ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน – ตอนที่ 1154 ขอเพียงแค่คุณแต่งงานกับฉัน(2)

เย่ซือเฉินนั้นฉลาดเฉียบแหลมมากในวงการค้า และมีความเด็ดขาด คนโง่ๆอย่างเฉิงโหรวโหรวคิดจะตบตาเย่ซือเฉิน เป็นพวกปัญญาอ่อนที่ช่างเพ้อฝันเสียจริงๆ!!

เขาไม่ควรรับปากไป๋หยิงว่าจะมากับเฉิงโหรวโหรวเลย แผนการของไป๋หยิงไม่มีปัญหาอะไร แต่เฉิงโหรวโหรวโง่เกินไป อยู่ต่อหน้าคนทั่วๆไปเฉิงโหรวโหรวก็เก็บอาการเอาไว้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคืออยู่ต่อหน้าเย่ซือเฉิน!!

“ผมไม่สนใจ ถ้าหากพวกคุณทั้งสองไม่มีธุระเรื่องอื่นแล้ว เชิญกลับไปเถอะครับ” ที่เย่ซือเฉินมานั้นก็เป็นเพราะว่าอยากจะรู้จุดประสงค์ขององค์กรโกสต์ซิตี้เพียงเท่านั้น สำหรับอำนาจขององค์กร เขาไม่ได้รู้สึกสนใจเลยจริงๆ

สิ่งที่เขาต้องการ เขาจะพยายามด้วยตัวเอง สู้ด้วยตัวเอง เขาไม่เคยนึกถึงสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองพวกนั้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว

เจิ้งฉงได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉินแล้ว ก็แอบถอนหายใจออกมา ผลลัพธ์แบบนี้เขาเองก็คาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจ

“เย่ซือเฉิน ฉันไม่ได้พูดเล่นกับคุณนะ ฉันจริงจังมาก อีกทั้ง ฉันเองก็จริงใจและบริสุทธิ์ใจด้วย” แต่เฉิงโหรวโหรวยังคงไม่ยอมง่ายๆ เดิมทีเธอวางแผนที่จะยั่วยวนเย่ซือเฉินมาให้ได้ หลังจากนั้นก็ค่อยสะบัดเย่ซือเฉินทิ้งไป แต่ตอนนี้เธอชอบเย่ซือเฉินแล้ว

เธอได้ตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจะแต่งงานกับเย่ซือเฉิน เธอจริงจัง และตั้งใจมากๆ ดังนั้น เย่ซือเฉินก็ไม่ควรจะปฏิเสธเธอ

เจิ้งฉงได้ยินคำพูดของเฉิงโหรวโหรวแล้ว ก็ตกตะลึงไปอย่างเห็นได้ชัด เขาเข้าใจเฉิงโหรวโหรว ผู้หญิงโง่ๆคนนี้ไม่ได้มีสมองอะไรนัก ไม่สนใจที่จะปกปิด ดังนั้นเขาถึงได้มองออกว่าคำพูดนี้ของเฉิงโหรวโหรวนั้นจริงจัง

เจิ้งฉงรู้สึกงงงวยอยู่บ้าง เดิมทีแผนของพวกเขานั้นไม่ใช่แบบนี้

ไม่ใช่ว่าเฉิงโหรวโหรวเป็นคนพูดเองว่าจะยั่วยวนเย่ซือเฉินให้มาอยู่ในกำมือก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยสะบัดเขาทิ้งไปไม่ใช่หรือ?

เพราะฉะนั้น ตั้งแต่แรกเขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อถือนัก เพียงแต่คำพูดที่น่าสนใจแต่ใช้การไม่ได้ของไป๋หยิง สุดท้ายเขาถึงได้รับปากว่าจะมากับเฉิงโหรวโหรว

แต่ความจริงแล้วเจิ้งฉงไม่ได้คาดหวังเอาไว้มากนัก เนื่องจากเขารู้ว่าเย่ซือเฉินไม่ได้จะตบตาได้ง่ายขนาดนั้น

แต่ตอนนี้ดูแล้วเฉิงโหรวโหรวจะเปลี่ยนความคิดไปแล้ว อยากจะทำให้เป็นจริงขึ้นมาแล้วอย่างนั้นหรือ?

เจิ้งฉงเห็นท่าทางใบหน้าที่ดูหลงใหลมองไปยังเย่ซือเฉินแล้ว ก็เข้าใจขึ้นมาในทันที ดูแล้วเฉิงโหรวโหรวหลังจากที่ได้เห็นเย่ซือเฉินแล้วก็หลงเขาเข้า ดังนั้นจึงอยากจะแต่งงานกับเย่ซือเฉินจริงๆ

ในใจของเจิ้งฉงนั้นแอบเยาะเย้ย ผู้หญิงคนนี้นี่บ้าผู้ชายจริงๆ

แต่ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ ความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จได้นั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก

ถึงอย่างไรตอนนี้เฉิงโหรวโหรวก็เป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ เพียงแค่เฉิงโหรวโหรวอยากที่จะแต่งงาน เชื่อว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะปฏิเสธเธอ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีความสามารถและมีความทะเยอะทะยานแบบนั้น

และเย่ซือเฉินก็เป็นผู้ชายที่มีความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วก็มีความทะเยอทะยานมากที่สุดด้วยเช่นกัน

ไม่ว่าตอนนี้เฉิงโหรวโหรวจะมีตำแหน่งอยู่ที่องค์กรโกสต์ซิตี้หรือไม่นั้น เพียงแค่เย่ซือเฉินแต่งงานกับเฉิงโหรวโหรว เช่นนั้นแล้วเย่ซือเฉินก็มีสิทธิที่จะแย่งองค์กรโกสต์ซิตี้มาได้อย่างถูกต้อง ถ้าหากเย่ซือเฉินฉลาด จะต้องสามารถเข้าใจตรงจุดนี้อย่างแน่นอน

และความสามารถอย่างเย่ซือเฉิน ถึงแม้จะไม่สามารถแย่งทั้งองค์กรได้ แย่งมาได้ซักส่วนหนึ่งก็ไม่มีปัญหา แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆขององค์กร ก็ล้วนแต่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนธรรมดาไม่สามารถจะจินตนาการได้เสียอีก

การยั่วยวนดึงดูดเช่นนี้ไม่มีใครปฏิเสธได้อยู่แล้ว

เย่ซือเฉินเป็นคนที่มีความสามารถ เป็นฉลาดที่มีความทะเยอทะยาน จะต้องรู้ว่าเลือกอย่างไรถึงจะเป็นประโยชน์ต่อเขามากที่สุด

ถ้าหากทำได้เขาเองก็อยากจะแต่งงานกับเฉิงโหรวโหรวเช่นกัน ถึงแม้เฉิงโหรวโหรวจะโง่ จะเซ่อก็ตาม เพียงแค่สถานะของเธอก็เพียงพอแล้ว อีกทั้งเฉิงโหรวโหรวที่โง่ๆแบบนี้ก็ยิ่งจะสามารถควบคุมได้ กลับเป็นเรื่องที่ดีเสียด้วยซ้ำไป

เพียงแต่น่าเสียดายที่เขาอายุมากแล้ว ไม่เหมาะสมเท่าไรนัก เขาก็ไม่กล้าที่จะมีความคิดแบบนั้นด้วยเช่นกัน

“ประธานเย่ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเรานั่งคุยกันดีๆดีกว่าไหม” ในใจของเจิ้งฉงครุ่นคิด แล้วรีบตัดสินใจ ถ้าหากเรื่องนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ รอให้เย่ซือเฉินแย่งชิงองค์กรโกสต์ซิตี้ เขาก็จะได้เป็นบุคคลที่ได้สร้างคุณูปการให้แก่ประเทศชาติคนแรก ถึงตอนนั้นตำแหน่งของเขาก็จะสูงกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน

แบบนี้แข็งแกร่งกว่าคอยติดตามคนโง่ๆอย่างเฉิงโหรวโหรวได้มากอยู่แล้ว

เย่ซือเฉินมองไปยังเจิ้งฉง ใบหน้ายังคงมองไม่ออกถึงความรู้สึกใดๆเช่นเดิม : “ผมไม่รู้สึกว่าเรามีอะไรให้ต้องคุยกันนะ”

“ประธานเย่เป็นคนฉลาด คุณเองก็คงจะรู้ว่าอำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้แข็งแกร่งขนาดไหน ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ส่วนนึงขององค์กร ต่อให้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้คนตกตะลึงได้แล้ว ประธานเย่เป็นคนมีความสามารถ ถึงตอนนั้นแย่งชิงอำนาจส่วนนึงขององค์กรมาได้สบายมากเลย” เจิ้งฉงเป็นผู้รับผิดชอบของส่วนเมืองAมาในช่วงสองสามปีนี้ ถึงอย่างไรก็เคยเห็นสถานการณ์ต่างๆมามากมาย ก็เข้าใจที่จะใช้เทคนิคในการเจรจาด้วยเช่นกัน

เย่ซือเฉินไม่ได้รู้สึกสนใจในองค์กรโกสต์ซิตี้นี้จริงๆ คำพูดของเฉิงโหรวโหรวเมื่อครู่นี้นั้นเขามองเพียงว่าเป็นเรื่องตลก แต่ตอนนี้เจิ้งฉงมาเน้นอีกครั้งแล้ว ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมาบ้าง เพราะถึงอย่างไรเจิ้งฉงไม่ใช่เฉิงโหรวโหรว ไม่ได้ไร้เดียงสาและโง่เขลาเหมือนเฉิงโหรวโหรว

ในเมื่อเวลานี้เจิ้งฉงเน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง จะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน ถึงแม้เย่ซือเฉินไม่ได้รู้สึกสนใจทุกอย่างขององค์กรโกสต์ซิตี้ แต่เขาจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องราวขององค์กรนี้บ้าง

“ผมไม่ค่อยเข้าใจ ว่าผมมีสิทธิ์อะไรที่จะไปแย่งชิงอำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้ได้?” มุมปากของเย่ซือเฉินยกขึ้น องค์กรโกสต์ซิตี้มีประวัติศาสตร์เป็นพันๆปีแล้ว จากตระกูลหนึ่งพัฒนาจนอำนาจครอบคลุมไปทั่วโลกอย่างตอนนี้ ใช่ว่าคนนอกคิดจะแย่งก็จะแย่งมาได้อย่างนั้นหรือ?

ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ องค์กรโกสต์ซิตี้ก็คงจะไม่ยิ่งใหญ่อย่างวันนี้

ดังนั้นเย่ซือเฉินจึงไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนมีสิทธิอะไรถึงได้มีความมั่นใจมาพูดเรื่องพวกนี้กับเขา?

เฉิงโหรวโหรวอยากจะแย่งตอบอีกครั้ง เพียงแต่เจิ้งฉงมองไปที่เธออย่างรวดเร็ว สายตาเตือนออกมาอย่างชัดเจน ให้เฉิงโหรวโหรวเงียบไปเสียที

“ความสำเร็จอยู่ที่ความพยายามของคน เพียงแค่ประธานเย่คิดอยาก ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้หรอก” เจิ้งฉงมองไปยังเย่ซือเฉินอีกครั้ง ใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด การเจรจาก็ต้องใช้วิธีในการเจรจาอยู่แล้ว จะรีบร้อนเกินไปไม่ได้ เขาจำเป็นที่จะต้องหยั่งเชิงความคิดของเย่ซือเฉินก่อน

แน่นอนว่า เขายังจะต้องปูทางเอาไว้ให้ตัวเองดีๆอีกด้วย

“เท่าที่ผมรู้มา กฎเกณฑ์ภายในขององค์กรโกสต์ซิตี้นั้นเข้มงวดมาก คนภายในไม่มีใครกล้าออกนอกลู่นอกทางซักคน ตอนนี้คุณให้คนนอกคนนึงอย่างผมไปแย่งอำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้?” เป็นเพราะเรื่องราวในช่วงนี้เย่ซือเฉินจึงเข้าใจองค์กรโกสต์ซิตี้ขึ้นมามาก เรื่องนี้เกี่ยวกับองค์กรเขาเข้าใจทั้งหมด เขาไม่เชื่อว่าคนรับผิดชอบในส่วนของเมืองAอย่างเขาจะไม่รู้

ถ้าหากเจิ้งฉงคิดอยากจะร่วมกันกับเขาแย่งอำนาจอื่นๆขององค์กรโกสต์ซิตี้มาจริงๆ กลัวเพียงแค่เจิ้งฉงยังไม่ทันลงมือ ก็ถูกองค์กรฆ่าให้ตายไปก่อน คนขององค์กรไม่ใช่พวกคนดีกันทั้งนั้น

อีกทั้งถ้าหากเจิ้งฉงมีความคิดนี้จริงๆ แรกเริ่มก็คงไม่จัดการกับตระกูลถัง และเวินลั่วฉิง

ดังนั้นตอนนี้เย่ซือเฉินจึงรู้สึกไม่เข้าใจจริงๆ

“ประธานเย่ เมื่อครู่ที่ผมบอกไว้ว่าความสำเร็จอยู่ที่ความพยายามของคน เรื่องหลายๆเรื่องก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตอนนี้ประธานเย่ไม่ใช่คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปแย่งชิงอำนาจขององค์กรมาได้ก็จริง แต่ถ้าหากคุณกลายเป็นคนขององค์กร อีกทั้งสามารถมีสิทธิ์ที่จะแย่งชิงองค์กรโกสต์ซิตี้มาได้อย่างถูกต้อง ถึงตอนนั้นความสามารถอย่างประธานเย่ ต้องการจะแย่งทั้งองค์กรมาก็ยังเป็นไปได้เลย” เจิ้งฉงเริ่มหลอกล่อ เจิ้งฉงยังมีความสามารถในการเจรจา เขาเข้าใจว่าจะพูดโน้มน้าวคนๆหนึ่งให้ได้อย่างไร

เขาอยากที่จะดึงดูดความทะยานอยากของเย่ซือเฉินก่อน ถึงตอนนั้นเย่ซือเฉินจะได้ไม่สามารถปฏิเสธได้

“กลายเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้?” เย่ซือเฉินเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ได้สนใจกับการที่จะกลายมาเป็นคนขององค์กรเลยแม้แต่นิดเดียว

อีกทั้งกลายมาเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็สามารถแย่งชิงอำนาจขององค์กรมาได้? เห็นเขาเป็นเด็กสามขวบหรือยังไง?

“ตัวคุณเองก็เป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ ดูแล้วคุณเองก็อายุมากแล้ว ช่วงชิงมาได้เท่าไหร่แล้ว?” เย่ซือเฉินมองไปยังเจิ้งฉง คำพูดที่เย็นขาแฝงความเยาะเย้ยอย่างไม่ปกปิด

“สถานการณ์ของประธานเย่กับผมไม่เหมือนกัน ผมไม่ได้โชคดีเหมือนกับประธานเย่” เจิ้งฉงได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉินแล้วในใจก็รู้สึกโมโห แต่ใบหน้ากลับฝืนยิ้มออกมา แสร้งทำเป็นไม่ได้สนใจ

เย่ซือเฉินมองเขาเพียงแวบหนึ่ง แล้วไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมา ถ้าหากไม่ใช่เพื่อเป็นการเข้าใจถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงขององค์กรโกสต์ซิตี้แล้ว เขาก็ขี้เกียจจะมาเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับพวกเขาจริงๆ

“ตอนนี้มีโอกาสที่หาได้ยากมาวางอยู่ตรงหน้าประธานเย่แล้ว” เย่ซือเฉินไม่ได้ตอบรับ เจิ้งฉงรู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง แต่คุยมาถึงตรงนี้แล้ว จะปล่อยให้เงียบไปแบบนี้ไม่ได้ เจิ้งฉงจึงทำได้เพียงต้องแบกหน้าเจรจากับเย่ซือเฉินต่อไป

“โอกาสดีๆที่หาได้ยาก?” เย่ซือเฉินเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก

“ก็คือฉัน ฉันเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ เพียงแค่คุณแต่งงานกับฉัน เพียงแค่เราแต่งงานกัน คุณก็จะเป็นราชบุตรเขยแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ ถึงตอนนั้นคุยก็จะสามารถแย่งชิงทุกอย่างขององค์กรโกสต์ซิตี้มาได้อย่างถูกต้อง” เฉิงโหรวโหรวอดที่จะแย่งพูดขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ เมื่อครู่เธอฟังอยู่ข้างๆก็แทบจะร้อนใจตายอยู่แล้ว

เย่ซือเฉินนั้นฉลาดเฉียบแหลมมากในวงการค้า และมีความเด็ดขาด คนโง่ๆอย่างเฉิงโหรวโหรวคิดจะตบตาเย่ซือเฉิน เป็นพวกปัญญาอ่อนที่ช่างเพ้อฝันเสียจริงๆ!!

เขาไม่ควรรับปากไป๋หยิงว่าจะมากับเฉิงโหรวโหรวเลย แผนการของไป๋หยิงไม่มีปัญหาอะไร แต่เฉิงโหรวโหรวโง่เกินไป อยู่ต่อหน้าคนทั่วๆไปเฉิงโหรวโหรวก็เก็บอาการเอาไว้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคืออยู่ต่อหน้าเย่ซือเฉิน!!

“ผมไม่สนใจ ถ้าหากพวกคุณทั้งสองไม่มีธุระเรื่องอื่นแล้ว เชิญกลับไปเถอะครับ” ที่เย่ซือเฉินมานั้นก็เป็นเพราะว่าอยากจะรู้จุดประสงค์ขององค์กรโกสต์ซิตี้เพียงเท่านั้น สำหรับอำนาจขององค์กร เขาไม่ได้รู้สึกสนใจเลยจริงๆ

สิ่งที่เขาต้องการ เขาจะพยายามด้วยตัวเอง สู้ด้วยตัวเอง เขาไม่เคยนึกถึงสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองพวกนั้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว

เจิ้งฉงได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉินแล้ว ก็แอบถอนหายใจออกมา ผลลัพธ์แบบนี้เขาเองก็คาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจ

“เย่ซือเฉิน ฉันไม่ได้พูดเล่นกับคุณนะ ฉันจริงจังมาก อีกทั้ง ฉันเองก็จริงใจและบริสุทธิ์ใจด้วย” แต่เฉิงโหรวโหรวยังคงไม่ยอมง่ายๆ เดิมทีเธอวางแผนที่จะยั่วยวนเย่ซือเฉินมาให้ได้ หลังจากนั้นก็ค่อยสะบัดเย่ซือเฉินทิ้งไป แต่ตอนนี้เธอชอบเย่ซือเฉินแล้ว

เธอได้ตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจะแต่งงานกับเย่ซือเฉิน เธอจริงจัง และตั้งใจมากๆ ดังนั้น เย่ซือเฉินก็ไม่ควรจะปฏิเสธเธอ

เจิ้งฉงได้ยินคำพูดของเฉิงโหรวโหรวแล้ว ก็ตกตะลึงไปอย่างเห็นได้ชัด เขาเข้าใจเฉิงโหรวโหรว ผู้หญิงโง่ๆคนนี้ไม่ได้มีสมองอะไรนัก ไม่สนใจที่จะปกปิด ดังนั้นเขาถึงได้มองออกว่าคำพูดนี้ของเฉิงโหรวโหรวนั้นจริงจัง

เจิ้งฉงรู้สึกงงงวยอยู่บ้าง เดิมทีแผนของพวกเขานั้นไม่ใช่แบบนี้

ไม่ใช่ว่าเฉิงโหรวโหรวเป็นคนพูดเองว่าจะยั่วยวนเย่ซือเฉินให้มาอยู่ในกำมือก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยสะบัดเขาทิ้งไปไม่ใช่หรือ?

เพราะฉะนั้น ตั้งแต่แรกเขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อถือนัก เพียงแต่คำพูดที่น่าสนใจแต่ใช้การไม่ได้ของไป๋หยิง สุดท้ายเขาถึงได้รับปากว่าจะมากับเฉิงโหรวโหรว

แต่ความจริงแล้วเจิ้งฉงไม่ได้คาดหวังเอาไว้มากนัก เนื่องจากเขารู้ว่าเย่ซือเฉินไม่ได้จะตบตาได้ง่ายขนาดนั้น

แต่ตอนนี้ดูแล้วเฉิงโหรวโหรวจะเปลี่ยนความคิดไปแล้ว อยากจะทำให้เป็นจริงขึ้นมาแล้วอย่างนั้นหรือ?

เจิ้งฉงเห็นท่าทางใบหน้าที่ดูหลงใหลมองไปยังเย่ซือเฉินแล้ว ก็เข้าใจขึ้นมาในทันที ดูแล้วเฉิงโหรวโหรวหลังจากที่ได้เห็นเย่ซือเฉินแล้วก็หลงเขาเข้า ดังนั้นจึงอยากจะแต่งงานกับเย่ซือเฉินจริงๆ

ในใจของเจิ้งฉงนั้นแอบเยาะเย้ย ผู้หญิงคนนี้นี่บ้าผู้ชายจริงๆ

แต่ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ ความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จได้นั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก

ถึงอย่างไรตอนนี้เฉิงโหรวโหรวก็เป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ เพียงแค่เฉิงโหรวโหรวอยากที่จะแต่งงาน เชื่อว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะปฏิเสธเธอ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีความสามารถและมีความทะเยอะทะยานแบบนั้น

และเย่ซือเฉินก็เป็นผู้ชายที่มีความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วก็มีความทะเยอทะยานมากที่สุดด้วยเช่นกัน

ไม่ว่าตอนนี้เฉิงโหรวโหรวจะมีตำแหน่งอยู่ที่องค์กรโกสต์ซิตี้หรือไม่นั้น เพียงแค่เย่ซือเฉินแต่งงานกับเฉิงโหรวโหรว เช่นนั้นแล้วเย่ซือเฉินก็มีสิทธิที่จะแย่งองค์กรโกสต์ซิตี้มาได้อย่างถูกต้อง ถ้าหากเย่ซือเฉินฉลาด จะต้องสามารถเข้าใจตรงจุดนี้อย่างแน่นอน

และความสามารถอย่างเย่ซือเฉิน ถึงแม้จะไม่สามารถแย่งทั้งองค์กรได้ แย่งมาได้ซักส่วนหนึ่งก็ไม่มีปัญหา แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆขององค์กร ก็ล้วนแต่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนธรรมดาไม่สามารถจะจินตนาการได้เสียอีก

การยั่วยวนดึงดูดเช่นนี้ไม่มีใครปฏิเสธได้อยู่แล้ว

เย่ซือเฉินเป็นคนที่มีความสามารถ เป็นฉลาดที่มีความทะเยอทะยาน จะต้องรู้ว่าเลือกอย่างไรถึงจะเป็นประโยชน์ต่อเขามากที่สุด

ถ้าหากทำได้เขาเองก็อยากจะแต่งงานกับเฉิงโหรวโหรวเช่นกัน ถึงแม้เฉิงโหรวโหรวจะโง่ จะเซ่อก็ตาม เพียงแค่สถานะของเธอก็เพียงพอแล้ว อีกทั้งเฉิงโหรวโหรวที่โง่ๆแบบนี้ก็ยิ่งจะสามารถควบคุมได้ กลับเป็นเรื่องที่ดีเสียด้วยซ้ำไป

เพียงแต่น่าเสียดายที่เขาอายุมากแล้ว ไม่เหมาะสมเท่าไรนัก เขาก็ไม่กล้าที่จะมีความคิดแบบนั้นด้วยเช่นกัน

“ประธานเย่ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเรานั่งคุยกันดีๆดีกว่าไหม” ในใจของเจิ้งฉงครุ่นคิด แล้วรีบตัดสินใจ ถ้าหากเรื่องนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ รอให้เย่ซือเฉินแย่งชิงองค์กรโกสต์ซิตี้ เขาก็จะได้เป็นบุคคลที่ได้สร้างคุณูปการให้แก่ประเทศชาติคนแรก ถึงตอนนั้นตำแหน่งของเขาก็จะสูงกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน

แบบนี้แข็งแกร่งกว่าคอยติดตามคนโง่ๆอย่างเฉิงโหรวโหรวได้มากอยู่แล้ว

เย่ซือเฉินมองไปยังเจิ้งฉง ใบหน้ายังคงมองไม่ออกถึงความรู้สึกใดๆเช่นเดิม : “ผมไม่รู้สึกว่าเรามีอะไรให้ต้องคุยกันนะ”

“ประธานเย่เป็นคนฉลาด คุณเองก็คงจะรู้ว่าอำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้แข็งแกร่งขนาดไหน ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ส่วนนึงขององค์กร ต่อให้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้คนตกตะลึงได้แล้ว ประธานเย่เป็นคนมีความสามารถ ถึงตอนนั้นแย่งชิงอำนาจส่วนนึงขององค์กรมาได้สบายมากเลย” เจิ้งฉงเป็นผู้รับผิดชอบของส่วนเมืองAมาในช่วงสองสามปีนี้ ถึงอย่างไรก็เคยเห็นสถานการณ์ต่างๆมามากมาย ก็เข้าใจที่จะใช้เทคนิคในการเจรจาด้วยเช่นกัน

เย่ซือเฉินไม่ได้รู้สึกสนใจในองค์กรโกสต์ซิตี้นี้จริงๆ คำพูดของเฉิงโหรวโหรวเมื่อครู่นี้นั้นเขามองเพียงว่าเป็นเรื่องตลก แต่ตอนนี้เจิ้งฉงมาเน้นอีกครั้งแล้ว ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมาบ้าง เพราะถึงอย่างไรเจิ้งฉงไม่ใช่เฉิงโหรวโหรว ไม่ได้ไร้เดียงสาและโง่เขลาเหมือนเฉิงโหรวโหรว

ในเมื่อเวลานี้เจิ้งฉงเน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง จะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน ถึงแม้เย่ซือเฉินไม่ได้รู้สึกสนใจทุกอย่างขององค์กรโกสต์ซิตี้ แต่เขาจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องราวขององค์กรนี้บ้าง

“ผมไม่ค่อยเข้าใจ ว่าผมมีสิทธิ์อะไรที่จะไปแย่งชิงอำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้ได้?” มุมปากของเย่ซือเฉินยกขึ้น องค์กรโกสต์ซิตี้มีประวัติศาสตร์เป็นพันๆปีแล้ว จากตระกูลหนึ่งพัฒนาจนอำนาจครอบคลุมไปทั่วโลกอย่างตอนนี้ ใช่ว่าคนนอกคิดจะแย่งก็จะแย่งมาได้อย่างนั้นหรือ?

ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ องค์กรโกสต์ซิตี้ก็คงจะไม่ยิ่งใหญ่อย่างวันนี้

ดังนั้นเย่ซือเฉินจึงไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนมีสิทธิอะไรถึงได้มีความมั่นใจมาพูดเรื่องพวกนี้กับเขา?

เฉิงโหรวโหรวอยากจะแย่งตอบอีกครั้ง เพียงแต่เจิ้งฉงมองไปที่เธออย่างรวดเร็ว สายตาเตือนออกมาอย่างชัดเจน ให้เฉิงโหรวโหรวเงียบไปเสียที

“ความสำเร็จอยู่ที่ความพยายามของคน เพียงแค่ประธานเย่คิดอยาก ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้หรอก” เจิ้งฉงมองไปยังเย่ซือเฉินอีกครั้ง ใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด การเจรจาก็ต้องใช้วิธีในการเจรจาอยู่แล้ว จะรีบร้อนเกินไปไม่ได้ เขาจำเป็นที่จะต้องหยั่งเชิงความคิดของเย่ซือเฉินก่อน

แน่นอนว่า เขายังจะต้องปูทางเอาไว้ให้ตัวเองดีๆอีกด้วย

“เท่าที่ผมรู้มา กฎเกณฑ์ภายในขององค์กรโกสต์ซิตี้นั้นเข้มงวดมาก คนภายในไม่มีใครกล้าออกนอกลู่นอกทางซักคน ตอนนี้คุณให้คนนอกคนนึงอย่างผมไปแย่งอำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้?” เป็นเพราะเรื่องราวในช่วงนี้เย่ซือเฉินจึงเข้าใจองค์กรโกสต์ซิตี้ขึ้นมามาก เรื่องนี้เกี่ยวกับองค์กรเขาเข้าใจทั้งหมด เขาไม่เชื่อว่าคนรับผิดชอบในส่วนของเมืองAอย่างเขาจะไม่รู้

ถ้าหากเจิ้งฉงคิดอยากจะร่วมกันกับเขาแย่งอำนาจอื่นๆขององค์กรโกสต์ซิตี้มาจริงๆ กลัวเพียงแค่เจิ้งฉงยังไม่ทันลงมือ ก็ถูกองค์กรฆ่าให้ตายไปก่อน คนขององค์กรไม่ใช่พวกคนดีกันทั้งนั้น

อีกทั้งถ้าหากเจิ้งฉงมีความคิดนี้จริงๆ แรกเริ่มก็คงไม่จัดการกับตระกูลถัง และเวินลั่วฉิง

ดังนั้นตอนนี้เย่ซือเฉินจึงรู้สึกไม่เข้าใจจริงๆ

“ประธานเย่ เมื่อครู่ที่ผมบอกไว้ว่าความสำเร็จอยู่ที่ความพยายามของคน เรื่องหลายๆเรื่องก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตอนนี้ประธานเย่ไม่ใช่คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปแย่งชิงอำนาจขององค์กรมาได้ก็จริง แต่ถ้าหากคุณกลายเป็นคนขององค์กร อีกทั้งสามารถมีสิทธิ์ที่จะแย่งชิงองค์กรโกสต์ซิตี้มาได้อย่างถูกต้อง ถึงตอนนั้นความสามารถอย่างประธานเย่ ต้องการจะแย่งทั้งองค์กรมาก็ยังเป็นไปได้เลย” เจิ้งฉงเริ่มหลอกล่อ เจิ้งฉงยังมีความสามารถในการเจรจา เขาเข้าใจว่าจะพูดโน้มน้าวคนๆหนึ่งให้ได้อย่างไร

เขาอยากที่จะดึงดูดความทะยานอยากของเย่ซือเฉินก่อน ถึงตอนนั้นเย่ซือเฉินจะได้ไม่สามารถปฏิเสธได้

“กลายเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้?” เย่ซือเฉินเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ได้สนใจกับการที่จะกลายมาเป็นคนขององค์กรเลยแม้แต่นิดเดียว

อีกทั้งกลายมาเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็สามารถแย่งชิงอำนาจขององค์กรมาได้? เห็นเขาเป็นเด็กสามขวบหรือยังไง?

“ตัวคุณเองก็เป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ ดูแล้วคุณเองก็อายุมากแล้ว ช่วงชิงมาได้เท่าไหร่แล้ว?” เย่ซือเฉินมองไปยังเจิ้งฉง คำพูดที่เย็นขาแฝงความเยาะเย้ยอย่างไม่ปกปิด

“สถานการณ์ของประธานเย่กับผมไม่เหมือนกัน ผมไม่ได้โชคดีเหมือนกับประธานเย่” เจิ้งฉงได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉินแล้วในใจก็รู้สึกโมโห แต่ใบหน้ากลับฝืนยิ้มออกมา แสร้งทำเป็นไม่ได้สนใจ

เย่ซือเฉินมองเขาเพียงแวบหนึ่ง แล้วไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมา ถ้าหากไม่ใช่เพื่อเป็นการเข้าใจถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงขององค์กรโกสต์ซิตี้แล้ว เขาก็ขี้เกียจจะมาเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับพวกเขาจริงๆ

“ตอนนี้มีโอกาสที่หาได้ยากมาวางอยู่ตรงหน้าประธานเย่แล้ว” เย่ซือเฉินไม่ได้ตอบรับ เจิ้งฉงรู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง แต่คุยมาถึงตรงนี้แล้ว จะปล่อยให้เงียบไปแบบนี้ไม่ได้ เจิ้งฉงจึงทำได้เพียงต้องแบกหน้าเจรจากับเย่ซือเฉินต่อไป

“โอกาสดีๆที่หาได้ยาก?” เย่ซือเฉินเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก

“ก็คือฉัน ฉันเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ เพียงแค่คุณแต่งงานกับฉัน เพียงแค่เราแต่งงานกัน คุณก็จะเป็นราชบุตรเขยแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ ถึงตอนนั้นคุยก็จะสามารถแย่งชิงทุกอย่างขององค์กรโกสต์ซิตี้มาได้อย่างถูกต้อง” เฉิงโหรวโหรวอดที่จะแย่งพูดขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ เมื่อครู่เธอฟังอยู่ข้างๆก็แทบจะร้อนใจตายอยู่แล้ว

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset