายเสื้อของนางเอาไว้ และมารดาเฒ่าสวรรค์แท้ก็หนังหัวชาวูบ นางเกือบจะหยุดตัวเองที่จะโจมตีออกไม่ได้

ฉินมู่แย้มยิ้มแก่นาง “ข้าจะเรียกพี่สาวว่าอย่างไรได้หรือ และพี่สาวมาจากตระกูลไหน ใครคือประมุขของท่าน”

มารดาเฒ่าสวรรค์แท้สีหน้าแปรเปลี่ยน และนางคุกเข่าลงกับพื้นโดยทันที ร่างของนางสั่นเทาไปหมด นางโขกศีรษะแล้วกล่าว “ข้าเป็นศิษย์ตำหนักสวรรค์แท้ จ้าวลัทธิ อย่าฆ่าข้าเลยนะ! หากว่าผู้คนรู้ว่าข้าเป็นศิษย์ตำหนัก ข้าก็จะต้องตายอย่างแน่นอน! จ้าวลัทธิ โปรดไว้ชีวิตข้า!”

ฉินมู่ระบายลมหายใจโล่งอกและกล่าวกับราชครูสันตินิรันดร์ “ข้าดันไปคิดว่านางคือมารดาเฒ่าสวรรค์แท้เสียอีก ถึงอย่างไรนางก็เป็นเทพเจ้า นางจะมาคุกเข่าให้มนุษย์ธรรมดาได้อย่างไร นางเป็นศิษย์ตำหนักสวรรค์แท้ที่กำลังพยายามหนีเอาชีวิตรอดจริงๆ นั่นแหละ”

ราชครูสันตินิรันดร์โบกมือของเขาและกล่าว “เจ้าจัดการนางเถอะ”

ฉินมู่ช่วยพยุงมารดาเฒ่าสวรรค์แท้ให้ลุกขึ้นและกล่าวด้วยสีหน้าแช่มชื่น “พี่สาว อย่ากลัวไปเลย อย่าไปเชื่อคำคนอื่นพูด พวกเขาเรียกข้าว่าจ้าวลัทธิมารฟ้า จริงๆ แล้วเพราะว่าข้ามาที่นี่แต่ลำพัง ข้าไม่ค่อยมั่นใจในตนเองก็เลยเรียกตัวเองว่าจ้าวลัทธิมารฟ้าเพื่อข่มขวัญผู้คน อันที่จริงข้าคือจ้าวลัทธินักบุญสวรรค์ ลัทธิของเรามีเมตตาเป็นที่สุดและไม่ทำร้ายผู้คน ดูสิ แม้แต่ราชครูก็ยังเป็นหนึ่งในสี่เทวราชแห่งลัทธินักบุญสวรรค์ของข้า จริงสิ เจ้าชื่ออะไรหรือ”

มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ดูไม่ค่อยเชื่อคำพูดเขา “ชื่อของข้าคือเถียนซืออวี่ ท่านไม่ส่งตัวข้าไปแน่หรือ”

ราชครูสันตินิรันดร์เหมือนจะเพิ่งนึกอะไรได้ “ข้าจะไปประกาศราชโองการ ดังนั้นไม่มีเวลาอยู่ที่นี่ต่อ”

ฉินมู่ตามราชครูสันตินิรันดร์ไปพลางจูงมือมารดาเฒ่าสวรรค์แท้ “ข้าอยากจะหาใครสักคนหนึ่ง เด็กหนุ่มที่ชื่อว่าผานกงสั่ว และอีกชื่อว่าผู้สูงศักดิ์ เขานั้นเป็นประมุขแห่งวังทองโหรวหลัน และได้มายังตำหนักสวรรค์แท้ของเจ้าครั้งหนึ่ง ไม่ทราบว่าพี่สาวเคยเห็นเขาบ้างไหม”

มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ถูกดึงไปด้วยกันกับเขา เมื่อใดก็ตามที่นางมองไปยังราชครูสันตินิรันดร์ นางก็ไม่กล้าดิ้นรน “ข้าเคยเห็นเขามาก่อน ข้ารู้แต่ว่าเขาเรียกว่าผู้สูงศักดิ์ และเป็นสหายแนบใจของผู้อาวุโสอวี้ชิงฉาน แต่ทว่า เขานั้นมิได้อยู่ในตำหนักแล้ว เมื่อเขาเห็นจ้าวลัทธิฉินมาโจมตีตำหนักสวรรค์แท้ เขาก็วิ่งหนี”

“สมกับเป็นผู้สูงศักดิ์” ฉินมู่ถอนหายใจ จากนั้นก็คลี่ยิ้มอีกครั้ง “พี่สาวซืออวี่ จริงสิ วิชาสะกดรอยของแผ่นดินตะวันตกของเจ้านี่นับว่าไร้เทียมทานในโลกหล้า ใช่หรือไม่ ข้าจะช่วยปกป้องเจ้าไม่ให้เป็นอันตราย และเจ้าต้องช่วยข้าสะกดรอยผานกงสั่ว แบบนี้เป็นอย่างไร”

มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ลิงโลด “ได้เลย! ตกลงแน่ใช่ไหม”

ฉินมู่หัวเราะและกล่าว “ข้าจะโกหกเจ้าไปทำไม ตกลงแน่สิ! ราชครู อ่านราชโองการแล้วมากับข้าไปไล่ล่าผานกงสั่วกันหน่อย”

“ได้ ข้าก็อยากรู้ว่าใครคือเทพเจ้าตนที่อยู่เบื้องหลังผานกงสั่ว และเขาไปหลบซ่อนอยู่ที่ใด” ราชครูสันตินิรันดร์กล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย

สีหน้าของมารดาเฒ่าสวรรค์แท้แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางคิดว่าฉินมู่จะไปกับนางตามลำพังเพื่อไล่ล่าผานกงสั่ว เมื่อทั้งสองคนอยู่ตามลำพัง ก็จะง่ายที่นางจะสังหารเชื้อสายสูงส่งท่ามกลางเหล่าผู้คนที่ถูกละทิ้งผู้นี้ แต่ไอ้เด็กต่ำช้านี่กลับเชื้อเชิญราชครูสันตินิรันดร์ไปด้วย!

มีราชครูอยู่ด้วย มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ก็จะอยู่ในอันตราย เพียงแค่เผลอหลุดนิดเดียว นางก็จะถูกไอ้คนไร้ใจนี่สังหารทันที!

เมื่อนางและเขาอยู่ใกล้กัน หากว่าราชครูสันตินิรันดร์โจมตีมา นางก็จะไม่อาจป้องกันตนเองได้!

แต่ราชครูสันตินิรันดร์ตามไปด้วยก็ดีเหมือนกัน กลายเป็นให้โอกาสข้ากำจัดเขามากขึ้น ถึงอย่างนั้นข้าก็ต้องการลูกแก้ววิญญาณทั้งสี่ เมื่อข้าได้พวกมันมา จากขจัดราชครูให้หายไปจากโลกก็จะง่ายดายยิ่งขึ้น…

ตระกูลใหญ่แผ่นดินตะวันตกปราบปรามตำหนักสวรรค์แท้จนสงบราบคาบในที่สุด และสังหารไม่ก็จับเป็นยอดฝีมือตระกูลอวี้ทั้งหลาย ตระกูลเหล่านั้นได้พร้อมใจเลือกเสียงซีอวี่ให้เป็นเจ้าตำหนักและไหน่ขุยอีกครั้ง นางจูงมือเสียงฉีเอ๋อและรับการคารวะจากทุกๆ คน

ราชครูสันตินิรันดร์อ่านราชโองการของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิง และเสียงซีอวี่รีบน้อมรับมันทันที ในเวลาเดียวกันนั้น ฉินมู่ก็ไปดึงตัวเสียงฉีเอ๋อมาและขอลูกแก้วมังกรเขียวกับลูกแก้วเต่าดำออกมาเล่น

มารดาเฒ่าสวรรค์แท้มองไปที่ลูกแก้ววิญญาณทั้งสองในมือของเขาและพยายามข่มระงับความอยากที่จะแย่งชิงมันมา

เด็กทั้งสองไม่ได้ฟังราชโองการ แต่กลับละเล่นกับลูกแก้วไปๆ มาๆ ดีดสมบัติวิญญาณทั้งสองไปทางโน้นที ทางนี้ที ทำให้เสียงฉีเอ๋อหัวเราะคิกคักไม่หยุด

ทันใดนั้น ฉินมู่ก็ยัดลูกแก้วมังกรเขียวเข้าไปในมือนางแล้วแย้มยิ้ม “พี่สาวซืออวี่ มาเล่นกับฉีเอ๋อสักครู่หนึ่งสิ”

มารดาเฒ่าสวรรค์แท้ถือลูกแก้วมังกรเขียวในมือ พลางมองไปยังใบหน้าเกลื่อนยิ้มของฉินมู่ด้วยความตะลึงงัน นางค้นไม่พบเลยสักนิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่!

ลูกแก้วมังกรเขียวอยู่ในมือข้าแล้ว และมันสามารถปะทุพลานุภาพอันแข็งแกร่งที่สุดออกมาได้ หากว่าข้าลงมือตอนนี้ ทุกคนในตำหนักสวรรค์แท้ก็จะแข็งค้างและกลายเป็นไม้!

สายตาของนางแทบลุกเป็นไฟ แต่ขณะที่นางจะลงมืออยู่นั่นเอง นางก็เห็นเสื้อผ้าของราชครูสันตินิรันดร์เคลื่อนไหวโดยปราศจากลม และนางก็รู้สึกหวาดผวาขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่

เด็กต่ำช้ากับราชครูสันตินิรันดร์ล้วนแต่เป็นจิ้งจอกเฒ่า พวกเขากำลังทดสอบข้า!

มารดาเฒ่าสวรรค์แท้หนาวเยือกถึงกระดูกสันหลัง และนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยมเพื่อเล่นดีดลูกแก้วกับเสียงฉีเอ๋อ

ไม่นานนัก ราชครูสันตินิรันดร์ก็อ่านราชโองการของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงเสร็จ และฉินมู่ก็มาขอลูกแก้วมังกรเขียวกลับคืนไปไว้ในมือเสียงฉีเอ๋อ หลังจากพาทุกๆ คนน้อมรับราชโองการแล้ว เสียงซีอวี่ก็เรียกเสียงฉีเอ๋อมา นางหยิบลูกแก้ววิเศษสองลูกและโค้งคารวะ

“ข้าขอบรรณาการลูกแก้ววิเศษสองลูกนี้แต่ฝ่าบาท และจะไม่ทรยศเป็นอันขาด”

สีหน้าของเหออีอี มู่ยิ่งเสว่ และคนอื่นๆ แปรเปลี่ยนไป เสียงซีอวี่รู้ดีว่าการปกครองแผ่นดินตะวันตกคงเป็นเรื่องยากสำหรับนาง ขนาดว่าลูกแก้วอีกสองลูกก็ยังถูกแย่งชิงไป ดังนั้นนางจึงเพียงแค่มอบสองลูกที่เหลือให้แก่จักรพรรดิเอี้ยนเฝิง มันเป็นวิธีการเรียบง่ายที่ใช้ถ่วงดุลตระกูลใหญ่ทั้งหลาย!

ราชครูสันตินิรันดร์รับมาเพียงลูกแก้วเต่าดำ “เจ้าตำหนักยังคงต้องการสมบัติวิเศษเพื่อใช้พิทักษ์ปกป้องแผ่นดินตะวันตก ดังนั้นเก็บลูกแก้วมังกรเขียวไว้เถอะ”

เสียงซีอวี่กล่าวขอบคุณและดึงเสียงฉีเอ๋อลุกขึ้น

หลังจากพิธี ราชครูสันตินิรันดร์ก็เร่งฉินมู่ “เจ้าทิ้งรอยรักไปทั่วหมดทุกแห่ง แต่เจ้าต้องไม่อุทิศตนให้กับเรื่องพวกนั้น ระวังเถอะว่าจะสูญเสียชื่อเสียงแบบราชาพิษหน้าหยกและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเฉือนตัดใบหน้าของตนเองออกไป รีบไปบอกตัดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของเจ้าเร็วเข้าเถอะ แล้วจะได้ไปตามหาตัวผู้สูงศักดิ์”

“ข้าไม่ใช่คนเจ้าชู้…” ฉินมู่กล่าวพลางปลุกปลอบขวัญตนเองเพื่อไปบอกลาสตรีทั้งหลาย

เหออีอีมองไปที่เขาด้วยแววตาอันล้ำลึก “จ้าวลัทธิไม่อยู่ต่ออีกสามสี่วันหรือ ยังมีบางเรื่องที่พวกเรายังไม่ได้ทำกันเลย”

มู่ยิ่งเสว่กล่าวอย่างโผงผาง “หนุ่มน้อย กลับไปได้เลยตามสบาย แต่รอเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปปีนหน้าต่างห้องเจ้าที่แผ่นดินภาคกลาง!”

เสียงซีอวี่นำเสียงฉีเอ๋อมาบอกลาอย่างอิดเอื้อนไม่อยากให้ไป “หากว่าพวกเรามิได้พบกับจ้าวลัทธิ พวกเราก็คงตายไปนานแล้ว ศพพวกเราคงแห้งซากอยู่ที่ไหนสักแห่งในป่าชัฏ จ้าวลัทธินั้นเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของตระกูลเสียง หากว่าวันใดท่านปรารถนาสิ่งใด ตำหนักสวรรค์แท้ก็จะไม่อิดออดเป็นอันขาด”

ฉินมู่แย้มยิ้มให้แก่นาง “ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องจดจารไว้ในใจขนาดนั้น ในเมื่อข้าเพียงแต่กระทำตามความเชื่อของข้าเท่านั้น ไม่ต้องการฝืนธรรมชาติของข้า ไหน่ขุย ฉีเอ๋อ ลาก่อน”

ทุกความรู้สึกพลุ่งพล่านขึ้นมาในหัวใจของเสียงซีอวี่ เมื่อนางเห็นเขาออกไปจากตำหนักสวรรค์แท้ นางพลันตะโกนไปด้วยเสียงอันดัง

“ผู้เที่ยงธรรม!”

ฉินมู่อึ้งไป จากนั้นเขาก็หันกลับไปด้วยรอยยิ้มและโบกมือลา

คำนี้มิใช่สาเหตุที่เขาช่วยชีวิตสองแม่ลูก เขาเพียงแต่มิอาจทนดูเสียงฉีเอ๋อตกตายในน้ำมือของตำหนักสวรรค์แท้ แต่ทว่า ในบัดนี้ เขาสมควรแก่คำเรียกขานนี้แล้ว

ฉินมู่กระโดดขึ้นไปบนหลังกิเลนมังกรและดึงเอามารดาเฒ่าสวรรค์แท้ขึ้นมา “ราชครู แผ่นดินตะวันตกเป็นดินแดนที่เปี่ยมมนตร์เสน่ห์ จักรพรรดิจะปฏิบัติต่อที่นี่อย่างไรหรือ”

ราชครูสันตินิรันดร์ก้าวไปบนอากาศอย่างแช่มช้า พลางกล่าวอย่างเยือกเย็น “เขาก็จะปฏิบัติต่อที่นี่ประดุจที่ปฏิบัติต่อเจ้า เขามีจิตใจกว้างขวาง ข้าได้ประกาศแก่จักรพรรดิแล้วว่าข้าต้องการเข้ายึดครองแผ่นดินตะวันตก แต่มิใช่ด้วยกำลัง สาเหตุที่ข้ามิได้เคลื่อนกองทัพมาก็ด้วยเกรงว่าจะทำความสันติสุขที่นี่”

“สตรีที่นี่งดงามเป็นอย่างยิ่ง และข้าไม่ต้องการให้มีเหตุการณ์อย่างการข่มขืนหรือการปล้นชิงเกิดขึ้น นั่นจึงทำให้ข้ากล่าวแก่จักรพรรดิว่า ข้าจะไม่นำกองทัพที่มีไพร่พลเรือนล้านมา แต่จะแนะนำบุรุษผู้หนึ่งมีเทียบเท่ากับยอดฝีมือนับล้าน และบุรุษผู้นี้…” เขาเหลียวกลับไปมองที่ฉินมู่ด้วยรอยยิ้ม “ก็คือเจ้า ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ มีแต่จ้าวลัทธิฉินเท่านั้นที่สามารถกวาดล้างทั้งแผ่นดินตะวันตกด้วยตัวคนเดียวได้”

ฉินมู่ตะลึงไป จากนั้นก็หัวเราะขำ “ราชครูยกยอข้าแล้ว! พี่สาวซืออวี่ เจ้าไม่คิดว่าชมกันเกินไปหรอกหรือ”

มารดาเฒ่าสวรรค์แท้มีรอยยิ้มแปะบนใบหน้า แต่นางไม่กล่าววาจา

ฉินมู่ยัดลูกแก้วเต่าดำเข้าไปในมือนาง “พี่สาวซืออวี่ ร่ายเวทมนตร์เถอะ พวกเรารีบไปตามหาไอ้เด็กเปรตผานกงสั่วนั่นกัน”

มารดาเฒ่าสวรรค์แท้กำลูกแก้วเต่าดำแน่น จากนั้นปรายตามองราชครูสันตินิรันดร์ ชายกลางคนผู้นี้มีมือไพล่หลังข้างหนึ่งที่กำลังใช้เคล็ดลับกุมกระบี่

ตำนานเทพกู้จักรวาล

ตำนานเทพกู้จักรวาล

ในดินแดนรกร้าง ยังมีหมู่บ้านประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยผู้เฒ่าพิการ ขาเป๋ เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก เหล่าคนชราเก็บทารกแรกคลอดที่ลอยน้ำผ่านมาได้ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่และตั้งชื่อให้ว่า… ฉินมู่ ฉินมู่ หนุ่มน้อยหน้าซื่อตาใสเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจ ‘พี่สาว’ ทั้งหลาย แต่ทำให้ศัตรูเดือดแค้นเจียนตาย บางคนก็เรียกเขาว่ากวางน้อยเซ่อซ่าที่เห็นเรื่องตื่นเต้นที่ไหนก็โดดไปมุงดู ไม่ว่าเทพกับมารตีกัน ใครจะยกทัพไปยึดโลกมิติใด หลวงจีนคนนั้นจะกิ๊กกับราชาสวรรค์องค์ไหน เป็นต้องเห็นเงาร่างหมอนี่ตลอด พับผ่าสิ! ความอยากรู้อยากเห็นไร้สิ้นสุดของฉินมู่จะคลายปริศนาลึกลับของจักรวาลได้หรือไม่ ความลับของเทพเจ้าโบราณคืออะไร ใครคือเงามืดที่คอยเก็บเกี่ยวต้นอ่อนของยอดยุทธ์วิชาเทวะตลอดหลายแสนปีที่ผ่านมา… เด็กหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นผู้กอบกู้จักรวาลให้รอดพ้นจากการถูกทำลายล้างได้หรือไม่ นี่คือการผจญภัยของฉินมู่ผู้เจียมตัวว่าเก่งเป็นอันดับสองของทุกศาสตร์วิชาในโลก! ‘ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างใสซื่อ…แต่ผู้อื่นเห็นแล้วขนหัวลุกแทบตาย’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset