ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 26

การมาของหนึ่งอัจฉริยะของแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ดึงความสนใจของคนทั่วลานจอดเรือเหาะนาวาปราณ เต้าเหล่ยที่ก้าวเดินลงมาจากเรือเหาะ พร้อมใบหน้าที่ทะนงตน จอมทะนงตนและยิ่งยโสโอหัง ได้เห็นเหล่าหญิงสาวแห่งแดนใต้ที่งดงามมากหน้าหลายตา ก็พลันนึกถึงคำพูดของบิดาตนเอง

(เที่ยวให้สนุกลูกพ่อ) เพียงเท่านั้นเต้าเหล่ยก็พลันมองหน้าเหล่าองครักษ์ของมัน ก่อนที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆๆๆๆ แดนใต้เอ๋ย วันนี้บุตรแห่งฟ้า เต้าเหล่ยผู้นี้ มาแล้ว สาวๆ วันนี้ใครพร้อมสนุกกับข้า ฮ่าๆๆๆๆ ก็เตรียมพร้อมได้เลย”

 

เสียงและกิริยาที่แสดงออกมาทำให้เหล่าคุณชายหลายคน รู้สึกมั่นไส้และหนึ่งในนั้นก็คือ มู่หยง คุณชายแห่งเขตปกครองมังกรฟ้า ผู้ที่ทะนงตนเช่นกัน

แต่ขณะที่มู่หยงจะลึกขึ้นท้าทาย เต้าเหล่ยอย่างเปิดเผย กลับถูกหนึ่งในผู้อาวุโสของ

ตระกูลมู่(ลุง)ทักไว้เสียก่อน

“บัดซับ! มันจะสักแค่ไหน เจ้าเต่าตระกูลเต้า”

อาวุโสตระกูลมู่ได้เห็นก็รีบใช้มือดึงไหล่ของมู่หยงไว้

“นายน้อย โปรดยั้งมือของท่านไว้ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ท่านอย่าลืมว่าเรามาที่นี่ เพื่อสิ่งใด งานประลองของผู้เหมาะสมกับธิดาหงส์เพลิง จะเริ่มหลังจากที่ทราบตัวของเทพธิดาหงส์เพลิง ท่านต้องไม่วู่วาม”

เมื่อมู่หยงได้เห็นเจ้าตัวน่ารำคาญนั่นก็ทำให้มันอยากจะลึกไปกระทืบเจ้าบ้าผู้นั้นให้นอนจมกองเลือด แต่เพียงไม่นานอาวุโสมู่ก็ร้องเตือนออกมาถึงบางสิ่งที่ไม่คอยมีใครรู้มากนักเกี่ยวกับเต้าเหล่ยคนนี้

“นายน้อย แม้ระดับของเจ้าคุณชายตระกูลเต้านับว่าไม่น่ากลัวมากนัก แต่ว่า

ข่าวที่เราได้มา 100 ปี มานี้ ตระกูลเต้า มีอัจฉริยะที่กำเนิดมา 2 คนหนึ่งคือ เต้าเหล่ยผู้นี้ แม้มาจากตระกูลรอง แต่กลับได้รับพรสวรรค์ที่น่ากลัว มันผู้นี้ครอบครองกายศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถพัฒนาการฝึกยุทธ์ได้เหนือกว่าบรรพชนเทพมังกรของเรามากนัก ส่วนอีกหนึ่งคน ก็คือคนที่กำลังมาทางนั้น มันก็คือ เต้าอิงเฉิง ดาวรุ่งอีกคนของตระกูลเต้า”

 

เสียงที่กล่าวแม้จะบางเบา แต่ใครจะไปสนใจ เด็กหนุ่มที่นั่งเพียงลำพังในโต๊ะที่ไม่ห่างออกไป นั่นก็คือ เป่าฮู่ที่ควบอาชาโลหิตมาอย่างบ้าระห่ำเพื่อทดสอบเจ้าม้าบ้าตัวนี้ และการมองไปยังเรือเหาะอีกลำที่กำลังมา ด้านตัวเรือคล้ายคลึงกันกับเรือของเต้าเหล่ย แต่อักษรที่สลักกับเป็นคำว่า อิงเฉิง นั่นคือ ดาวอัจฉริยะอีกผู้หนึ่งที่มาจากตระกูลสายหลัก และยังเป็นแขกที่หอเทพหงส์เพลิงให้การต้อนรับ

 

ด้วยข่าววงในของการครอบครอง ดวงตาพลังธาตุ นั่นคือสิ่งที่แดนใต้เชิญให้คุณชายอิงเฉิงมาเพื่อเฝ้ามองการกำเนิดของเทพธิดาหงส์เพลิงคนใหม่อย่างใกล้ชิด

 

เพียงตัวเรือแตะพื้น เสียงหือฮามากยิ่งกว่า เต้าเหล่ยปรากฏตัวเสียอีก

คุณชายเต้าอิงเฉิง ยังไงก็คือ เต้าอิงเฉิง ดาวรุ่งที่ตระกูลเต้าคาดหวัง ขบวนของกลุ่มผู้นำตระกูลเร่อ ออกมาต้อรับผิดกับเต้าเหล่ยที่มีเพียง อาวุโสธรรมดามาต้อนรับ ทำให้เต้าเหล่ยยิ่งมีความเกลียดชังต่อเต้าอิงเฉิงมากยิ่งขึ้น

 

ชายหนุ่มที่ขึ้นรถม้าและแล่นออกไปทันทีหลังจากที่ ญาติผู้พี่มาถึง

“บัดซบ! ไอ้อิงเฉิง สักวัน สักวัน ข้าจะ ข้าจะควักดวงตานั่นออกมาซะ”

 

ส่วนเหล่าชาวยุทธ์ที่ได้เห็นตัวเก็งที่จะเป็นบุตรเขยของแดนใต้ปรากฏตัวทุกคน

ล้วนแต่อิจฉา หากจะมีเพียงชายหนุ่มที่นั่งมองเรือเหาะลำนั้น

“งดงาม งดงาม เป็นเรือที่งดงาม”

การกล่าวชื่นชมเรือเหาะ แทนที่จะชื่นชมสาวงามหรือทิวทัศน์ รอบเมืองจากหอสูงนี้

ทำให้เฒ่าชราที่นั่งพิงขอบระเบียงไมไกลออกไปหันมากล่าวทักทาย

“ช่างเป็นผู้เยาว์ที่ประหลาด ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าหนุ่ม มีใครที่ไหนมาเที่ยวชมเทศกาลสาวงาม  ชายชราที่นั่งหลังพิงระเบียง

มือถือน้ำเต้าใส่สุรา สวมหมวกไม้เก่าๆ ผิวหนังเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลา สายตาดุจดั่งห้วงทะเลลึก ยามที่ทอดสายตามากระทบกับเป่าฮู่

เพียงได้สัมผัสกับแววตานั้นทำให้โลกที่กว้างใหญ่ของเป่าฮู่หดแคบลง

เป่าฮู่ได้เห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นเดินไปหาพร้อมนำจอกสุราถือติดมือเข้าไปด้วย

“ผู้เยาว์ไร้ตา ผู้อาวุโสช่างเปี่ยมด้วยความยิ่งใหญ่ แววตาท่านลุ่มลึกดั่งเป็นเซียนสุรา ข้าเป่าฮู่ ขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก”

 

ชายชราได้ฟังนามแซ่เป่า ก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่คิดว่า100 ปียังจะมีใครหลงเหลือมาได้ ด้วยนามนี้ตัวเซียนสุราก็ได้ย้อนไปตอนที่ตนก้าวสู่ยุทธภพใหม่ๆ

เพียงเท่านั้นก็สลัดความคิดนั้นไป ก่อนที่จะยกขวดน้ำเต้าขึ้นมาพร้อมกล่าวขานรับต่อสุราในจอกของชายหนุ่ม

“วันดี วันดี แซ่เป่า ฮ่าๆๆๆ พ่อหนุ่มเจ้าช่างแปลกคนนัก เอาหละเรามาดื่มสุราให้เมากันไปเลย และเฝ้ามองเรือเหาะแทนสาวงาม ฮ่าๆๆๆๆๆ เจ้าว่าดีหรือไม่?”

 

เมื่อการสนทนาที่ดังออกมาจนอาวุโสตระกูลมู่ได้ยิน เดิมทีจะลุกขึ้นไปจัดการสั่งสอน แต่เผอิญเหลือบไปเห็นว่า ที่ป้ายขาดเอวของชายขี้เมามันคือป้ายที่ใครหลายคนได้เห็นต้องหวั่นเกรง ด้วยมันคือป้ายของหอยอดยุทธ์แห่งแดนศักดิ์ บรรพชนตระกูลเต้า ผู้ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นเซียนสุราจอมโหด ประวัติที่ชุ่มไปด้วยเลือดฆ่าได้เพียงเพราะหญิงงามเพียงหนึ่งเดียว ที่ปฏิเสธความรักของตนเอง

มันคือโศกนาฏกรรมที่ชาวบ้านในแดนเหนือของเสวียนอูได้รับ นานมาแล้วจาก ศิษย์หอยอดยุทธ์ผู้นี้

 

เวลา 100 ปี กับชายชราคนนี้ต้องเป็น เต้าหวงเย่ เซียนสุราร่ำไห้ เป็นแน่

ฆ่าคนได้เพียงพริบตาอย่างเลือดเย็น

“ท่านอาวุโสมู่เฉวียน ตาเฒ่าที่แหกปากนั่นคือใคร?”

เป็นมู่หยงที่ถามออกมา และตัวมู่เฉวียนก็เพียงกล่าวอย่างบางเบาออกไป

“คุณชายคนอื่นในดินแดนนี้ ยุ่งได้ข้าไม่กลัว แต่ว่าเว้นเฒ่าชรา เต้าหวงเย่นี้คนหนึ่ง ป้ายหอยอดยุทธ์กับชื่อเสียงที่เหม็นเน่าของตาเฒ่าผู้นี้ อย่าไปยุ่งดีกว่า”

 

แม้ในใจของมู่หยงจะแปลกใจ แต่มู่เฉวียนหรือก็คือลุงของมันที่ดำรงตำแหน่งอาวุโส แต่ตัวมู่เฉวียนไม่ชอบให้หลานชายเรียกอย่างสนิทเกรงว่าเหล่าศิษย์น้อยใหญ่จะเห็นว่าตนเองเป็นคนลำเอียง

อันตัวมู่เฉวียนจะแสดงความกลัวต่อใครออกมา มู่หยงสามารถใช้นิ้วมือนับได้

แต่นี่กับแปลกที่ลุงของมันกลัวตาเฒ่าขอทานนี่ แต่เมื่อมู่หยงสังเกตเห็นป้ายที่ลุงของมันบอก มันจึงได้รู้

“อื่มนี่ ตระกูลเต้า ถึงขั้นส่งเฒ่าชราปีศาจนี่มาคุ้มกัน ว่าที่ผู้นำถึงแดนใต้ ฮ่าๆๆๆ ดูถูกไม่ได้แล้ว อย่างนี้คุณชายอย่างน้อยท่านควรได้ครอบครองสาวงามอันดับสองของแดนใต้ ส่วนที่หนึ่งเห็นว่าคงยากแล้ว”

 

ด้านเป่าฮู่ไม่รู้อะไรเลยว่าตนเองกำลังร่ำสุรากับผู้ที่บ้าบิ่นสังหารคนเพียงเพราะธิดาตระกูลเป่า เป่าชิงหลิว ไม่ขานรับรักของตนและนำพามาซึ่งความหายนะของหมู่บ้านตระกูลเป่า จนบิดามารดาของเป่าฮู่ที่เป็นคนในหมู่บ้านต้องมารับเคราะห์กรรมไปด้วยและหายสาบสูญไป โดยตาเฒ่านี้เป็นคนอารมณ์สองขั้วหนึ่งดี หนึ่งร้ายยากคาดเดา วันนี้ลมอะไรทำให้ตัวเต้าหวงเย่มาร่วมชื่นชมเรือเหาะกับเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนนี้ไม่รู้เหมือนกัน

 

ณ เขตนอกเมือง 3 ชั่วยามต่อมา

เพียงการร่ำสุราจากโรงเตี๊ยมในเมืองตระกูลเร่อ เป่าฮู่เฒ่าชรา ผู้มีนามว่า

เต้าหวงเย่ พูดจากันถูกคอ และตัวเต้าหวงเย่หลังจากฝึกวรยุทธ์มากจน สติฟั้นเฟือน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย กลับชอบใจเจ้าหนุ่มคนนี้

แต่ด้วยกฎของตระกูลเต้า จึงไม่อาจที่จะรับเด็กน้อยเป็นศิษย์ได้ จึงได้นำพาเด็กน้อยออกมานอกเมือง ก่อนที่จะแหงนหน้ามองฟ้า โดยในใจตลอด 100 ปีมานี้สำนึกถึงความผิดที่ได้สังหารคนในตระกูลเป่าจนไม่เหลือ

ด้วยพิษที่ก่อให้เกิดโรคระบาด และนั่งเฝ้ามองดูพวกมันตกตายไปอย่างเลือดเย็น วันนี้สวรรค์กลบเป็นใจนำพาคนแซ่เป่ามายืนตรงหน้า ความทรงจำด้านดีจึงแสดงผล นับว่าเป็นผลบุญเก่าของเป่าฮู่ที่ได้ทำมา จึงทำให้เต้าหวงเย่ได้เอ่ยปากออกมาในที่สุด

 

“เจ้าหนู 3 ชั่วยามที่ผ่านมานี้ ข้าเซียนสุราชอบใจในตัวเจ้านัก ด้วยวาสนาที่พบพานวันนี้ข้าจะช่วยเข้าทะลวงจุดที่เจ้ายังไม่อาจผ่านมันไปได้ ก่อนที่เวลาของข้าจะหมดไป เอาหละแม้เจ้าจะไม่ยินยอม แต่คนอย่างข้าชอบแล้วก็จะทำ”

 

เพียงพูดจบ เป่าฮู่ในอาการมึนเมาสุราก็ได้เห็นภาพที่เลือนราง และร่างของชายชราที่กำลังแสดงกายกรรรม แต่จู่ๆความเจ็บปวดที่แทรกเข้ามา กระชากชายหนุ่มให้ตื่นจากภวังค์ของฤทธิ์สุรา

“ท่านอาวุโส ท่านกำลังทำอะไร?”

เมื่อเต้าหวงเย่ได้ยิน และรับรู้ ก็บอกให้เป่าฮู่อย่าต่อต้านการกระทำของตน ด้วยการสำรวจชีพจร เดิมทีเต้าหวงเย่ก็ตกใจที่เด็กหนุ่มคนนี้แม้มีรูปร่าเหมาะสมกับการฝึกยุทธ์แต่ใครจะไปคิดว่า จะสามารถทะลวงจุดชีพจรมาได้มากมายเพียงนี้ และวันนี้เฒ่าชราที่รู้สึกผิดกับตระกูลเป่า จึงช่วยให้เด็กหนุ่มก้าวขึ้นสู่จุดที่เรียกว่าอัจฉริยะได้ในพริบตา เพราะวาสนาย่อมมาพร้อมโชคชะตาเสมอ

การที่ชายชรากระทำแบบนี้ลงไปนั้นไม่ได้ทำให้ชายชราจะกลัวผลกระทบต่อ

ตระกูลเลย เพราะเต้าอิงเฉิงหลานชายยังไงก็มีดวงตาพลังธาตุ และหลานชายเต้าเหล่ยยังไงก็มีกายศักดิ์สิทธิ์ เพียงเท่านี้ตระกูลเต้าก็อยู่ได้อีกเป็น 100 ปี

 

“อย่าพูดมาก เวลาข้าเหลือน้อยแล้ว เดินลมปราณตามจุดที่ข้าชักนำไป อย่าได้ขัดขืน”

วันนี้ฟ้าต้องพลิกคว่ำ ดวงอาทิตย์โผล่ในยามราตรี คนบ้าสองขั้วอารมณ์ที่กังสู้กับห้วงเวลาที่ตนจะอาการกำเริบช่วยทะลวงจุดแก่รุ่นเยาว์คนหนึ่ง พร้อมกับสะบัดข้อมือนำของบางสิ่งออกมาจากอากาศธาตุ มันคือกล่องเหล็กเก่าๆที่ได้จากการเผาจวนตระกูลเป่าจนวอดวาย ในนั้นมีอะไรตลอดหลายปีมานี้ตัวมันไม่คิดจะเปิด เพราะตราบาปในครั้งนั้น วันนี้จึงขอยกมันให้แก่คนแซ่เป่าคนนี้ไปเผชิญชะตาชีวิตเอาเอง

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset