ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 37

ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังร่างของชายชรา ที่นั่งเหม่อมองร่างของบุตรสาวของตัวมันเอง สายตาที่มองด้วยความห่วงหาอาทรนั้นเป็นของจริง และแล้วเป่าฮู่ก็ได้ลุกขึ้นมาจากอาการอ่อนเพลียหลังจากผ่านไป 2 ชั่วยามได้

ในเวลายามเช้าของวันใหม่ เฒ่าชราก็เดินเข้ามาและกล่าวออกไปว่า

“คุณชายหลังจากนี้อาจมีกลุ่มคนบางกลุ่มเขามาพบข้าในสถานที่แห่งนี้ ข้าอยากให้คุณชายช่วยข้าปกปิดเรื่อง บุตรสาวข้าที่ป่วยและฐานะของท่าน จงบอกแก่คนเหล่านั้นว่าท่านคือศิษย์ของข้า เอ่อ…ชื่อ…..”

เพียงชายชราที่ครุ่นคิดนามของชายหนุ่มเป่าฮู่ก็ได้กล่าวออกไปว่า

“เรียกข้าว่าอาฮู่ก็ได้ ท่านอาวุโสจง”

ทั้งสองได้ตกลงกันจนเสร็จสับ เป่าฮู่ก็มานั่งที่ส่วนด้านในตามที่เฒ่าชรากล่าวบอกว่า หลังจากนี้ให้ชายหนุ่มนักฝึกพลังลมปราณจากด้านใน เพราะด้านในที่พักนี้ยังคงมีลมปราณหยินหนาแน่นทั้งที่มันเป็นตอนกลางวัน

 

เป่าฮู่ก็จัดการตามที่ชายชรากล่าว โดยด้านข้างมีร่างของบุตรสาวของเฒ่าหลางจงอยู่ห่างไปไม่ไกล

“นางผู้นี้คงพบชะตาเดียวกันกับ แม่นางเหมยฮวาผู้นั้น”

และไม่นานจากที่เป่าฮู่กำลังครุ่นคิด เสียงๆหนึ่งก็ดังออกมาจากห้วงมิติความคิดของเป่าฮู่

“เจ้าหนู จากกันไม่นานริอาจคบหาแม่สาวน้อยที่งดงามเพียงนี้เชียวรึ?”

 

เป่าฮู่รู้ดีว่าเสียงนั้นคือ เสียงของเทพเต่าอักขระ เจ้าเต่าเจ้าปัญหาตัวนั้น เป่าอู่ตกใจเพราะเจ้าเต่าบอกว่าจะไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง แต่กลับหวนกลับมาไวขนาดนี้

“ท่านกลับมาแล้ว?”

เต่าอักขระได้ฟังดังนั้นก็หวนคิดว่า สถานที่ที่ตนได้ก้าวไปนั้น ไม่อาจจะผ่านเข้าไปได้ง่ายดายขนาดนั้น แม้ในห้วงความทรงจำที่ได้จากเสี้ยวความทรงจำของบรรพชนของเป่าฮู่ก็ตาม

ด้วยเหตุนั้นทำให้เต่าอักขระหวนกลับมา และก็ได้พบว่าบัดนี้ชายหนุ่มผู้เป็นนายในพันธะสัญญาวิญญาณกลับพัฒนาระดับการฝึกยุทธ์ได้ดีกว่าเก่าก่อนมาก

แม้จะยังไม่บรรลุชนชั้นราชันลมปราณก็ตาม แต่บัดนี้ในส่วนลึกของโลกลมปราณ

แก่นแท้แห่งเหมันต์ กำลังตื่นขึ้นหลังจากที่เป่าฮู่ระเบิดพลังลมปราณออกมา และบัดนี้มันกำลังดูดซับพลังลมปราณจากรอบด้านเข้าไปเพื่อหล่อเลี้ยงมันให้สมบูรณ์

 

โดยหลายชั่วยามที่เป่าฮู่ได้ดูดซับลมปราณเข้าไป หากเป็นผู้ฝึกพลังลมปราณ

หยินคนอื่นคงบรรลุไปบ้างแล้วแต่นี่ 2 ถึง 3 ชั่วยามในสถานที่แห่งนี้ กลับไร้ค่าเป่าฮู่ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าบรรลุช่วงระดับชั้นเลย แม้จะแปลกใจแต่ก็ไม่ย่อท้อต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

 

“ท่านมาแล้วก็ดี นี่ข้ากำลังรอให้ได้มาซึ่งดอกราตรีกลืนวิญญาณ อีก 2 วันที่ข้าต้องอยู่ยังสถานที่แห่งนี้ ท่านคิดว่าข้าจะช่วยแม่นางคนนี้ได้หรือไม่ นางได้ถูกพิษชนิดเดียวกับแม่นางเหมยฮวาคนนั้น”

เมื่อเต่าอักขระได้ฟังสิ่งที่ชายหนุ่มได้กล่าว ตัวมันเองก็คิดถึงภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาและไม่ยากเกินที่จะจดจำได้ในห้วงความคิดของเต่าอักขระก็ปรากฏถ้อยคำกลุ่มหนึ่งออกมา

(น่ารังเกียจนักที่กล้าใช้พิษชนิดเดียวกัน ในห้วงเวลาแบบนี้หากมองผ่านร่างอันบอบบางนี้ นางผู้นี้ไม่อาจที่จะรอดได้แล้ว เพียงชายชราหลางจงเดินเข้ามา เพราะเหมือนได้ยินเสียงชายหนุ่มคุยกับใครสักคน เพียงโผล่เข้ามาก็พบว่าชายหนุ่มนั่งมองร่างของบุตรสาวของตนด้วยสายตาที่เศร้าโศก

“เจ้าไม่ต้องมองนางด้วยความเวทนาแบบนั้น สักวันข้าจะทำให้พวกสำนัก

เจ้าเมืองซื่อหม่าได้รับเคราะห์กรรมเอง”

 

จากนั้นเฒ่าชราก็กล่าวออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมากว่าร้อยปี

ถึงสิ่งที่เจ้าสำนักเจ้าเมืองซื่อหม่าทำ

“ฮึ! คิดไปก็น่าเสียดายที่แดนเหนือที่เคยเข้มแข็งในอดีตกลับถูกเหล่าสำนักเล็กๆปันใจออกห่างมาเข้ากับแดนศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าสำนักเจ้าเมืองซื่อหม่านี้ก็คือกลุ่มแกนนำในตอนนั้น อาจารย์ข้าเล่ามาให้ฟังว่าผู้นำทุกๆรุ่นของสำนักนี้จะเก็บงำความชั่วช้าเอาไว้”

 

เพียงเท่านี้เป่าฮู่ก็รู้สึกเลือดในกายเดือดพล่านขึ้นมาทันที เพราะนั่นคือความจริงที่อยู่เบื้องหลัง เพราะหากคิดๆดูต่อให้นิกายเสวียอู่ตกต่ำ แต่ก็คงไม่น่าจะรวดเร็วเพียงนี้ หากไม่มีใครเป็นตัวเชื่อมสำหรับคนภายในและคนภายนอก ดังนั้นตอนนี้เป้าหมายที่เป่าฮู่จะกระทำก็คือมุ่งหน้ากลับไปยังแดนเสวียนอู่ที่เคยละเลย และจัดการกำราบมันทุกสำนักหวาดกลัว และตอนนั้นก็ค่อยไปเยือนงานประลองชิงเจ้ายุทธ์ภพ

 

เมื่อมีเป้าหมายเส้นทางที่จะเดินไปนั้นย่อมต้องมาจากความแข็งแกร่งส่วนบุคคลก่อนอื่นใด ท่ามกลางบรรยากาศวังเวง แม้ในยามตอนกลางวัน ในหุบเขาซากศพนี้เป็นสถานที่อันต่ำช้าผู้ที่จะมาก็คือ กลุ่มคนที่ต้องการตัวนำยาธาตุหยินจากผู้เฒ่ามารฟ้าโอสถ ที่เก็บตัวศึกษาและสร้างยาธาตุหยินที่เป็นตัวช่วยในการฝึกได้เป็นอย่างดี

 

แต่หลังจากที่ท้องฟ้ายามเที่ยงวันมาเยือน เป่าฮู่ก็ได้รู้สึกว่าตนเองนั้นต้องการที่จะออกไปยืดเส้นยืดสายด้านนอกสักหน่อย จึงเดินไปยังสถานที่ของชายชราก่อนที่จะกล่าวถึงจุดประสงค์ที่ต้องการ

 

ก่อนที่หลางจงจะเห็นด้วยและไม่อยากขัดพรสวรรค์ของเด็กหนุ่มคนนี้ ในวัยที่กำลังเติบโต

เป่าฮู่ต้องการใช้เวลาว่างออกเสาะหาวงแหวนสีม่วงอีกหนึ่งวง เพื่อนำมาเป็นวงแหวนโจมตีวงสุดท้าย ในช่วงชั้นราชานี้

เพียงเฒ่าชราได้ฟังก็กล่าวออกไปว่า ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีสถานที่หนึ่งที่มีอสูรร้ายอาศัยอยู่ ที่นั่นคือถิ่นอาศัยของอสรพิษ นามเขาอสรพิษ ชายชรากล่าวว่าตัวสัตว์อสูรอัญเชิญของตัวหลางจงยังเป็นเพียงอสูรอสรพิษธรรมดา ก็ยังช่วยให้เฒ่าชราได้รับพลังที่น่าเหลือเชื่อได้ จากการเชื่อม

พันธะสัญญาวิญญาณต่อกัน

 

เป่าฮู่จึงตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยัง เขาอสรพิษที่อยู่ห่างออกไปทางเมืองซื่อหลาง ทางทิศ

ตะวันตกเฉียงใต้ แม้เวลานี้เหล่าพื้นที่ในแดนศักดิ์สิทธิจะไม่ปลอดภัยกับเป่าฮู่ แต่หลังจากที่เป่าฮู่ได้รับการช่วยเหลือจากเฒ่าหลางจง ก็พบว่าหน้ากากหนังมนุษย์ที่เฒ่าชรามีสามารถช่วยเป่าฮู่ได้เยอะกว่าที่คิด

 

แม้เฒ่าชราจะสงสัยว่าคนหนุ่มเช่นไรจะมีความต้องการปกปิดตัวตนมากขนาดนั้น หากไม่ถูกล่าก็คงไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าตนเองได้ครอบครองสิ่งใด

 

ตลอดเส้นทางที่ออกเดินทางมาเป่าฮู่พบเจอหลายสิ่งและหนึ่งในนั้นเป็นสมุนไพรที่เฒ่าชราแนะนำมาให้ฝากเก็บมาด้วยหากได้พบเจอ เพราะนั่นจะทำให้เป่าฮู่ได้ประโยชน์จากมันเป็นอย่างมาก เพราะมันคือ ต้นหญ้าสายลม ใบหญ้าสองใจทั้งสองมีประโยชน์ในการช่วยปรับสมดุลของเลือดลมและช่วยฟื้นฟูลมปราณที่เสียไป

เฒ่าชรากำลังคิดปรุงยาเพื่อตอบแทนเด็กหนุ่มผู้นี้ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดใช้ตัวยานี้ดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มให้มาเป็นศิษย์อย่างแท้จริง ด้วยเวลาที่ผ่านมาเฒ่าชราได้ลอบสังเกตนิสัยและนอนคิดมาทั้งคืนแล้วนั่นเอง

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset