ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 56

งานชุมนุมใหญ่ขนาดนี้ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่สำนักต่างๆจะไม่ส่งสายลับเข้ามา

และยิ่งไปกว่านั้น ผาเคียงตะวันแม้ชัยภูมิจะบุกขึ้นได้อย่างยากเย็น

แต่กลับโอบล้อมจากตีนเขาง่ายพอสมควรเพียงรอเวลาให้สายด้านบนขุนเขาส่งสารลงมาว่า พวกมันคิดการไม่ซื่อก็เท่านั้น

เจ้าเมืองซื่อหู่อันเป็นตระกูลใหญ่ลำดับที่สามได้ขอกำลังไปยังเมืองต่างๆที่เห็นด้วยในการกำจัดภัยร้ายนี้ แต่กลับถูกองข้ามจากกลุ่มคนที่เห็นแก่ตัวไม่อยากเสียกำลังคนของตน ดังนั้นเจ้าเมืองจึงให้ลูกน้องของตนเองไปสืบด้านในและส่งคนของสำนักเจ้าเมืองซื่อหู่ล้อมทางขึ้นไว้เท่านั้น

 

แต่หลังจากที่เป่าฮู่ได้นั่งมองการสักการะสิ่งที่พวกพรรคใต้หล้านับถือ ก็ได้เหลือบไปเห็นกลุ่มคนแปลกหน้าที่มาถึงทีหลังสุดดูท่าทางเหมือนจะมาร้าย แค่เป่าฮู่ก็ไม่ได้สนใจเพราะคนเหล่านี้มีระดับเพียงราชาลมปราณและปราชญ์ลมปราณซะส่วนมาก

หลังจากที่กลางแท่นหินใหญ่ ได้มีพิธีการเสร็จสิ้น กลับมีชายชราที่เดินออกมาจากศาลาด้านหลังแท่นพิธี ชายชราผมขาวรุงรังนั้นก็คือ หยุนเต๋อ ชายผู้เป็นคนก่อตั้งพรรคใต้หล้าแห่งนี้ และกล้าหาญพอจะประกาศให้แดนศักดิ์สิทธิ์ได้รู้ว่า ตนเองพร้อมจะไปเยือนงานคัดเลือกจ้าวยุทธ์ในอีกปีครึ่งนั้นแล้ว

 

“เหล่าลูกหลานเอ๋ย วันนี้พรรคเรามารวมกันนับว่าเป็นโอกาสดี และโอกาสแบบนี้ไม่มีบ่อยมากนัก ข้าหยุนเต๋อรอวันนี้มากว่า 50 ปี วันที่ก่อตั้งพรรคที่ต่ำต้อยนี้จนได้ดั่งทุกวันนี้”

 

หลังจากที่ชายราผมขาวกล่าวบทความต่อไปนั้น เหล่าสมาชิกมากมายต่างแสดงความแค้นที่อัดอั้นออกมา ด้วยทุกคนล้วนถูกกดขี่มานานปีจากชนชั้นสูงที่ปกครองโดยตระกูลใหญ่จากแดนศักดิ์สิทธิ์

คนแดนเหนือจริงๆกลับตกต่ำยิ่งกว่าสุนัขและไม่มีค่า จนในที่สุดวันที่

ความอัดอั้นมาถึงที่สุดมีคนหยิบยื่นแซ่อันทรงคุณค่า และมอบวิชาและอนาคตที่สดใสให้ นั่นทำให้พวกคนแซ่หยุนทุกคนซาบซึ้งในน้ำใจของชายชราคนนี้

จู่ๆเสียงที่เหล่าสมาชิกทั้งหลายพร้อมใจปลดปล่อยมันออกมาคือการขับไล่พวกคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ออกไปจาก เขตแดนทางเหนือและเริ่มจากเมืองซื่อหู่ทำให้กลุ่มคนที่แฝงตัวมาทราบแน่ชัดถึงสิ่งที่กลุ่มขอทานทั้งหลายได้ทำลงไป

 

เมื่อกลุ่มคนทั้งหลายเริ่มมีจิตใจที่ฮึกเหิม เป่าฮู่ก็รู้สึกดีใจไปด้วยเพราะว่าแดนเหนือจะได้กลับมาปกครองด้วยคนแดนเหนือจริงๆ แต่เพียงเสียงที่ลุกฮือของกลุ่มขอทาน เหล่าผู้คนที่แฝงตัวมาก็เริ่มเคลื่อนไหว

เสียงซุบซิบจากด้านหลังของฝูงชน ด้วยการรีบเร่งไปส่งข่าวสารแก่คนของพวกมัน

ที่ด้านล่างภูเขา การเคลื่อนไหวเหล่านั้นถูกชายชรานามหยุนเต๋อมองออกหมดแล้ว หยุนเต๋อได้มองเพียงชั่วพริบตาก็ได้สั่งการออกไปทันที

“สมาชิกทั้งหลายได้เวลาเริ่มแผนการของเราแล้วจงแบ่งกลุ่มของพวกเจ้าเป็น 9 กลุ่มตามสาขาของพวกเจ้า และเดินลงไปยังทางลับทั้ง 9 ของผาเคียงตะวัน ส่วนแขกที่มาเยือนคงต้องขอให้ทุกท่านอยู่ที่นี่ชั่วคราวก่อน”

 

การระเบิดลมปราณระดับสูงออกไปเพียงชั่วพริบตา ก็ทำให้เสาหินที่ปรากฏตั้งตระหง่านแต่คราแรกเปล่งประกายแสงเจิดจ้าออกมา เพราะมันคืออักขระที่ทรงพลังมีไว้สำหรับสร้างค่ายกลกักขังพวกที่เป็นหนอนในฝูงชน

 

เมื่อเหล่าขอทานทั้ง 9 สายแบ่งออกไปอย่างชัดเจนและเดินตามทางเดินไป ลานกว้างที่จะคนนับ1000 คนก็เริ่มมีความบางตาของฝูงชนมากยิ่งขึ้นจนในที่สุดเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม

คนทั้งหมด1000 กว่าคนก็ไม่มีใครที่เป็นคนของพรรคใต้หล้ายืนอยู่บนลานหินอีก ที่น่าแปลกใจก็เพราะคนที่พยายามจะแฝงตัวไปในเส้นทางทั้ง 9 ถูกค่ายกลอักขระที่พิศดารผลักออกมาจากเส้นทางเหล่านั้น แม้สายลับที่แฝงตัวมานานปีก็ยังไม่อาจผ่านเข้าไปได้

 

นั่นทำให้เป่าฮู่ที่ยังคงดื่มสุราอยู่อย่างสุขใจเคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งที่เห็นและหัวเราะออกมา

อย่างร่าเริง จนคนของพรรคใต้หล้าเกิดความสนใจว่าชายหนุ่มผู้นั้นเป็นใคร และมาอย่างมิตรหรือศัตรู จนในที่สุดหยุนเต๋อให้หลานชายสุดรักเดินไปพบพร้อมกล่าวบางอย่างออกมา

 

“หลานข้า ฟงเออร์ จงไปเชิญคุณชายท่านนั้นมาร่วมดื่มชากับเราหน่อย เพราะดูแล้วเขาน่าจะมาอย่างมิตร หาใช่ศัตรู”

แต่หยุนฟงกับสงสัยว่าชายคนนี้มาเพียงเพราะต้องการอะไร และไม่ไว้ใจให้เข้าใกล้ปู่ของตน

“ท่านปู่ข้าไม่..”

เพียงหลานชายจะกล่าวและแสดงความหวาดระแวงมากเกินไป หยุนเต๋อก็กล่าวออกมาว่า

“หลานเอ๋ย หลานรัก เจ้ายังไร้เดียงสา พ่อหนุ่มคนนั้น คือยอดคนงำประกายที่ข้าเชิญเขามาเพียงต้องการตรวจสอบบางอย่าง ว่าทำไมต้องทำเช่นนั้นต่อหน้าเราหยุนเต๋อผู้นี้และยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็มีความน่ากลัวที่ศิษย์พรรคเราไม่ควรไปยุ่งด้วย ข้าเองก็สนใจหนุ่มคนนี้”

 

การที่เหตุการณ์ต่างๆเริ่มเคลื่อนไหวไปตามแผนการที่หยุนเต๋อใช้เวลา 50 ปีวางแผนมา เรือเหาะนาวาปราณที่พรรคใต้หล้ามีได้ออกไปยังหัวเมืองต่างๆทั้ง 9 เมือง เพื่อกวาดล้างสำนักเจ้าเมืองที่ไม่ยอมเห็นด้วยหรือเป็นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์

เพราะหลายปีที่ผ่านมามีหลายเมืองที่เริ่มทนต่อการกดขี่มานานหลายสิบปีไมไหว และหลายเมืองที่เริ่มปันใจออกห่าง หากจะมีเมืองหลักๆที่ยังเลือกภักดีต่อตระกูลใหญ่ต่างๆและนิกายใหญ่ทั้งสองของแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เห็นจะมีเพียง สำนักซื่อหม่า สำนักซื่อลู่ และสำนักซื่อหู่

สามสำนักใหญ่นี้เท่านั้น

 

ณ ลานหินของพรรคใต้หล้า

หลังจากที่หยุนฟงนำกลุ่มคนเดินฝ่าเหล่าสมาชิกของสำนักต่างๆที่แฝงตัวมาและยิ้มให้อย่างเย้ยหยัน ด้วยแผนของพวกมันไม่อาจสำเร็จเพราะท่านปู่ของมันมีผู้ใช้อักขระขั้นสูงมาร่วมด้วยนั่นเอง หยุนฟงเดินมาหยุดตรงโขดหินที่เป่าฮู่นั่ง ทั้งสองจ้องมองในดวงตากันทำให้เป่าฮู่รู้สึกสนใจในตัวชายหนุ่มเลือดร้อนคนนี้

“ฮ่าๆๆๆ คุณชายเดินมาตั้งไกลเพื่อสิ่งใด?”

เป่าฮู่ถามออกไปอย่างยิ้มแย้ม ด้านหยุนฟงแม้สงสัยแต่คำสั่งคือคำสั่งจึงก้มศีรษะคาราวะพร้อมกล่าวในสิ่งที่ปู่ของตนบอกมา

“เชิญคุณชายที่ศาลาดับตะวัน ท่านปู่ข้ารอท่านอยู่”

คำกล่าวนี้ทำให้เป่าฮู่ที่คาดการณ์ไว้หลังส่งเสียงดึงความสนใจออกไปและแกล้งปลดปล่อยลมปราณออกไปชั่วขณะหนึ่ง เพื่อต้องการพบคนที่เป็นผู้นำของพรรคใต้หล้า

แม้มันจะเสี่ยงแต่หากผู้มิตรได้ก็นับว่าคุ้ม และอีกอย่างลมปราณที่หยุนต๋าและหยุนฟ้านใช้ล้วนมีที่มาคล้ายกับลมปราณวารีพิทักษ์มากนัก

 

“ได้ขอรับ ข้าน้อยขอรับเกียรติในครั้งนี้”

หลังจากทีเดินทางตามหยุนฟงมา เบื้องหน้ามีชายชราผมขาวโพนนั่งรออยู่อย่างสุขุมและมอตามการเคลื่อนย้ายร่างของชายหนุ่ม และเพียง 10 ก้าวก่อนที่จะถึงศาลาหยุนเต๋อ ได้เพิ่มแรงกดดันเฉพาะมาทางเป่าฮู่จนเป่าฮู่ต้องหยุดชะงัก

สร้างความตกใจแก่หยุนฟงที่เดินนำทางมาอย่างมาก แต่เพียงเห็นแววตาของชายหนุ่มที่มองไปยังท่านปู่ของมัน ก็ยิ่งทำให้มันคิดว่าท่านปู่คงสนใจในตัวชายหนุ่มคนนี้จริงๆ

เพียงไม่นานเป่าฮู่กลับกล่าวออกมาอย่าง ฝืนทน แม้รู้ว่านี่คือการทดสอบและพิสูจน์สิ่งที่ชายชราสงสัยในตัวผู้มาเยือน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะสงสัยแต่ไม่ใช่ว่าจะเสียมารยาทเช่นนี้ได้ทุกครั้งไป

เป่าฮู่จึงไม่ได้แสดงอาการที่รู้สึกออกมา หากแต่เริ่มปรับลมปราณในร่างเพื่อให้ไหลเวียนไปอย่างสมดุลเคล็ดวิชาลมปราณเทพเต่าดำที่เริ่มก่อตัวสร้างปราณห่อหุ้มตัวของชายหนุ่ม

ด้วยความบางใสนั้นไม่ได้มองเห็นด้วยตาเปล่า จึงทำให้เป่าฮู่ก้าวเดินต่อไปหลังจากที่ใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาลมปราณเทพที่เป็นของผู้นำนิกายเสวียนอู่สืบทอดกันมาเท่านั้น

ชายชราได้เห็นใบหน้าที่กลับมายิ้มอีกครั้งของชายหนุ่ม ก็ทำให้รู้อะไรบางอย่างว่าเด็กที่น่าสนใจคนนี้มีอะไรดีๆอยู่นั่นเอง และจากนั้นชายชราก็ถอนลมปราณที่กดดันเป่าฮู่กลับมา

สร้างความตกใจแก่เป่าฮู่เช่นกัน ในใจก็คิดว่าผู้เฒ่าคนนี้คงไม่ได้รู้ถึงการมีอยู่ของ

ลมปราณเทพเต่าดำหรอกนะ

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset