ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 9

ด้วยความสามารถพิเศษของเต่าอักขระได้แสดงออกมาให้เป่าฮู่ได้ดูในครั้งนี้ ช่วยประหยัดเวลาที่เป่าฮู่จะต้องทำความเข้าใจเคล็ดวิชาลงไปได้มาก

บัดนี้ชายหนุ่มผู้ที่ใช้พื้นที่ว่างบนยอดเขาแห่งหนึ่งนอกเขตตัวเมืองหู่ เพื่อฝึกปรือวิชาและทำความเข้าใจสำหรับชุดวิชาที่ได้มาทั้งสองอย่างนั้น

การที่ได้เต่าอักขระช่วยเรียบเรียง เคล็ดวิชาให้นั่นย่อมทำให้ประหยัดเวลาแต่ ก็ยังต้องมีการทบทวนหรือฝึกให้ร่างกายจดจำท่วงท่าและพลังที่สามารถรีดเร้นออกมาได้

“หมัดอัดกระแทก”

เป็นวิชาที่ใช้พลังปราณในร่างกายควบแน่นมาที่หมัดพร้อมปลดปล่อยออกไป สร้างแรงอัดต่ออากาศเบื้องหน้า เมื่อกระบวนท่าอัดกระแทกใจ เป็นหนึ่งใน 3 ขั้นย่อยของชุดหมัด อัดกระแทกเคล็ดวิชาระดับปราชญ์ ที่ได้มาจากกล่องปริศนา และตอนนี้เป่าฮู่เองก็ฝึกวิชาหมัดอัดกระแทกมา ก็ 3 ชั่วยามแล้ว ด้วยเวลาและและความอ่อนล้าคงต้องพอแค่นี้ก่อน

แต่เมื่อฝึกก็ต้องหิว เป่าฮู่ได้เรียกเต่าอักขระออกมาก่อนที่จะนำร่างของ เสือดาวเวหา ออกมาชำแหละเอาเนื้อไว้ ตลอดเวลาที่เป่าฮู่ได้ใช้ไม้เสียบเนื้อย่างไฟที่จุดขึ้นมาสำหรับย่างเอาไว้ ก็ได้สั่งให้เต่าอักขระช่วยดูเนื้อแทน

แต่จากขนาดตัว เจ้าเต่าอักขระก็ทำได้เพียงแค้ใช้ปลายเล็บเขี่ยที่ท่อนฟืนไปก็เท่านั้น เมื่อเป่าฮู่จัดการนำเนื้อส่วนที่กินได้ออกมาจากซากของเสือดาวเวหา เสร็จสิ้น กลิ่นเลือดที่คละคลุ้งก็ลอยออกไปไกลพอสมควร

เจ้าถิ่นที่ปกครองภูเขาลูกนี้ ล้วนเป็นสัตว์อสูรระดับสูงแต่ก็ไม่อาจเข้ามาใกล้ได้ เพราะเวลานี้เจ้าเต่าอักขระ ผู้มีระดับอายุกว่า 1000 ปีกำลังกัดแทะกินเนื้อของสัตว์อสูรตนอื่นอย่างสุขสบาย

“นี่เจ้าหนู ใครจะไปคิดว่าการที่เอาเนื้อมาเผาบนเตาไฟ จะทำให้มันชูรสชาติขึ้นมาได้อีกเยอะกว่าเดิมหลายเท่า ดูน้ำมันในเนื้อนี่สิ ว่าแต่กลิ่นที่ข้ารับรู้ได้มันคืออะไร ผงอะไรที่เจ้าขยี้ลงไปที่เนื้อชิ้นนั้นไหน ไหนเอามาชิมหน่อยสิ?”

 

บัดนี้เจ้าเต่าจอมตระกละได้ทำการเขมือบเนื้อย่าง จากเสือดาวเวหาไปมากมายนัก จนการยางเนื้อตอลดคืนผ่านพ้นไป ทั้งสองก็แยกย้ายกันหลังจากที่พากันกินจนอิ่มหนำ

เป่าฮู่หลังจากที่ได้ใช้เวลาทั้งวันฝึกทักษะวิชาและย่างเนื้อกินจนเต็มคราบ พอว่างเว้นก็เริ่ม ฝึกฝนโคจรพลังลมปราณต่อไป

ความรู้สึกร้อนที่ได้สัมผัสขณะที่ชักนำลมปราณผ่านจุดชีพจรต่างๆทำให้เป่าฮู่รับรู้ว่า ตนเองยังต้องหาประสบการณ์อีกมากนัก และยังต้องหาโอสถดีๆมาเสริมอีกมาก

เมื่อคิดได้เช่นนั้นตัวเป่าฮู่ก็พร้อมที่จะออกจาก เมืองซื่อหู่ เพราะเวลานี้ เมืองซื่อหู่นั้น เป่าฮู่พักผ่อนมาเพียงพอแล้ว

หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ออกเดินทางไปยังเมืองใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นเมืองซื่อเอ๋อ ทุกเมืองที่เป่าฮู่ไปก็มักจะมีเรื่องให้ปวดหัว เหล่าผู้คนที่ใช้ชีวิตในเมืองเหล่านั้นก็มีวิถีทางที่ต่างกันออกไป

จนวันหนึ่งขณะที่ชายหนุ่มเดินทางผ่านเมืองซื่อเอ๋อ อันเป็นเมืองหน้าด่านของเขตปกครองของแดนศักดิ์สิทธิ์ ในแดนเสวียนอู่ที่เป็นเมืองขึ้น จนย่างกายเข้ามาในเขตปกครองอิสระอีกหนึ่งแห่ง อันก็คือ เขตปกครองเสือขาว หรือดินแดนไป๋หู่

ดินแดนของสัตว์เทพเสือขาวที่ยิ่งใหญ่ ข่าวว่าในเขตปกครองเสือขาว เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มักชื่นชอบการประลองฝีมือ เพื่อที่จะดำรงวิถีแห่งนักรบให้คงอยู่ กฎมีอยู่นั้นง่ายมาก ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่กำหนดทุกสิ่ง

 

เมื่อเรื่องดำเนินมาเป็นแบบนี้ เป่าฮู่ชายหนุ่มในสภาพผอมแห้งหลังจากเดินทางรอนแรม ฝึกฝนตนเองในป่าเขามาตลอดอยางหนักหน่วง ก็ได้ใช้เวลากว่า 1 เดือนในการเดินทางมาถึงเขตปกครองของตระกูลหง เจ้าเมืองระดับ 3 ของเขตปกครองเสือขวา

“อ้าว! เร่เข้ามา เร่เข้ามา สินค้าดีๆจากนครศักดิ์สิทธิ์ มีขายที่นี่

ด้วยเสียงที่ดังสนั่นในเขตการค้าของ เมืองตระกูลหง เมืองอันดับ 3 ของเขตปกครองเสือขาว เป่าฮู่ชายหนุ่มที่มาในคราบจอมยุทธ์พเนจร สวมใส่หมวกไม้ไผ่เก่าๆ เดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมที่มากด้วยเหล่าชาวยุทธ์

“รับอะไรดีคุณชาย?”

สิ่งที่ได้ฟังจากเสี่ยวเอ้อ ชายร่างผอมที่ดูไร้เรี่ยวแรงกำลังทรุดกายลงที่โต๊ะและมองดูเหล่าชาวยุทธ์ที่กำลังมารวมตัวกันเสมือนว่าจะมีอะไรที่สนุกเกิดขึ้น

หลังจากเสี่ยวเอ้อเดินมาส่งอาหารตามที่เป่าฮู่สั่ง โอกาสนั้นเป่าฮู่ก็ได้แอบสอบถามในสิ่งที่ต้องการ

“เอ่อ…ว่าแต่พี่ชาย ข้าต้องการห้องพัก และ เอ่อ ขอถามอย่างหนึ่ง พวกเขาเหล่านี้มารวมตัวกันเพื่อสิ่งใด?”

คำถามจากเป่าฮู่ทำให้เสี่ยวเอ้อต้องตกใจ เพราะจะมีใครหน้าโง่ถามออกมาได้ว่า

เมืองตระกูลหงครั้งนี้ มีการประลองเลือกคู่ โดยจวนท่านเจ้าเมืองมีประสงค์ที่จะให้บุตรสาวคนเดียวแต่งออกเรือนไป แต่ว่า ท่ามกลางเหล่าผู้ที่มาร่วมการประลอง จะมีสิทธิ์เข้าสุสานบรรพชนของตระกูลหงด้วย

หลังจากได้ฟัง เป่าฮู่ก็ตกใจ การประลองให้เหล่าชาวยุทธ์เข้าเป็นเขยและยังมอบโอกาสให้เหล่าชาวยุทธ์สามารถเข้าไปในสุสานบรรพชน คนตระกูลหงไม่โง่ก็บ้า

เพียงเสี่ยวเอ้อได้เห็นแววตาของ ชายหนุ่ม ก็ได้ยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า

“นั่นไงคุณชาย ท่านก็เป็นอีกคนที่กำลังดูถูกความคิดของเจ้าเมือง นามหงซวนผู้นี้ แต่ท่านคงไม่รู้ว่า สถานที่แห่งนั้น น่าจะเป็นทางเข้าเขตแดนของสัตว์อสูรโบราณพยัคฆ์ขาว เห็นว่ากันว่าสืบเชื้อสายมาจากเทพเสือขาวไป๋หู่ หากได้มาครอบครองทั้งยอดอสูรและหญิงงาม ใครที่ไหนจะไม่สน”

เมื่อเป่าฮู่ได้ฟัง ก็ทำให้ตัวของเป่าฮู่คิดว่า หากได้ยืดเส้นยืดสายคงดีไม่น้อย และในดินแดนเสือขาวนี้ก็มีเหล่ายอดยุทธ์มากมาย การฝึกฝนที่ดีคือการต่อสู้จริง วันนี้อาจได้โอกาสทดสอบวิชาทั้งสองแล้ว

แต่การที่เป่าฮู่เลือกเดินทางมายังทิศตะวันตก จากเมืองเขตปกครองเสวียนอู่นั่น ก็เพราะต้องการหาข่าวว่า ในยุคหนึ่งพันปีก่อน ดินแดนไป๋หู่ทำไมไม่ถูกดินแดนศักดิ์สิทธิ์เข้ายึดครอง และทำไมดินแดนนี้ไม่ส่งคนไปช่วย ทั้งที่ 4 ดินแดนให้คำมั่นสัญญาเลือดกันไว้แล้ว

 

เมื่อ 4 นิกายหลักของทั้ง 4 เขตปกครองได้ให้สัญญาร่วมกัน ว่าจะช่วยกันค้ำจุนดินแดนแห่งนี้ไว้ แต่เพียงการปรากฏตัวของดินแดนที่ทรงพลังอำนาจในเวลานั้นเช่นดินแดนศักดิ์สิทธิ์กลับไม่มีนิกายใดยื่นมือเข้าช่วยนิกายเสวียนอู่ ประหนึ่งนิกายเสวียนอู่ถูกทอดทิ้ง

วันนี้เป่าฮู่ได้มาเยือนดินแดนเสือขาว ก็อยากจะรู้ว่าใครเป็นผู้สืบทอด ลมปราณสัตว์เทพของเขตปกครองนี้ และตัวเป่าฮู่ก็ชอบท้าทาย ยอดฝีมือด้วยเช่นกัน

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset