ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 33

การเดินทางเพียงคนเดียวของชายหนุ่มวัย พึ่งล่วงเกินตระกูลเต้า แม้ตัวเต้าอิงเฉิงไม่คิดแค้น แต่กลับมีหนึ่งคนที่ยังอาฆาตไม่มีลดละ มันคือเต้าเหล่ยที่ให้คนตามสืบข่าวว่าเจ้าบัดซบนั่นเดินทางไปทางไหนไม่ว่าจะทางเรือเหาะ หรือทางเท้า การทุ่มเทเวลานานวันจนที่สุดแล้ว ก็พบหนึ่งในสมาชิกของตระกูลเต้าที่เป็นคนสะกดรอยส่งสัญญาณให้แก่นายน้อยรับรู้ ว่าเป้าหมายกำลังเดินทางด้วยม้ามุ่งสู่เขตแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว

 

ดังนั้นตัวเต้าเหล่ยผู้เป็นนายน้อยตระกูลใหญ่ในแดนศักดิ์สิทธิ์จึงจะจัดพิธีต้อนรับศัตรูตัวฉกาจคนนี้ คำบัญชาของเต้าเหล่ยสั่งการออกไป หลังจากที่เป่าฮู่ไอ้บัดซบเหยียบย่ำเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลใดจัดการจับมันมาได้ จะได้รับรางวัล คำบัญชานี้ทำให้ทุกตระกูลที่ได้รับภาพวาดรูปใบหน้าของเป่าฮู่

ก็ต่างรอการมาของเป้าหมายตลอดทางเดิน

โดยคำสั่งที่มีห้ามไม่ให้เมืองใดปิดประตูไม่ให้ชายผู้นี้ผ่าน แต่กลับมีคำสั่งว่า

หากตระกูลใดในแดนศักดิ์สิทธิปล่อยให้เป้าหมายผ่านไปได้จะได้รับบทเรียนที่สาสม

 

 

ณ เมืองซื่อตู่

เมืองที่เป็นเขตปกครองของตระกูลตู่ หนึ่งในตระกูลใต้อาณัติของตระกูลเต้าที่ยิ่งใหญ่

บัดนี้เหล่าทหารทุกคน รวมถึงนายน้อยตระกูลตู่ ได้มารอรับแขกที่ตระกูลเต้าสนใจเป็นพิเศษคนนี้

 

“รายงาน ข่าวจากม้าเร็ว ตอนนี้เป้าหมายเข้าเขตเมืองซื่อตู่เรามาแล้ว อีกไม่เกิน 10 ลี้จะผ่านเข้าประตูเมืองของเราขอรับ”

 

เพียงการรายงานในสิ่งที่ทหารของเมืองซื่อตู่รอคอย ตู่หลู่ บุตรชายของเจ้าเมืองซื่อตู่ ผู้เป็นศิษย์ของนิกายเทพเมฆา นิกายเดียวกับ นายน้อยเต้าเหล่ย และยังเป็นหนึ่งในผู้ติดตามเต้าเหล่ย ความอับอายของเต้าเหล่ยที่ถูกเจ้าบัดซบคนนี้ทำลายลงให้วันเทศกาลชมสาวงามนั้น ตู่หลู่จะล้างความอัปยศนั้นให้

เพียงการนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของเหล่าผู้ติดตาม งานนี้มีเพียงจัดการเจ้าเป่าฮู่บ้าบอนั่นให้ได้เท่านั้น

 

1 วันผ่านไป

“นายน้อย นายน้อย เจ้านั่น มาแล้ว”

 

เสียงที่ปลุกสติของเหล่ายอดฝีมือของตระกูลตู่ให้ตื่นขึ้น โดยตู่หลู่เป็นผู้นำและสังการทันทีว่าให้ปล่อยเจ้าหมอนั่นเข้าเมืองมา และต้องจัดการให้เร็วที่สุดย้ำว่าตองไม่ตกตายไป และใช้หินอาคมบันทึกภาพในตอนที่สั่งสอนเจ้าหมอนั่นเอาไว้ด้วย

 

บัดนี้เป่าฮู่เป็นชายที่เนื้อหอมเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่ตัวเป่าฮู่จะไม่สังเกตเห็น

แต่เป็นจงใจให้คนเหล่านั้นเข้ามา และเข้ามา ล้อมรอบตนเองไว้อย่างห่วงใย ด้วยใครกันที่จะมอบความแข็งแกร่งแก่ตนจนถึงที่แบบนี้ การให้ประสบการณ์ในการฝึกฝนนับว่าเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่

เป่าฮู่และม้าของเขาเดินทางมาถึงยังประตูเมืองซื่อตู่ เป่าฮู่มองดูทางเดินที่มีผู้คนสัญจรไปมา

แต่กลับไม่มีใครกล้าสบตาเหล่าผู้คนที่ทำทีเป็นยืนจับจ่ายซื้อของ และยืนทำงานตามสองข้างทาง

นั่นพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าคนกลุ่มนี้ ต้องมีบางอย่างที่แอบแฝงไว้

 

(เจ้าคนพวกนี้มันไม่รู้หรือว่าพวกมันเล่นละครกันได้ห่วยจริงๆ)

นี่คือสิ่งที่ชายหนุ่มได้สัมผัส จากการเสแสร้งออกมา มียามปะตูเมืองที่ไหนที่ปล่อยคนต่างเมืองเดินผ่านด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร แต่แฝงจิตคุกคามกันทุกคน นั่นคือสิ่งที่เป่าฮู่สัมผัสได้

การเยื้องย่างไปสู่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ผู้คนด้านในแม้มีมากแต่ก็เงียบ ดั่งมี

เลศนัยแอบแฝง เป่าอู่ได้มองดูทั้งด้านนอกและใน จึงหยุดอยู่แต่เพียงชั้นที่ 1 ของโรงเตี๊ยมเท่านั้น

“เห้ย! ไอ้คนพวกนี้ เลิกทำเป็นเล่นละครกับข้าคนนี้ได้แล้ว บอกมาใครสั่งพวกเจ้าให้ทำอะไรที่โง่เง้าแบบนี้?”

 

คำกล่าวที่แฝงไปด้วยลมปราณที่หนักหน่วง ยอดฝีมือที่อยู่รอบโรงเตี๊ยมต่างพรั่งพรูเข้ามา พร้อมตู่หลู่ที่ลุกขึ้นปรบมือให้แก่ เป้าหมายของมัน

“((((แป๊ะ!)))) ((((แป๊ะ!))))) ฮ่าๆๆๆๆ เก่ง เจ้าเก่งที่สามารถรับรู้ได้ว่านี่คือ

กับดักแต่ว่า เข้าเมืองมาแล้วก็อย่าหวังว่าจะออกไปได้”

เมื่อรับรู้ได้แล้วว่าที่ภายในเมืองนี้เป็นแบบนี้ในตอนที่ตนเองเดินทางมาถึง

ก็ทำให้เป่าฮู่ยกยิ้มขึ้น พร้อมกล่าวออกไปว่า

“คุณชาย ท่านคงเป็นผู้นำเช่นนั้นพื้นที่โดยรอบนี้ ไม่น่าเกิน ลี้คงมีแต่คนของท่านสินะ?”

คำถามที่ดังออกมานั้น สร้างความตกใจแก่ตู่หลู่บ้าง แต่ก็เพียงเท่านั้น ตู่หลู่หยิบเอาหินอาคมอกมาและปลดปล่อยลมปราณเข้าไปกระตุ้น วงจรทำงานของมัน แสงสีเหลือทองที่ส่องสว่างกลางอากาศ ทันใดนั้น ตู่หลู่ก็กล่าวว่า

“ได้เวลาแล้ว สั่งสอนมันให้กับคุณชายเต้า ฮ่าๆๆๆ”

 

เมื่อเป่าฮู่รู้แล้วว่าเป้าหมายตัวหลักเป็นใครใยต้องเกรงอกเกรงใจต่อศัตรู เป่าฮู่ไม่รอช้ารีบโคจรลมปราณเทพผนึกพลังไว้เพื่อต้านการโจมตีจากรอบทิศ และในเวลาเดียวกันก็โคจรพลังลมปราณตามเคล็ดวิชากระบี่ราชันไร้รูป เมื่อรอบกายมีกระบี่น้ำแข็งจำนวน 3 เล่มปรากฏ คนเหล่านั้นก็ตกใจที่คนผู้หนึ่งสามารถสร้างกระบี่จากอากาศธาตุได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหล่ายอดยุทธ์ที่มีอายุมากและยังเคยท่องยุทธภพมาก่อน

 

เพียงลมปราณธาตุน้ำที่หมุนวน สร้างบรรยากาศที่หนาวเหน็บ เป่าฮู่ที่ใช้ออกด้วยท่าเท้าท่องวารี ร่างกายที่พลิ้วไหวไปตามพื้นดิน รวดเร็วดุจสายน้ำแต่กลับเชี่ยวกราดดั่งเทพที่บ้าคลั่ง เป่าฮู่ควบคุมกระบี่น้ำแข็งฟาดฟันออกไปจนรางของเหล่ายอดฝีมือที่รายล้อมตัวมันตกตายไปหลายคน

 

จากที่ได้เห็นในตอนที่คนเหล่านั้นพยายามโจมตี เพียงความแตกต่างของจังหวะเพียงเล็กน้อยของการฆ่าและปราณี เท่านี้ป่าฮู่ก็รู้ว่าคนที่สั่งการลงมาไม่อยากให้ตัวของมันตายไปตอนนี้ เพียงเท่านี้ก็คือหลักประกันว่ามันไม่ต้องกลัวว่าจะต้องตาย ตัวมันสามารถปลดปล่อยพลังได้เต็มที่ เพราะศัตรูจะไม่สังหารมันแต่ต้องการจับมันนั่นคือความได้เปรียบ และเป่าฮู่ก็สามารถฆ่าพวกมันได้อย่างไร้ความปราณีเช่นกัน

 

“ในเมื่อไม่ฆ่าข้าตอนนี้ พวกเจ้าจะเสียใจ”

ลมปราณที่หมุนวนโคจรไปทั่วร่างก่อกำเนิดพลังที่เย็นเหยียบดุจสายลมที่พร้อมกระชากชีวิตของทุกผู้ทุกนาม เป่าฮู่ได้เห็นแล้วว่าพลังจากทักษะที่เสริมพลังแก่ทุกเคล็ดวิชาเช่นลมหายใจเทพ นี้ประเสริฐยิ่งนัก

(ฮ่าๆๆๆ ท่านปู่ ข้าเป่าฮู่รักท่านมากที่ยอมสละทุกสิ่งเสาะหายอดวิชาเสริมพลังเช่นนี้มาได้)

นอกเหนือจากนั้น ภาพที่เกิดขึ้นคือชายหนุ่มผู้เริงร่าในการต่อสู้ ด้วยบริเวณโดยรอบเริ่มมีคนตายมากขึ้นและมากขึ้น

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset