ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 12

เสียงที่ดังกึกก้องหลังจากที่ได้รับคำตอบที่ทรงคุณค่า ในใจของเป่าฮู่กลับครุ่นคิด (ในเมื่อไม่รู้แล้วจะพูดขึ้นมาเพื่อ) วันนี้ภาพที่เป่าฮู่เห็นคือ

เหล่าผู้ที่จัดว่าเป็นอัจฉริยะของดินแดนนี้กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ใต้ค่ายกลธงสามทิศ อาวุธระดับราชันที่มีจิตวิญญาณ และกระจกจันทร์สะท้อน อาวุธระดับราชันที่มีจิตวิญญาณเช่นกันที่กำลังเข้าห้ำหั่นกันและกัน

 

“ฮ่าๆๆๆๆ เป็นอย่างไร หยุนเปียว คิดว่าเป็นทายาทตระกุลหยุนแล้ววิเศษมากนักหรืออย่างไร”

ด้านหยุนเปียวที่กำลังถูกอำนาจของค่ายกลสังหารนี้จำกัดพื้นที่ ด้านในเต้าเหล่ยก็กำลังจัดการกับอักขระที่ยุ่งยากอยู่เช่นกัน จนทำให้เต่าอักขระที่คิดจะช่วยให้เจ้าหนูได้รับบางสิ่งที่ดีและมีคุณค่ากับเขาบ้าง

เพราะว่าเพียงช่วงอึดใจที่พลังที่สะท้อนออกมาจากด้านในถ้ำมันคือพลังที่หลงเหลือมาจากอักขระโบราณ ที่มีระดับเดียวกับอักขระที่เจ้าเต่าอักระได้สืบทอดมาจากทางสายเลือด

“เจ้าหนู! ได้เวลาของเจ้าแล้ว”

เมื่อเสียงที่ดังในสมองสั่งให้เป่าฮู่ค่อยๆถอยออกมาจากรัศมีทำลายของค่ายกลสังหารนั้น

“ท่านกำลังจะพาข้าไปที่ไหนกัน?”

คำถามที่ดังออกมาจากเป่าฮู่ในขณะที่ รอบด้านคือป่ารกทึบและด้านล่างคือหุบเหวลึกที่ลัดเลาะไปจนถึงส่วนหนึ่งที่ใกล้ทางเข้าของสุสานที่สุด

“เจ้าว่าทางด้านนั้นมีคนกำลังจะเข้าไปที่สุสาน ทำไมเจ้าไม่รีบไปแจ้งแก่เจ้าเมืองหงในอีกด้านของทางเข้าสุสาน และข้ามีแผนดีๆ”

 

เมื่อเต่าอักขระแนะนำเป่าฮู่ให้ปลอมตัวเป็นผู้ใช้อักขระ โดยเป่าฮู่ก็เข้าใจและรีบหาชุดคลุมสีดำที่พอจะหาได้มาสวมใส่ และพุ่งตรงไปยังลานประลองคัดเลือก บุตรเขยของเจ้าเมืองตระกูลหง

เพียงการมาเยือนยังลานประลอง โดยที่เป่าฮู่หยัดยืนอยู่บนแนวกำแพงตระกูลหง และมองไปยังลานประลองสลับกับที่พักของแขกระดับสูง ด้วยเวลามีจำกัด เป่าฮู่จึงใช้พลังลมปราณในร่าง อัดกระแทกเสียงออกไปเพื่อทำให้ เจ้าเมืองตระกูลหงได้รับรู้

 

ด้วยเสียงที่แหบพล่า และ ความเนียนในการเอาตัวรอด เป่าฮู่อำพางเส้นเสียงจากพลังของอักขระที่เต่าอักขระมี ทำให้เสียงที่ดังออกมาไม่อาจมีใครจับได้ว่าเป็นรุ่นเยาว์ผู้หนึ่ง

“ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าเมืองผู้โง่เขลาเอ๋ย สุสานบรรพชนของเจ้ากำลังถูกรุกรานยังมีอารมณ์มาจัดงานเลือกคู่ให้ลูกสาวของเจ้าอีกหรือ

หากยังไม่รีบส่งคนไปตรวจดูด้านหนึ่งของภูเขา เจ้าได้สูญเสียพยัคฆ์ขาวในตำนานไปแน่ เพราะผู้ที่มาแย่งชิงในครั้งนี้ คือ ตระกูลเต้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น  ตระกูลอันดับหนึ่งของเขตปกครองศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่เป็นที่จับตามองของเหล่าชาวยุทธ์ทั่วทั้งแผ่นดิน

“ช้าก่อน ท่านอาวุโส แล้วท่านรู้มาได้อย่างไร ข้าน้อยขอบังอาจถาม?”

ชาวยุทธ์ผู้หนึ่งที่มีความสงสัยในสิ่งที่เป่าฮู่กล่าว ดังนั้นเป่าฮู่จึงชี้ไปทิศทางที่ศิษย์นิกายเสือขาวกำลังต่อสู้กันอยู่ ด้วยเสียงที่ได้ยินชื่อที่พอจดจำได้

“ฮ่าๆๆๆ เรื่องนั้นไม่แปลก เพราะตอนนี้ ยอดยุทธ์ของนิกายเสือขาวเองก็มา เพื่อการนั้น พวกเจ้าคงรู้จัก ลู่จวิ้น และหยุนเปียวนะ ศิษย์นิกายเสือขาวทุกท่านที่อยู่ที่นี่ แผนของพวกท่านดูเหมือน จะมีหนอนที่ชักนำภัยร้ายมาเยือน ท่านผู้นำหงหากยังไม่เปิดทางเข้าสุสานด้านที่ตระกูลท่านดูแลและรีบส่งคนเข้าไปด้านใน คงถูกใครบางคนที่ใช้ถ้ำลับที่หลังภูเขาเปิดเข้าไปด้านในสุสานได้ก่อนเป็นแน่”

 

เพียงชายแปลกหน้าคนนั้นเอ่ยถึง ถ้ำลับหลังภูเขานั่นยิ่งทำให้ หงซวน เจ้าเมืองตระกูลหงรีบสั่งยกเลิกการประลอง และรีบนำพาคนเข้าไปสำรวจด้านในสุสานทันที เวลาผ่านไปไม่นาน สุสานที่เคยเงียบสงบก็ถูกเปิดออก โดยเจ้าเมืองตระกูลหง ได้เชิญชายแปลกหน้าหรือก็คือ เป่าฮู่เดินทางลงมาด้วยกัน

แรกเริ่มก็สงสัยและเมื่อเห็นการเปิดค่ายกลอักขระที่เชื่องช้าของผู้ใช้อักขระในตระกูลหง เป่าฮู่ก็ได้เสนอตัวเองออกจักการกับเรื่องตรงหน้า จนได้จัดการกับค่ายกลอักขระตรงหน้าลงอย่างง่ายดาย

โดยเจ้าเมืองหงซวนได้เห็นก็ตกใจ ชายแปลกหน้าคนนี้สามรถเข้าใจค่ายกลของผู้ใช้อักขระโบราณ หรือว่านี่คือแผนของเขา แต่ว่ายังไมทันจะจัดการ เป่าฮู่ก็กล่าวออกไปว่า

“ทุกคนรีบเตรียมพร้อมดูเหมือน จะมีแขกมาเยือนจากทางเข้าอีกทางหนึ่ง”

และก็เป็นตามที่เป่าฮู่กล่าว เต้าเหล่ยที่เดินเข้ามาพร้อมกับเห็นว่า อีกด้านหนึ่งมีกลุ่มคนที่สวมใส่เครื่องแบบของจวนเจ้าเมือง ทำให้เต้าเหล่ยต้องตกใจ เพราะแผนที่วางไว้คือให้คนไปถ่วงเวลาที่งานประลอง แต่กลับไม่มีใครทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบ

 

(ย้อนไปก่อนหน้า 1 ชั่วยาม)

หลังจากที่เป่าฮู่เดินทางเข้ามาในตัวเมือง ก็เห็นกลุ่มคนที่สวมเครื่องแบบของตระกูลเต้า

มีอักษรปักบนอกซ้าย เป่าฮู่จึงลอบติดตามไปและก็เห็น กลุ่มคนทั้ง 5 ที่มีระดับชนชั้นปราชญ์ลมปราณ กำลังคิดการไม่ดีต่องานประลองซึ่งอาจจะเป็นแผนของเต้าเหล่ย

ชายที่ล่วงหน้าลงไปที่ถ้ำลับก็เป็นได้ เป่าฮู่จึงอาศัยจังหวะนั้นจัดการ เก็บคนเหล่านั้น เพราะครั้งนี้เป่าฮู่ตั้งใจให้เมืองหงไม่กินเส้นกับแดนศักดิ์สิทธิ์แลละอยากให้เรื่องนี้ทำให้แดนเสือขาวต้องหวาดระแวงในตัวของผู้นำแดนศักดิ์สิทธิ์ จนอาจเกิดเป็นการต่อสู่กันก็เป็นไปได้ เพราะอสูรศักดิ์สิทธิ์ของแดนเสือขาว ก็คือเสือขาวด้วยนั่นเอง

 

“เป็นจริงดังนั้น ตระกูลเต้า ช่างทำตัวน่ารังเกียจแอบย่องเข้ามาในสุสานบรรพชนของตระกูลเรา เพื่อหวังสิ่งล้ำค่าด้านใน วันนี้ท่านมาได้อย่าคิดว่าจรอดกลับไป”

เป็นจ้าวเมืองหงซวนกล่าวออกมา ขณะที่บุตรสาวของตัวหงซวนเองก็เห็นดังที่ชายแปลกหน้ากล่าว

“วันนี้หงหลี่ต้องขอบคุณท่านอาวุโสมากที่นำข่าวมาบอกเราตระกูลหง ท่านต้องการสิ่งใดตอบแทนเราตระกูลหงยินดีรับข้อเสนอหากข้อเรียกร้องไม่เหนือบ่ากว่าแรง”

เพียงเท่านั้น เป่าฮู่ก็ยิมกว้างได้อย่างเต็มที่

“ฮ่าๆๆ แม่หนู ช่างน้ำใจงาม ข้าคิด ว่าก่อนอื่นช่วยกันกำจัดหนูท่อตัวนี้ก่อน เพราะด้านนอกยังมีกลุ่มลูกแมวที่กำลังกัดกันอีก 2 ตัวที่น่ากังวลใจ”

คำกล่าวนั้นทำให้เต้าเหล่ยตกใจ และเพียงชั่วพริบตา เต้าเหล่ยไม่รอช้ารีบเชื่อมสัมผัสวิญญาณกับอาวุธของตัวมันเอง

“ฮื่มดี! เจ้าเฒ่าบัดซบ ข้าไม่รู้ว่าข้าเคยไปทำอะไรกับเจ้า ถึงได้มาทำลายแผนการของข้า แต่วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังจะรอดไปได้จากที่นี่ได้เลย(เปิด)”

การเปิดใช้คายกลสังหาร ธงสามทิศที่ถูกเรียกกลับมาจากด้านนอก จนเหตุการณ์ด้านนอก หยุนเปียวที่กำลังจะพ่ายแพ้แก่อำนาจธงสังหาร กลับสามารถลุกขึ้นมาสั่งสอนลู่จวิ้นได้ทันท่วงที

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset