ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 29

มีเพียงหนึ่งบุรุษที่มองต่าง เป่าฮู่ที่มองดูเว่ยซู ด้วยสายตาที่ชื่นชมก็จริง แต่กลับมิได้พิศวาสนางแต่อย่างใด เพราะเท่าที่ดูเว่ยซูนางนี้แววตาดุดันเกินไป และสายตานั้นต้องมีอุปนิสัยที่กราดเกรี้ยว นั่นหากให้ตัวเป่าฮู่เลือกนางมาเป็นคู่ชีวิตก็เท่ากับว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

แต่สายตาของชายหนุ่มที่นั่งดื่มสุราบนหลังคาหมู่ตึกอย่างรุ่มลึก จากที่สูงพอจะเห็นงานทั้งงาน

เป่าฮู่นำไก่ย่างตัวงามที่ซื้อมาจากตลาด เพราะเจ้าของร้านตั้งใจปิดร้านเพื่อจะมาชมงานเทศกาลนี้ ทำให้เป่าฮู่เหมามาซะทั้ง 3 ตัวเลย

หนึ่งบุรุษร่ำสุราใต้แสงจันทร์ด้วยความหรรษา ประกอบมีสาวงามที่กำลังทำพิธีที่แสนน่าตื่นตาตื่นใจให้ดูชม

ขณะที่เร่อเว่ยซูเดินขึ้นไปที่แท่นหิน ปรากฏเสียงกรีดร้องของจิตวิญญาณหงส์เพลิง อย่างที่มิเคยมีใครเป็นมาก่อน ((((แกว๊ก))))) แท่นหินสั่นเครือเปลวเพลิงที่กำลังรุกไหม้ และสว่างขึ้น สว่างขึ้น กว่าที่บุตรสาวตระกูลอื่นๆจะมีมา เมื่อทุกคนได้เห็นดังนั้น กลุ่มผู้นำตระกูลต่างๆ ก็เริ่มที่จะกล่าวชื่นชมเพื่อเอาอกเอาใจ ผู้นำตระกูลเร่อโดยทันทีอย่างมิปิดบัง เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า นางคือเทพธิดาหงส์เพลิงอย่างแท้จริง

“ฮ่าๆๆๆ นางคือของจริง นางคือของจริง เทพธิดาหงส์เพลิง คือคนตระกูลเร่อ”

เมื่อเสียงชาวบ้านที่ดังแซ่ซ้อง ผู้นำจระกูลอื่นๆหลายคนเริ่มหยิบจอกสุราขึ้นมาพร้อมกับหันหน้าไปทางเร่อต้วนชุย

“ยินดีด้วย ยินดีด้วย ท่านเจ้าเมืองเร่อต้วนชุย เพียงเท่านี้อำนาจของแดนใต้ตระกูลของท่านก็ยังคงรักษาเอาไว้ได้”

 

เสียงนี้ดังข้ามหัวของเหล่าอาวุโสตระกูลหย่วนไปโดยทันที ดั่งคนพวกนั้นไม่มีตัวตน แต่เร่อต้วนชุยรู้ดีว่าตระกูลที่น่ากลัวที่แท้จริงคือ ตระกูลหยวน และหยวนชิวหยู คนนี้ก็คือคนที่มีความสามารถทัดเทียม บุตรสาวของตนคนหนึ่ง

“ช้าก่อน ช้าก่อน พวกท่านอย่าพึ่งรีบด่วนสรุป เทพธิดาแห่งหงส์เพลิง ล้วนมีคนที่เข้าเกณฑ์ 12 คน และตอนนี้บุตรีข้าคือตนที่ 11 พวกท่านจะกล่าวแบบนี้มิเห็นสม เหล่าผู้คนจากตระกูลหย่วนยังนั่งอยู่ทางนั้น ใช่หรือไม่ ท่านอาวุโส หย่วนฮุ่ย”

 

เมื่อคำกล่าวที่เหมือนจะแสดงความเห็นอกเห็นใจ แต่จริงๆแล้วด้านในกลับเตรียมมือไว้จับกระบี่พร้อมจะฆ่าฟันตระกูลหย่วนหอกข้างแคร่ให้หมดสิ้นไป เพียงเว่ยซูได้ทำการปลุกเพลิงเทพในกายขึ้น ดวงดาราของนางก็เปล่งประกายในจุดที่สูงที่สุด นางคือเทพธิดาหงส์เพลิงที่แท้จริง โดยที่ไม่มีใครที่กล้าจะคัดค้าน

แต่ขณะที่เว่ยซูกำลังจะทดสอบเสร็จ แผนการที่แยบยลและเป็นดาบเล่มสุดท้ายที่พร้อมจะฆ่าฟันตระกูลหยวนก็ได้เริ่มขึ้น

 

เมื่อตระกูลเร่ออัญเชิญผู้ใช้อักขระขั้นสูงมาอย่างลับๆ และให้พวกมันทำการจารึกอักขระที่ใต้ทางลับของแท่นศักดิ์สิทธิ์ทันทีที่คนของตระกูลเร่อให้สัญญาณ ทุกครั้งที่ตระกูลเร่อใช้กลวิธีนี้ไม่มีใครที่สามารถจับพิรุธได้เพราะว่า ตระกูลเร่อจะออกไปเป็นคนรองสุดท้ายและจะเก็บคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดไว้ต่อจากพวกนาง

 

เพียงทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้ว ตัวเว่ยซูก้าวเดินลงมาอย่างมั่นใจ นางก้าวลงมาหยุดที่เบื้องหน้าของหย่วนชิวหยู และกล่าวเพียงบางเบาว่า

“ชิวหยู เจ้าพร้อมที่จะถูกเนรเทศหรือยัง?”

 

คำกล่าวนี้ทำให้นางแปลกใจ ด้วยความใสซื่อของนาง นางไม่มีทางรู้ได้ว่า แท้จริงตั้งแต่

เมื่อตระกูลเร่อได้ครอบครองตำแหน่งเทพธิดาหงส์เพลิงคนแรก พวกมันหาวิธีที่จะครอบครองอำนาจและทำให้ตระกูลของพวกนางยิ่งใหญ่มาตลอด

โดยผูกมิตรที่ดีกับตระกูลเต้า แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ จนต่อมาดินแดนทางใต้ ก็ไม่ต่างอะไรกับถูกแดนศักดิ์สิทธิ์ครอบงำไว้

เมื่อเป่าอู่ที่นั่งดูการแสดงอยู่บนที่สูง เห็นการเคลื่อนไหวที่แปลก ประหลาด

เป่าฮู่ก็ลองพิจารณาอักขระที่พลันเปลี่ยนไป ในช่วงเวลาที่เปลวเพลิงกำลังรุกไหม้ เดิมทีเปลวเพลิงของหย่วนชิวหยูลุกได้ร้อนแรงมากคนหนึ่ง แต่จู่ๆกลับเริ่มมอดลงและดับลงในที่สุด จากปรากฏการณ์นี้ทำให้ทุกตระกูลพากันหัวเราะ ด้วยที่สุดแล้ววันนี้เทพธิดาหงส์เพลิงก็ไม่ได้เข้าข้างตระกูลหย่วนอีกตามเคย และนี่ก็เป็นคนที่ 3 แล้วที่ถูกเนรเทศออกจากดินแดนทางใต้ไป

 

แต่พวกนางจะต้องถูกส่งออกไปเยี่ยงคนชั้นต่ำ และใครก็ตามที่รับตัวนางไปจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากแดนหงส์เพลิงอีก เพราะนั่นคือการแสดงให้ทั่วแผ่นดินได้เห็นว่า เขาได้รับตัวกาลกิณีไปครอบครอง

ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมายังหย่วนชิวหยู นางรู้สึกเหมือนแผ่นฟ้าทั้งผืนร่วงหล่นมาสู่ตัวนาง ทำให้ตัวนางที่คาดหวังว่าจะเป็นผู้ฟื้นชะตาของตระกูลขึ้นมาอีกครั้ง กลับไม่อาจนำพาเกียรติยศกลับมาสู่วงตระกูลได้ในที่สุด นางทอดทิ้งกายลงไปยังแท่นหิน ท่ามกลางสายตาของคนทั่วทั้งงาน

สายน้ำที่ไหรินจากความเสียใจผิดหวังอย่างไม่อาจที่จะอธิบายได้ สติของนางหลุดลอยไม่อาจที่จะหยัดยืนขึ้นมาได้ในขณะนั้น

หลังจากที่ทุกคนได้เห็นการแสดงของเหล่าสาวงามจนจบ เหล่าบุรุษที่มาร่วมงานเทศกาลก็ได้เวลาแสดงความสามารถเพื่อที่จะซื่อใจของสาวงามทั้ง 11 คน

เพราะหนึ่งในจำนวน 12 คนจะมีหนึ่งคนที่เป็นดาวกาลกิณี คนที่ได้รับสถานะนี้ก็คือเหยื่อการบูชาเปลวไฟของดินแดนทางใต้นั่นเอง

ท่ามกลางสายตาที่ดูถูก สายตาที่เหยียดหยามและสายตาที่เสียดายหญิงงามที่เป็นกาลกิณีของเหล่าบุรุษทั่วหล้า ที่ไม่กล้าพอที่จะขอรับตัวนางจากเทพธิดาหงส์เพลิงคนใหม่ ในฐานะดาวแห่งหงส์เพลิง หน้าที่ในการขับไล่ตัวกาลกิณีออกจากแดนใต้ก็คือหน้าที่แรกของนาง

 

เป่าฮู่มองดูอักขระที่สั่นเครือ ด้วยพวกมันพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะต้านทานพลังของแม่นางคนนี้ ดังนั้นเป่าฮู่คิดว่า เส้นทางที่เดินจำต้องมีแขน และขาจะเดินไปเพียงลำพังไม่ได้ ดังนั้น

แม่นางคนนี้เหมาะสมที่จะมาเป็นแขนให้แก่ตนในตอนนี้ เปลวเพลิงที่ใช้กระบวนการของอักขระโบราณในการปลุกพลัง ไม่แน่เทพเต่าอักขระอาจทำได้ ขนาดตนเองยังอาจปลุกพลังเพลิงแห่งแดนใต้ได้เลย

“ฮ่าๆๆๆๆ พวกเจ้ามันโง่เง่านัก คิดเชื่อมสัมพันธ์กับแดนศักดิ์สิทธิเหรอดี วันนี้ข้าจะดูว่า พวกเจ้าจะหน้าด้านหน้าทน พยามยกลูกสาวใส่พานทองไปให้ใคร”

 

เดิมทีเป่าฮู่ไม่คิดว่าการประลองจะสำคัญ แต่ว่าการประลองจะต้องเกิดขึ้นชายใดต้องการที่จะขึ้นประลองสนามประลองของดาวหงส์เพลิงคนใด ก็เชิญไปยังสนามประลองนั่นๆ

เวลาที่ไหลผ่านการประลองทุกๆสนามต่างคึกครื้น แต่สำหรับการประลองที่ครึกครื้น

ตระกูลหย่วนได้แต่เสียใจและผิดหวัง หย่วนฮุ่ยเดินลงมายังลานลานประลองที่ 12 เพื่อเป็นตัวแทนผู้ปกครองส่งมอบ หย่วนชิวหยูแก่ใครก็ตามที่หมยมั่นจะคว้าตัวนางไปเป็นคนของตระกูล

 

แม้จะมีคนที่ยอมเอาตัวเองมาเสี่ยง แต่ก็จะมีแต่พวกชั้นต่ำ ที่หวังรอคอยสาวงามจากงามชมเทศกาลหงส์เพลิงที่โหดร้ายนี้ เหล่าบุรุษที่เป็นสามัญชนเดินพาตัวเองที่อ้วนเตี้ยดำ และสกปรกขึ้นไปที่ลานประลองทันทีหลังจากที่การประลองของสนามประลองอื่นกำลังเริ่มอย่างดุเดือด

 

ด้วยการแสดงออกเหล่านี้ดึงความสนใจของลานประลองทุกลานประลองมายังสนามประลองที่ 2 จนหมดสิ้น

เพียงเจ้าอ้วนผู้น่าเกลียดที่ตระกูลเร่อจ้างวาน ให้มันก้าวขึ้นไปรับตัวของบุตรีตระกูลหย่วนไปเป็นเมีย เพื่อสร้างความอับอายแก่ตระกูลหย่วนให้มากที่สุด

ด้วยภาพเหตุการณ์แบบนี้เกิดมา 3 ครั้งซ้อนทำให้ตระกูลหย่วนไม่มีหน้าที่จะลุกขึ้นมาผงาดอีกแล้ว แต่พวกมันหารู้ไม่ว่า ตอนนี้ตาเฒ่าหย่วนปงกลับมาแล้วและท่ามกลางงานแสดงนั้น หย่วนปงเองก็มองดูจากที่ห่างไกล ด้วยความสงสัยเดิมทีเห็นว่าตนเองคงต้องส่งใครไปช่วยหลานสาวกลับมาเป็นแน่ แต่เมื่อมองสำรวจไปทั่วงาน ก็พบว่าบนหลังคาตึกมีคุณชายท่านหนึ่งที่คุ้นตานั่งชมการแสดงอยู่

ด้วยนิสัยของเขาคนนั้นเชื่อได้ว่าย่อมต้องกระทำบางอย่างที่ผิดจากประเพณีที่สืบตอๆกันมาเป็นแน่

 

นั่นเท่ากับเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่หากคุณชายตระกูลหงรับหลานสาวไปนี่เท่ากับเป็นโชคสองชั้น ใจหนึ่งก็เบาใจที่บุรุษคนนั้นคือ เป่าฮู่คนนั้น

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset