ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 15

เพียงการเฝ้ารอจากคนทั้งหลาย ที่อยู่ในห้องโถง ทั้งบุตรสาวของเจ้าเมือง ที่แอบอยู่ในห้องลับ และบุตรสาวของเจ้านิกายที่ปลอมตัวมาในขบวนผู้ติดตาม ทุกคนต่างเฝ้ารอว่า เจ้าหนุ่มคนนี้จะใช้สิทธิ์ที่มีเพื่อสิ่งใด

เป่าฮู่ครุ่นคิดและตรึกตรอง กล่องปริศนา 1 กล่องราคาเพียง 5 ผลึกลมปราณระดับสูง หากต้องการสัก 100 กล่องจะทำให้นิกายเสือขาวล่มจมไหม แต่เมื่อคิดแล้วจึงได้กล่าวออกไปว่า

“เรียนท่านผู้อาวุโสทั้งสอง ข้าน้อยเป็นคนชื่นชอบความสนุก และตลอดเส้นทางที่ข้าน้อยเดินทางผ่านมา ข้าน้อยต้องการบางสิ่งที่เจ้าพวกแดนศักดิ์สิทธิ์ช่วงชิงไปจากดินแดนอื่น หรือนั่นก็คือ จากดินแดนเสวียนอู่ของข้าน้อย ดังนั้นข้าน้อยต้องการรบกวนท่านจ้าวนิกาย ช่วยข้าน้อยตามหากล่องปริศนาที่พวกแดนศักดิ์สิทธิ์ นำมาจำหน่ายในราคากล่องละ 5 ผลึกลมปราณระดับสูง มาซัก 100 กล่องเป็นอย่างต่ำ”

 

เมื่อไป๋ฟงเสียนได้ฟังแขนที่ค้ำยันร่างกายไว้กลับลื่นลงไปที่หน้าขาทันที ด้วยสิ่งที่ได้ยิน กล่องปริศนาที่กล่าวไว้ แม้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่เท่าที่ดู ก็เสียเงินเพียง 500 ผลึกลมปราณระดับสูง เท่านี้แลกกับข้อตกลงก่อนหน้าทั้งสองข้อนับว่าสิ่งนี้สบายมากนัก

แต่ทางด้านเจ้าเมืองตระกูลหง ได้ฟังใบหน้ากับมืดดำ ในใจคิดว่า

(บัดซบ ! เจ้าหนุ่มนี่ เอาข้อตกลงไปแลกกับเงินเพียง 500 ผลึกลมปราณระดับสูงแม้จะไม่มากนัก แต่การเรียกร้องจากเจ้านิกายใหญ่ของแดนเสือขาว ควรขูดรีดให้มากกว่านี้)

ด้านไป๋ฟงเสียนได้เห็นสีหน้าขุนมัวของ เจ้าเมืองหงซวน ก็ได้กล่าวออกไปเพื่อปลอบใจ

“เอาหละ เอาหละ ท่านเจ้าเมือง ระหว่างที่คุณชายเป่าฮู่พักอยู่ที่จวนท่าน ข้าจะนำกล่องปริศนามามอบให้เขาที่นี่ อื่ม เอาเป็น 200 กล่องไปเลย”

แม้เพิ่มให้ อีก 1 เท่าตัว แต่สำหรับหงซวนกลับไม่ได้มีอะไรที่ยินดีขึ้นเลย หลังจากนั้น จ้าวนิกายเสือขาวขอตัวกลับไปที่นิกาย เหลือเพียง หงซวนได้อยู่กับ เป่าฮู่พร้อมเหล่าองครักษ์ หงซวนก็ได้ผ่อนคลายและกล่าวออกกับเป่าฮู่ออกไปว่า

“ โถ่ คุณชาย ข้านั้นช่วยให้ท่านได้ผลประโยชน์มากมายจากนิกายเสือขาว แต่ท่านกลับคิดแลกเปลี่ยนข้อตกลงไปกับสิ่งที่เรียกว่ากล่องปริศนา แบบนี้นับว่าได้ไม่คุ้มเสีย”

เมื่อสิ่งที่เป่าฮู่ได้ฟังบวกกับสีหน้าของเจ้าเมืองหงซวนขณะที่เจรจาอยู่กับนิกายเสือขาวนั้น ทำให้เป่าฮู่ตัดสินใจที่จะเชื่อมไมตรีที่ดีต่อเจ้าเมืองหงซวนคนนี้

“เรียนท่านเจ้าเมือง ท่านคงเสียใจมากน่าดูชม แต่สำหรับข้านันนับว่าคุ้มค่าไม่น้อย ว่าแต่ข้อตกลงของท่านก่อนหน้าหากข้าน้อยจะขออนุญาตถามท่านพอจะช่วยบอกได้หรือไม่?”

ทางด้านเจ้าเมืองได้ฟัง ก็หน่ายใจจึงกล่าวไปเพียงแต่ว่า

“ขอเสนอของข้านั้น ข้าขอสองข้อ โดยเกี่ยวกับหงหลี่ทั้งคู่ ข้ารักลูกคนนี้มาก และข้าต้องการให้นางได้สิ่งที่ดีทัดเทียมอสูรเสือขาวตัวนี้ เราเฝ้าดูแลสุสานแต่เราก็ใช้พลังจากมันไม่ได้ข้าจะเก็บไว้ทำไม

สู้เอาไปแลกของที่ดีแก่นางไม่ดีกว่าหรือ และอีกอย่างนางยังได้รับสิทธิ์ให้เข้าร่วมนิกายเสือขาวแล้ว เพียงเท่านี้ข้าก็สุขใจไปครึ่งหนึ่งหากตระกูลเต้าคิดเล่นงานข้า นางก็ปลอดภัยแล้ว”

หลังจากที่เป่าฮู่ได้ฟังและคิดทบทวน ตัวเป่าฮูเป็นเพียงคนเร่ร่อนไม่มีที่พึ่งพาดังนั้น หากจะเล่นแผนใหญ่จำเป็นต้องมีคนหนุนหลังหรือแหล่งข่าวกรอง ดังนั้นเป่าฮู่จึงคิดแผนการนี้ขึ้นมา

“ท่านเจ้าเมือง หากข้าน้อยจะขอให้ท่านช่วยรับข้าน้อยเป็นลูกบุญธรรมสักคน ท่านพอจะช่วยข้าน้อยได้หรือไม่ คุณหนูข้าน้อยยินดีปกป้องนางตราบที่ข้าน้องยังมีชีวิตอยู่”

เมื่อเจ้าเมืองตระกูลหงได้ฟังข้อเสนอที่ตัวมันเองไม่คาดคิด อัจฉริยะคนหนึ่งมาขอให้ตัวมันรับเป็นลูกบุญธรรม คนเช่นนี้หาได้จากที่ไหนได้อีก

ประเสริฐ วันนี้ช่างเป็นวันดีของข้าหงซวนเสียจริง ลุกขึ้น ลุกขึ้น ทหารเอาเหล้ามา วันนี้ข้าจะใช้เหล้ารับบุตรขายบุญธรรมดีๆสักคน”

เพียงหงหลี่ได้ฟังว่านางจะมีพี่ชายบุญธรรมที่เป็นโจรโรคจิต นางรีบวิ่งออกมาทันที

“ไม่ได้ท่านพ่อ ไม่ได้ เขา เข้าคือคนที่”

คำกล่าวของนางถูกหยุดไว้ เพียงเพราะมันคืออุบัติเหตุ

“ไม่เอาหลี่เออร์ เจ้าอย่ายึดติดคิดวนเวียนเรื่องเก่า เท่าที่พอให้คนไปสืบมา เรื่องวันนั้นมันคืออุบัติเหตุ จริงหรือไม่ เป่าฮู่?”

เมื่อเสียงที่เรียกอย่างสนิทสนมดังขึ้นแสดงให้เป่าฮู่ ได้รับรู้ถึงไมตรีที่เริ่มมีให้แก่กัน

“ฮ่าๆๆๆๆ ท่านเจ้าเมืองกล่าวถูกต้องมันคืออุบัติเหตุ”

เพียงหงซวนได้ยินคำเรียกก็เหล่หางตาไปมอง พร้อมเสียงตำหนิเป่าฮู่ ด้วยความจริงใจ

“ยังจะเรียกท่านเจ้าเมืองอีก”

เป่าฮู่รับรู้จึงรีบคุกเข่าลง และกล่าวคำสาบานโดยทันที เพราะเป่าฮู่ได้รับรู้ชายที่รักบุตรของตนมากเช่นนี้ ตัวเป่าฮู่ที่สูญเสียบิดามารดามานาน จึงอยากได้รับความอบอุ่นบ้าง

“เป่าฮู่ คาราวะท่านพ่อบุญธรรม”

หลังจากนั้นทั้ง สามคนก็ดื่มสุราอย่างสุขใจจนเวลาผ่านไปไม่นาน หงซวนก็เริ่มถามเกี่ยวกับสิ่งที่บุตรชายขอให้นิกายเสือขาวไปทำให้

“เอ่อ ว่าแต่ฮู่เออร์ลูกพ่อ สิ่งที่เจ้าขอให้ไป๋ฟงเสียนไปทำ ไอ้กล่องปริศนาอะไรนั่น มันมีดีเช่นนั้นเชียวหรือ?”

เป่าฮู่ก็ได้กล่าวออกไปตามที่ได้รับฟังมาจาก เต้าอิงเฉิงในวันนั้น

“เรียนท่านพ่อ เท่าที่ลูกรู้มาจากการศึกษาบันทึกตำราที่ท่านอาจารย์เคยสอนสั่ง กล่องปริศนา แม้ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจมาก แต่ก็ยังมีตำราที่ตกทอดมาจากยุคก่อน

เหล่าบรรพชนของแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ออกช่วงชิง เคล็ดวิชาจากที่ต่างๆ เข้าไปรวมกันที่หอยอดยุทธ์ แต่กลับมิอาจฝึกฝนได้ตามใจนึก จึงได้นำวิชาเหล่านั้นมาเป็นของล่อตาล่อใจแก่เหล่าศิษย์ และในนั้น สัก 1 ใน 100 อาจพบเจอยอดตำราเป็นไปได้”

 

เมื่อได้ฟังเด็กหนุ่มกล่าว หงซวนก็ถอนหายใจออกมา

“เฮ้ย! คงมีเพียงเจ้าที่คิดหวังกับของหลอกเด็กแบบนั้น”

เพียงได้ฟัง เป่าฮู่ก็อยากทำให้ความรู้สึกของพ่อบุญธรรมที่มีต่อเขาด้อยค่าลง

“ท่านพ่อ ท่านดูถูกวิชาปาหี่เหล่านี้ ท่านเองก็คงเสียใจในภายหลัง หรับท่านและคนจากดินแดนนี้อาจไร้ค่า แต่ว่า ข้านั้นต่างออกไปข้ามาจาก แดนเสวียนอู่รากฐานวิชาของข้าอาจเข้ากับวิชาเหล่านั้นได้และข้าเชื่อเสมอว่า วิชาใดก็ตามหากใช้ได้ถูกที่ถูกเวลามันจะแสดงอานุภาพออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ ท่านพ่อดูนี่”

เมื่อกล่าวเสร็จ เป่าฮู่ผนึกลมปราณ และโคจรลมปราณตามเคล็ดวิชา กระบี่ราชันไร้รูปอีกครั้ง และครั้งนี้กระบี่ที่ถูกสร้างจากอากาศธาตุ ลอยเด่นเป็นสง่าท่ามกลางสายตาของเหล่าองครักษ์และตัวเจ้าเมืองหงซวนเองด้วยนั้น

“อัศจรรย์ เจ้าเป็นผู้ใช้ลมปราณหยิน มิน่าหละ ถึงได้ต้องการเคล็ดวิชาจากแดนเสวียนอู่ที่ล่มสลายไป ฮ่าๆๆๆ ดี ดี เช่นนั้น พ่อบุยธรรมคนนี้จะช่วยเจ้าอีกแรง หลังจากนี้คงยกให้เจ้าช่วยสอนหงหลี่ น้องสาวเจ้าด้วยแล้ว”

เมื่อเจ้าเมืองยกหน้าที่พี่ชายที่แสนดีให้แก่ เป่าฮู่ เป่าฮู่มองไปทางหงหลี่ที่ตอนนี้มีความรู้สึกที่เปลี่ยนไป เพราะนางเป็นผู้ใช้ลมปราณวายุ ส่วนพี่ชายบุญธรรมกลับเป็นผู้ใช้ลมปราณธาตุน้ำที่แข็งแกร่ง เพียงเท่านี้นางก็ได้คู่ซ้อมที่ดีเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset