ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 34

ด้วยสิ่งที่เคยผ่านมาในชีวิตของเป่าฮู่เด็กหนุ่มผู้ที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดมาตั้งแต่เยาว์วัย

หลังจากได้รับรู้ความจริงบางอย่างถึงสิ่งที่บรรพชนเคยทุ่มเทเวลาทำมันขึ้นมา เพื่อลูกหลานในรุ่นหลัง ยิ่งทำให้เป่าฮู่อยากที่จะยืนหยัดขึ้นมา และก้าวออกไปสู่ประตูบานใหญ่ในอนาคตพร้อมเคาะมันเรียกเหล่าผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก ให้รับรู้ถึงตัวตนของมันและตระกูลเป่าของมัน และกู่ร้องให้พวกมันทุกคนรู้ว่า ตัวของมันคือเป่าฮู่ ลูกหลานตระกูลเป่า แห่งดินแดนเสวียนอู่ ผู้ที่จะขึ้นไปอยู่เหนือเหล่าผู้คนทุกตัวตนในอนาคต

แต่บัดนี้ท่ามกลางความปิติยินดี กระบี่ที่กล้าแกร่งในมือ กระบี่ที่อดีตเจ้านิกายเสวียนอู่ได้มอบมาให้มันกระบี่ที่ภายนอกดูเป็นเพียงกระบี่ธรรมดา และไม่ต่างอะไรจากกระบี่ระดับราชาทั่วไป

หากแต่สิ่งที่ต่างออกไปก็คือกระบี่เล่มนี้คือ ฟันของเทพเต่าดำที่ถูกนำมาสร้างกระบี่เล่มนี้พลังของมันลึกล้ำเหลือการเข้าใจของเหล่าชาวยุทธ์ แม้เจ้าตวจะยังไม่รู้ก็ตาม มนุษย์ที่ครอบครองหากสยบมันไม่ได้หรือไม่อาจส่งจิตที่แรงกล้าเข้าไปยังใจกลางแก่นแท้ของกระบี่ได้ ก็ไม่อาจครอบครองมันได้อย่างแท้จริง

 

วันนี้เป่าฮู่ที่กำลังยิ้มออกมาท่ามกลางวงล้อมของเหล่าชาวยุทธ์และทหารยอดฝีมือจากเมืองซื่อตู่ ผู้เป็นด่านแรกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ต้อนรับเป่าฮู่ชายผู้ทะนงตนคนนี้

“ฮ่าๆๆๆ มีดีเท่านี้หรือ สุนัขรับใช้ของเจ้าบ้าเต้าเหล่ย ข้ารู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังและสั่งให้พวกเจ้าลงมือคงเป็นมัน ฮ่าๆๆๆ ไอ้ลูกหมาเต้าเหล่ย ดีแต่ลอบกัด ฮ่าๆๆๆ มาเข้ามาพร้อมๆกันทั้งหมดนั่นแหละ”

 

จากนั้นท่าทีของเป่าฮู่ชายผู้ทระนง ก็เปลี่ยนไปการยืนท่ามกลางศัตรูที่หมายจัดการตัวมันให้ราบคราบกำลังบันทึกหินอาคมไว้จนทำให้สายตาที่เห็นแสงสว่างกลางอากาศเป่าฮู่จกจำมันได้ดี จึงหันไปกล่าวต่อหินอาคมนั้นด้วยแววตาที่คาดแค้น

“เต้าเหล่ย เจ้ามีดีเพียงเท่านี้หรือ ฮ่าๆๆๆ ส่งลิ้วล้อมาจัดการข้า เพราะหากเป็น

เต้าอิงเฉิงคงไม่ทำ แต่หากเป็นเจ้าด้วยนิสัยที่ข้าเห็นต้องใช่ ต้องใช่แต่ก็ช่างมันข้าจะถือว่าคนที่เจ้าส่งมาคือบันไดที่มีไว้ให้ข้าก้าวเดิน”

 

จากนั้นท่วงท่าที่รวดเร็วของเป่าฮู่ โดยไม่มีท่าทีที่จะปราณีศัตรู เพราะหากตนเองเกิดวอกแหวกนั่นคงเป็นจุดเปลี่ยนของการต่อสู้นี้เช่นกัน

“อย่าโทษบิดาเลยที่วันนี้( เทพสังหาร )จะปรากฏตัว คิดร้ายต่อข้าจงรอข้าเถอะ เต้าเหล่ยเอ๋ย”

 

ร่างที่พลิ้วกายเลือนหายไปจากคันรองสายตาของเหล่าทหารหาญลูกสมุนของตู่หลู่บุตรชายเจ้าเมืองซื่อตู่ บัดนี้ร่างเงาที่เป็นดั่งภูตผีเข้าปะทะกับเหล่าอาวุโสผู้คุ้มกันตู่หลู่คุณชายแห่งเมืองซื่อตู่นี้

เป่าฮู่คิดเสมอว่า หากจะกัดการอสรพิษตัวตีหัวของมันให้ตาย หากอสรพิษไร้หัวที่เหลือก็ไม่เท่าไหร่ และนั่นคือสิ่งที่เป็นเป้าหมายแรก และลงมือทำในทันที ไม่รอให้สวรรค์ชี้นำอะไรอีกแล้ว

 

“วันนี้นับเป็นโชคดีของพวกเจ้าคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์และเป็นการสังเวยวิญญาณเส้นไหว้เหล่าวีรชนของแดนเสวียนอู่ กระบี่วารีไหลย้อน กระบวนท่าที่ 1 วารีสะบั้นเหยื่อ”

กระบี่คู่กายกวัดแกว่ง ตัดผ่านสายลมดั่งมังกรทะยานในธารา กระบวนท่าที่รื่นไหลคนกระบี่เป็นหนึ่งจิตใจที่มุ่งมั่นในการชำระแค้น เลือดที่ต้องใช้เส้นไหว้ดวงวิญญาณของวีรชนแดนเหนือ วันนี้เพลงกระบี่ที่ปรมาจารย์รุ่นก่อนของนิกายเสวียนอู่คิดค้นได้หวนกลับกู่ก้องอีกครั้ง

(((ฉวับ!))) “กระบวนที่สอง วารีตัดพิภพ”

ด้วยการลงมือที่โหดเหี้ยม คมกระบี่ตัดผ่านร่างเข้าไปเลือดสีแดงที่ไหลออกมา แม้สักหยดก็ถูกปราณเย็นเอ่อทะลักกัดกินจนเป็นน้ำแข็ง การที่ลมปราณออกมาจากกระบี่ทำให้ร่างเหล่านั้นกลายเป็นน้ำแข็งด้วยเคล็ดวิชากระบี่วารีไหลย้อน แต่ศัตรูมีจำนวนมาก วิธีที่จะลงมืออย่างบ้าระห่ำจำเป็นต้องหยุดพวกมันเอาไว้ก่อน

หลังจากที่ต่อสู่ไปจากท้องฟ้าที่สดใสกลับมีสายฝนปรากฏ ดังนั้นตัวเป่าฮู่กลับ

ดีใจจนเนื้อเต้น ด้วยตัวเป่าฮู่เป็นคนธาตุน้ำและบัดนี้สวรรค์ได้ประทานน้ำมาให้แก่

จอมยุทธผู้ฝึกปราณธาตุน้ำ  หรือมังกรมีปีกที่พร้อมทะยานขึ้นท้องฟ้าเลยหรือ

 

จากนั้นเป่าฮู่ก็คิดวิธีหนึ่งที่จะสามารถใช้ร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ได้ แต่ด้านของตู่หลู่หลังจากเห็นคนของตนตกตายไป ก็สั่งให้ส่งสัญญาณบอกแก่ผู้เป็นบิดา นำกองทหารออกมาต้าน หากแต่นั่นเป็นสิ่งที่ผิดเพราะเวลานี้เป่าฮู่ได้ใช้หนึ่งในวิชาที่มีความสำคัญและหากใช้ยามที่มีสายน้ำรอบล้อมกายด้วยก็เสมือนมังกรติดปีก และพร้อมแหวกว่ายในสายธรา

“ฮ่าๆๆๆ สวรรค์เมตาข้าเป่าอู่แล้ว และขอบใจพระองค์ที่ประทานสายฝนมาให้ข้าในยามนี้ (วิชาผนึกวารี)”

เมื่อการผนึกลมปราณและโคจรตามเคล็ดวิชาผนึกวารี การใช้น้ำสร้างอักขระที่จะผนึกเหล่าศัตรูให้เกิดการชะงักชั่วครู่ชั่วยาม แต่นั่นก็เพียงพอหากต้องสู้กับคนจำนวนมาก

 

เสียงที่เกิดขึ้น กระบีที่ตัดเข้าไปที่กลางลำตัว แม้ไม่ร้ายแรงมากนักยามปกติ แต่ยามที่ถูกผนึกไว้ก่อนย่อมสามารถเลือกโจมตีจุดสำคัญได้ และนั่นคือจุดเปลี่ยนของการต่อสู่ที่แท้จริง

“((((ผนึก)))) ((((ผนึก))))) (((ผนึก))))”

เสียงของการใช้เคล็ดวิชาออกมาและติดตามมาด้วยคมกระบี่ ทำให้สีหน้าของเหล่าทหารที่แสนภาคภูมิใจในตอนแรกไม่อาจที่จะยิ้มออกมาได้อีก

“คุณชาย คุณชายรีบถอยก่อน รีบถอยเข้าจวนท่านเจ้าเมือง เรา เราประมาทมันมากเกินไปที่นี่ให้ข้าคุ้มกันเองท่านรีบพาคนที่เหลือถอยเข้าไปก่อนเร็ว”

เสียงของอาวุโสใหญ่ของสำนักเจ้าเมือง ประจำเมืองซื่อตู่กล่าวออกมาด้วยระดับของตัวมันเองก็มีความสามารถอยู่ไม่น้อยด้วยระดับราชาลมปราณขั้นสูง

“เจ้าหนุ่มนับว่าพวกข้าประมาทเจ้ามากเกินไป แต่ว่า เวลาของเจ้า หมดลงแล้ว ตายไปซะ”

 

ด้วยคำกล่าวนี้เป่าฮู่ไม่แม้แต่จะสนใจ เป่าฮู่ทุ่มเทพลังในกายที่เหลือเข้าจัดการ และกดดันตาเฒ่าตรงหน้าอย่างไร้ความปราณี เวลาที่ไหลผ่าน สายตาทหารที่กำลังถอนกำลัง และถอยเข้าไปในกำแพงเมืองจวนเจ้าเมือง แต่รอบด้านชาวบ้านที่เริ่มเปิดบ้านเรือนออกมาดูการต่อสู้ของท่านอาวุโสใหญ่แห่งสำนักเจ้าเมืองกับจอมยุทธหนุ่มที่กล้าท้าทายคุณชายเต้าเหล่ยแห่งตระกูลเต้า

 

“สุดยอด! ดูนั่นท่ากระบี่นั่น พลิ้วไหว ดั่งมังกรวารีที่แหวกว่าย ปราณกระบี่ที่ปรากฏออกมา มัน มัน รวดเร็วและเฉียบคม น่ากลัว น่ากลัว เกินไปแล้ว ”

เสียงจากชายผู้หนึ่งที่หลบอยู่ในโรงเตี๊ยมใกล้ๆการต่อสู่ของเป่าอู่และอาวุโสตระกูลตู่

ส่วนเป่าฮู่หลังจากที่ได้ยืดเส้นยืดสายก็ถึงเวลาที่จะเอาจริงเสียที

 

การกระโดถอยออกมา 5 ก้าวจากจุดเดิม เป่าฮู่ก็กระชับกระบี่ในมือแน่นและมองไปทางตาเฒ่าชราด้านหน้า

“ท่านอาวุโส หมดเวลายืดเส้นของข้าแล้ว จากนี้ข้าจะเอาจริงแล้ว รับมือ”

เพียงคำกล่าวนั้นดังออกมา ทำให้สีหน้าของตาเฒ่าผู้นั้นเปลี่ยนสีไปจากเดิมมากนัก

อะไรกันคือเอาจริงแสดงว่าที่ผ่านมาคือการยืดเส้นยืดสายจริงหรือ

 

แต่เพียงเสี้ยวลมหายใจ ร่างที่เคยมองเห็นตรงหน้าห่างไปกว่า 10 ก้าว กลับมาปรากฏกายด้านหน้า ห่างไปไม่ไกลจากตัวของตู่สือ เกิน 3 ก้าว จึงทำให้ใบหน้าที่ภาคภูมิใจของ อาวุโสใหญ่ผู้นี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“บัดซบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

เป่าฮู่ที่ใช้ท่าเท้าท่องวารีกระบวนท่าสุดท้าย พลิกสมุทรจันทร์ส่อง การเคลื่อนกายในพริบตาและผลักดันตนเองเข้าประชันหน้ากับศัตรูอย่างจริงจัง เป็นท่ารุกที่จะใช้ผสานท่าโจมตีที่คนผู้นั้นมีอีกครั้งหนึ่ง กระบี่ในมือขวา ที่กระชับไว้แน่น แต่นั่นหาใช่กระบี่สังหารที่แท้จริง มือซ้ายกลับผนึกลมปราณสร้างกระบี่น้ำแข็งเล่มเล็กไว้หนึ่งเล่มเพื่อใช้ปิด ฉากการต่อสู้

 

การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วสายลมที่ปะทะใบหน้าที่ตอนนี้กำลังส่งยิ้มออกมา เพราะเป่าฮู่คิดว่า การกระทำของเต้าเหล่ยในครั้งนี้คือการขัดเกลาตัวของเป่าฮู่ได้เป็นอย่างดี

ภายในใจของเป่าฮู่กำลังกู่ร้องจนเสียงนั้นดังลั่นดั่งสวรรค์ถล่มฟ้าทลาย การโจมตีผสานที่เคยคิดว่าจะสามรถพลิกแพลงได้อย่างไม่ติดขัดและต่อเนื่องกันแบบนี้ ดังนั้นการต่อสู้ยิ่งสู้มากยิ่งรู้และสัมผัสกับประสบการณ์ตรงได้มากเช่นกัน

“รับมือตาเฒ่า”

เมื่อตู่สือได้เห็นก็ยกยิ้ม เพราะว่าเพียงกระบี่ที่เชื่องช้า แม้ตัวจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วแต่ประสบการณ์ในการออกอาวุธยังชักช้าอยู่นั่นเอง

“อ่อนหัด”

ขณะที่ตู่สื่อเอื้อมมือไปปัดป้องกระบี่ในมือของเป่าฮู่ไว้ได้ ใบหน้าของชายชราส่งยิ้มเยาะเย้ยออกมา แต่ท่าทีของเป่าฮู่กับแปลกไป ใต้รอยยิ้มที่ซ่อนไว้ เพราะเวลานี้กระบี่น้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นและแอบแฝงใต้เงาการโจมตีครั้งก่อนหน้าไว้จู่ๆก็พุ่งออกมาทะลุจุดตายของชายชรา

“ลาก่อนตาเฒ่า กระบี่ราชันไร้รูป กระบี่เดียวดาย พรึ๊บ! ฉวับ!”

เสียงของกระบี่ที่แทงเข้าไปในกายเนื้อและสร้างบาดแผลใหญ่และสลายไปด้วย หากแต่จะเหลือเพียงบาดแผลที่ถูกสร้างไว้อย่างแสนสาหัส ลมปราณที่กำลังทะลักออกมาจากร่างดั่งถุงหนังใส่น้ำกำลังรั่วออกมาอย่างไม่อาจห้ามหรือหยุดได้

แต่นั่นไม่ใช่ทุกกสิ่งที่เป่าฮู่สามารถทำได้ ภายใต้ความสามรถใช้ลมปราณที่ร้ายกาจนี้จะสรา้งผลกระทบที่เป็นพิษเย็นอันแฝงมากับปราณกระบี่ราชันไร้รูปทุกครั้งแม้ไม่มากแต่ก็นับว่าน่ากลัวหากมันใช้ถูกเวลา

หลังจากการฝึกฝนทักษะลมหายใจเทพ พละกำลังการควบคุมต่างๆของเป่าฮู่ล้วนดีขึ้น และยิ่งมากว่าเดิมก็คือความเข้มข้นของพลังปราณในร่างนั่นเอง……

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset