ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 20

จากเหตุการณ์อันเป็นต้นเหตุ​ ให้มีชาวยุทธ์หลายคนบาดเจ็บและอีกหลายคนล้มตาย

ตัวเป่าฮู่ชายหนุ่มจากเมืองตระกูลหง ก็มองไปทางเจ้าคุณชายผู้ยโสโอหัง​ผู้อาศัยอยู่บนเรือเหาะนาวาปราณที่กำลังจะก้าวเท้าลงมายังเมืองตระกูลเร่อ ด้วยความรู้สึกชิงชัง

เพียงการมาของมันทำให้มีหลายคนที่ตกตายไป ครั้นจะยื่นมือเข้าไปยุ่ง​ ก็ไม่ควรกระทำในตอนนี้ ด้วยบัดนี้เป่าฮู่มาในฐานะบุตรชายของเจ้าเมืองตระกูลหง

 

หากเป็นคุณชายตระกูลใหญ่แล้วสามารถทำให้ทั่วหล้าทุกร้อนแสนเข็ญเช่นนี้เกาะมังกรฟ้า ก็ไม่น่าเคารพนับถือแต่อย่างใด

 

แต่หลังจากที่เจ้าคุณชายมู่หยงได้เห็นท่าทีของผู้คน มันกับแสร้งทำเป็นคนดีมีเมตตา​ กลบเกลื่อนความยโส โอหังของมันลงไป ด้วยบทบาทที่กระชากความคิดของทุกคน

โดยมันไม่ลืมจะบอกเตือนคนของมันผ่านเสียงลมปราณ

ที่ตระกูลมู่ทุกคนล้วนได้ฝึกทักษะนี้มา

หลังจากนั้นคนของมันได้ผนึกลมปราณไว้ที่ด้านหลัง ก่อนที่ละครฉากใหญ่จะเริ่มขึ้น

“เจ้าเป็นเพียงทาสรับใช้ ใยออกหน้าให้แก่เราถึงเพียงนี้

หากมองในมุมของทาสนับว่าเจ้ามีความภักดี แต่ข้าที่มาในวันนี้เพื่อเยี่ยมชมเทศกาลชมสาวงาม เทพธิดาหงส์เพลิง เจ้าจะสร้างปัญหาและชักนำภัยมาสู่ตระกูลมู่ของข้าหรืออย่างไร”

 

เพียงการตำหนิที่เกิดขึ้นพร้อมกับร่างของทาสรับใช้ของ

ตระกูลมู่คนนั้นลอยปลิวออกไปกว่า 20 ก้าวกระอักเลือดออกมากองโต เสียงที่อื้ออึงหลังจากเห็นภาพที่คุณชายตระกูลมู่ ได้สั่งสอนคนของเขา และเดินไปยังกลุ่มคนที่บาดเจ็บ

 

“พี่น้องชาวยุทธ์ ข้าน้อยมู่หยงรู้สึกเสียใจแทนการกระทำของทาสรับใช้คนนี้เหลือแสน ข้าจะสั่งสอนมันให้เอง แต่สายน้ำไม่อาจไหลย้อนกลับ สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทางเราจะรับผิดชอบ ท่านพ่อบ้านมู่จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เอาหละข้าต้องขอตัวก่อน”

 

หลังจากการออกโรงอย่างอึกกระทึกของมู่หยง คุณชายตระกูลมู่ แห่งแดนมังกรฟ้าใต้การสังเกตของหลายตระกูลใหญ่จากหลายดินแดน

“ฮึ! เจ้ามู่หยงนั่นคิดว่าตัวมันเป็นใคร แดนมังกรฟ้า ยิ่งใหญ่มาจากไหน เอาเถอะสักวันมันจะได้รู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เชิญคุณชาย ท่านผู้นำถู่รอพบท่านอยู่ตระกูลฮวาและถู่นานครั้งจะร่วมมือกัน”

 

เสียงของกลุ่มคนลึกลับที่สนทนากันโดยไม่ได้เห็นว่า รถม้าตระกูลหงแห่ง เมืองตระกูลหงอันมีเป่าฮู่อยู่ด้านในกำลังออกเดินทางใกล้ๆ

“คุณชาย เอ่อข้าน้อยว่า เมืองตระกูลเร่อนี้นับว่าผู้คนพรุกพล่านดังนั้นเห็นควรหาที่พักก่อน เพราะอย่างไรเสียที่พักในเมืองอาจเต็มแล้วก็เป็นได้”

 

เมื่อเป่าฮู่เองก็คิดเช่นนั้น ดังนั้นเป่าฮู่จึงกล่าวออกไปว่า

“ไปหาที่พักห่างจากตัวเมืองเล็กน้อย  แต่กลับพบว่าด้านนอกเมืองก็ยังไม่มีที่ให้พัก รถม้าตระกูลหงได้หยุดอยู่ที่ทางแยก ก่อนที่จะเห็นขบวนเดินทางเล็กๆที่มีอักษรหย่วนควบผ่านไป

“ย๊ะ! ย๊ะ! รีบเดินทางอย่าปล่อยให้ขบวนเดินทางของคุณหนูมีภัย”

เสียงที่เป่าฮู่สัมผัสได้จากด้านในหลังจากที่กลุ่มเดินทางตระกูลหยวนผ่านทางไป “พี่ชายเอาหละหลังจากนี้ เราก็เดินทางต่อกันเถอะข้าไม่เชื่อว่า ใกล้ๆนี้จะไม่มีที่พัก เอาเป็นว่า ตามทางเส้นนี้ไป ยังไงก่อนงานจะเริ่มยังมีเวลาอีกนาน “ไป!”

เมื่อสิ่งที่ผู้เป็นนายสั่ง​ ผู้เป็นลูกน้องต้องทำตามโดยไร้ข้อกังขา แต่ในรถม้ากลับมีหนุ่มผู้หนึ่งที่อยากจะเห็นความสามารถของตระกูลหย่วนอันเป็นอดีตตระกูลหลักในอดีตของแดนใต้ ด้วยการเร่งรีบก่อนหน้าของกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นและป้ายไม้ในมือนี้

ทำให้เป่าฮู่คิดว่าตนควรทำเช่นไร

แต่ในขณะที่เดินทางมาได้สักระยะ ผู้ติดตามของเป่าฮู่ก็พบโรงเตี๊ยมขนาดเล็กที่มีให้บริการ แม้จะห่างออกมาจากตัวเมืองไม่ไกล

“คุณชายด้านหน้ามีโรงเตี๊ยมจริงดั่งท่านว่า ข้าน้อยขอแวะถามดูก่อนนะขอรับ”

หลังจากนั้นเป่าฮู่ใต้การนำพาของคนรับใช้ก็เดินทางมาถึงยังโรงเตี๊ยมแห่งนั้น แต่ด้านในกลับเงียบสงบและเหล่าผู้คนที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาทั้งสองฝ่าย ทำให้การเข้ามาของเป่าฮู่กลายเป็นจุดสนใจ และภาพที่เป่าฮู่ได้เห็นครั้งแรกก็คือ กลุ่มคนที่นั่งเผชิญหน้ากัน โดยทั้งสองมีท่าทีที่เกิดการต่อสู้

เป่าฮู่ได้ดึงเถ้าแก่โรงเตี๊ยมที่พยายามหาทางรอดออกมาในขณะที่อารมณ์ของสองขุมกำลังกำลังครุกรุ่น

“เถ้าแก่! อาหาร”

เสียงของเป่าฮู่เอง​ ก็ดึงดูดผู้ที่กำลังจะก่อสงครามกันในโรงเตี๊ยมที่มันกำลังจะใช้เป็นที่พัก

หลังจากที่เถ้าแก่รับรายการอาหาร ก็หันกลับไปทำให้สายตาวิตกกับสิ่งที่กำลังจะเกิด เป่าฮู่ได้เห็นก็รีบถามออกไปเบาๆ

“เถ้าแก่ นั่นเรื่องอะไร?”

เมื่อเถ้าแก่ได้เห็นว่าลูกค้าคนใหม่ถาม ก็กลัวว่าจะนำภัยมาสู่โต๊ะของลูกค้าท่านนี้

“เรียนคุณชาย ท่านอย่าเข้าไปยุ่งเลยนี่เป็นเรืองของตระกูลหยวนและตระกูลซิน​ ที่กำลังเปิดศึกชิงตำแหน่งที่นั่งลำดับที่ 2 กันของธิดาประจำตระกูล งานเทศกาลชมหงส์เพลิง​ นี้คือทุกสิ่งของพวกเขา การได้เก้าอี้ที่ดีก็อาจจะได้โอกาสที่จะรับพลังของเทพหงส์เพลิงได้”

เพียงได้ยินว่าทั้งสองตระกูลกำลังที่จะแย่งตำแหน่งเก้าอี้ที่นั่งกัน สำหรับเป่าฮู่ไม่ได้สะระสำคัญอะไร อย่างไรเสียที่เป่าฮู่ลงมาพักที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้เพื่อที่จะได้คิดวางแผนถูกถึงสิ่งที่จะเริ่มทำให้ดินแดนนี้

แต่เพียงทั้งสองฝ่ายเริ่มปะทะวาจาที่รุนแรงขึ้น ความกดดันก็ทำให้บรรยากาศรอบๆต่างอึดอัด

(ณ ตระกูลซิน)

“เจ้าพวกหน้าหนา ตระกูลหย่วน เจ้าแก่หย่วนปงก็หายสาบสูญไปแล้ว พวกเจ้าก็รีบๆยอมละมือจากตำแหน่งที่ 2 ซะ

คุณหนูตระกูลซินยังไงก็มีพรสวรรค์มากกว่านางหนูตระกูลหย่วนคนนั้น หากไม่รีบวางมือแล้วหละก่อ อย่าหาว่าข้า ซินอู๋ห้าวไม่เกรงใจ”

 

เมื่อตระกูลซินที่หวังตำแหน่งที่สองมานานปี​ ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเร่อ​ ยิ่งทำให้มีความโลภไม่สิ้นสุด จนในตอนนี้ได้จำตัวคุณหนูเล็กของตระกูลหย่วนที่มีวัยเพียง 15 ปีมาเป็นตัวประกัน

นางนั้นมีนามว่า หย่วนชิงเหยียนที่จัดว่าเป็นความหวังในอีก10 ปีข้างหน้าของตระกูลหย่วน แทนพี่สาวที่เข้าร่วมเทศกาลหงส์เพลิงในปีนี้

ด้วยบัดนี้หลังจากการปรากฏตัวของผู้มาใหม่ 3 คนจางหายไปแล้ว​ ทั้งสองตระกูลก็เริ่มกระทบกระทั่งกันหนักมากยิ่งขึ้นยิ่งขึ้นไป

แต่สำหรับทั้งสองตระกูล โรงเตี๊ยมนี้ไม่ได้มีความสำคัญอะไร แต่ว่าสำหรับเป่าฮู่มันคือที่พักในอีกหลายวันนับจากนี้​ ทำให้ทั้งสามกลุ่มมีจุดหมายคนละอย่างกัน

หนึ่งมาเพื่อเก้าอี้ที่นั่งในงานเทศกาลที่จะเกิดขึ้น ใช้น้องเป็นตัวประกันบีบพี่สาวให้ลงจากตำแหน่ง สองมาเพื่อทวงคืนธิดาคนเล็กของท่านผู้นำและจัดการหนูโสโครก สามเฝ้าสังเกตการณ์หากที่พักในคืนนี้จะพังลงจำต้องยื่นมือเข้าช่วย

เพียงบ่าวรับใช้ของเป่าฮู่เห็นอาการของคุณชายของพวกมัน ทั้งสองจึงไม่อาจละความสนใจกับเรื่องรอบตัวได้

ด้านเถ้าแก่ที่เห็นทั้ง สามกลุ่มมีท่าทีคนละอย่าง​ จึงไม่อาจหาคำตอบที่ดีแก่ตนได้

“บ้าเลี้ยว บ้าเลี้ยว แบบนี้ร้านข้า ร้านข้า พัง พัง วันนี้ต้องพังแน่”

คำกล่าวที่ชวนให้เป่าฮู่มองลงไปที่แขกทั้งสองกลุ่ม กลับต่างออกไปที่หนึ่งกลุ่มกลับไม่สนใจอะไร โดยเฉพาะผู้นำกลุ่มที่กำลังนั่งกินอย่างสุขใจ

แต่ใครจะรู้ว่าเป่าฮู่เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว โดยสิ่งที่เป่าฮู่ต้องการเห็นคือที่พักปลอดภัย​ และเหผ้นฝีมือของตระกูลหย่วน

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset