ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน – ตอนที่ 1244 ในที่สุดก็ได้ดูช็อตเด็ดเสียที (1)

คุณย่าเย่กำลังแสยะยิ้มหยันเยาะอยู่ บังเอิญที่เวลาเดียวกัน ด้านนอกห้องคนไข้มีเสียงฝีเท้าแว่วเข้ามา สาเหตุที่ทุกคนได้ยินเสียงฝีเท้าในตอนนี้ ประการแรกคือภายในห้องเงียบกริบมาก ประการที่สองเป็นเพราะเสียงฝีเท้าดังและยุ่งเหยิงมาก ไม่ใช่คนเดียวแน่นอน ดังนั้นจึงมีเสียงเคลื่อนไหวดังมาก รู้สึกว่ามากันยกโขยงกันมาเป็นฝูงเลย!!

ห้องที่คุณปู่เย่รักษาตัวเป็นห้องวีไอพีระดับสูง ซึ่งชั้นนี้มีกฎระเบียบเข้มงวดมาก ตามหลักแล้วไม่น่าจะมีเสียงดังอย่างนี้เกิดขึ้นนะ

ชั้นนี้มีคนรักษาตัวไม่มาก โดยคนที่รักษาตัวล้วนเป็นคนมีสถานะสูงส่ง ไม่มีใครกล้าก่อกวนแถวนี้แน่นอน คนกลุ่มนี้มาทำอะไรกันนะ?

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เกิดอะไรขึ้น?”นักข่าวที่ยืนอยู่ด้านนอกสุดชะเง้อชะแง้มอง จากนั้นก็ต้องอึ้ง คงเป็นเพราะอึ้งเกินไป ระดับเสียงจึงสูงขึ้นหลายส่วน

เพราะกล้องถ่ายทอดสดจับภาพภายในห้องคนไข้อยู่ ดังนั้นผู้ชมทางบ้านจึงไม่เห็นเหตุการณ์นี้

“ทำไมเหรอ?ทำไมเหรอ?เกิดอะไรขึ้น?ใครมา?”

“ฟังเหมือนมีคนมา ซึ่งไม่ใช่แค่คนเดียว”

“คุณหมอกู่มาแล้วใช่ไหม?”

“น่าจะเป็นคุณหมอกู่ เสียงเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแค่มีคนเดียว คุณหมอกู่คงไม่พาบอดี้การ์ดมาหรอกมั้ง?”

“ถึงคุณหมอกู่จะมาโรงพยาบาลตี้อีก็ต้องมาคนเดียวอยู่แล้ว ไม่มากันเป็นกลุ่มหรอก”

“แล้วคนที่มาเป็นใครกันแน่?ใครกันแน่?คนตระกูลเย่เหรอ?หรือว่าคนของเด็กน้อยผู้น่ารัก?”

“พ่อของเด็กผู้น่ารักหรือเปล่า หัวหน้าแห่งองค์กรยมบาล เด็กน้อยผู้น่ารักพาบอดี้การ์ดมาไม่น้อย หัวหน้าแห่งองค์กรยมบาลมาก็ต้องพาบอดี้การ์ดมาด้วยแน่”

“หัวหน้าแห่งองค์กรยมบาลมาหนุนหลังให้เด็กน้อยผู้น่ารักเหรอ?”

“ตลอดเวลาที่ผ่านมาหัวหน้าแห่งองค์กรยมบาลไม่เคยปรากฏตัวเลย และไม่มีใครรู้การเคลื่อนไหวของเขา คงไม่ปรากฏตัวเวลานี้หรอก ดังนั้นไม่น่าจะใช่หัวหน้าแห่งองค์กรยมบาล”

“แล้วใครล่ะ?”

“ใคร?”

คอมเมนต์ในโซเชียลมีต่อเนื่องอย่างไม่ลดละ ทุกคนต่างถามเป็นเสียงเดียวกันว่าคนที่มาคือใคร?

ไม่เพียงแค่ผู้ชมทางบ้านที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร กระทั่งคนในห้องคนไข้ก็ไม่มีเช่นกัน

เดิมทีห้องคนไข้ก็มีคนอัดกันเยอะอยู่แล้ว ทั้งนักข่าวทั้งตากล้องจากสื่อสารมวลชนต่างๆที่ออกันอยู่ก็หลายสิบชีวิตแล้ว

คนองค์กรยมบาลที่ติดตามถังจื่อโม่มาก็มีหกเจ็ดคนแล้ว บวกกับรปภ.ของตระกูลเย่ด้วย

คนมากมายอยู่ในห้องเดิมทีก็แออัดแล้ว ถึงแม้เวลานี้ทุกคนอยากออกไปดู แต่ก็เบียดออกไปไม่ได้

และนักข่าวส่วนใหญ่ก็ไม่อยากออกไป มีนักข่าวอยู่ในนี้หลายคน หากออกไปเวลานี้ เดี๋ยวก็ไม่ได้อยู่แถวหน้าแล้ว งานหลักของพวกเขาคือสัมภาษณ์คุณปู่เย่กับเด็กคนนี้

สำหรับคนที่มา?หากมาที่ห้องรักษาตัวของคุณปู่เย่ พวกเขาไม่ได้เบียดกันไปมองก็จะเห็นเอง หากไม่ใช่ก็ไม่ได้มีประโยชน์กับพวกเขา พวกเขาคือนักข่าว มาเพื่อทำข่าวใหญ่ข่าวโต ไม่ใช่มาดูความครึกครื้น

“ตกลงเป็นใครกันแน่?”คุณย่าเย่ก็สงสัย ประเด็นหลักคือเวลานี้เป็นช่วงนาทีสำคัญ

“ไม่รู้ครับ ไม่รู้จัก แต่คนส่วนมากจะใส่ชุดกาวน์ คงจะเป็นหมอในโรงพยาบาลนี้มั้งครับ”รปภ.ที่ออกันอยู่ด้านหลังได้ยินคำพูดของคุณย่าเย่ก็รีบตอบ ทว่ารปภ.ไม่รู้จักเลยสักคน ข้อมูลเดียวที่เขาบอกคุณย่าเย่ได้ก็คือคนพวกนั้นสวมใส่ชุดกาวน์อยู่

“หมอ?หมอกี่คน?”คุณย่าเย่ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม สีหน้าพลันเปลี่ยนไป ไม่รู้กำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่

“มีเยอะมากครับ มีสิบกว่าคนครับ”รปภ.มองสำรวจ ก่อนจะตอบด้วยความว่องไว คำถามนี้ตอบง่ายอยู่

“ทำไมจู่ๆก็มีหมอมากันเยอะอย่างนี้?”คุณย่าเย่ขมวดคิ้วแน่นกว่าเก่า เมื่อครู่เด็กคนนี้บอกว่าให้คุณลุงของเขาเชิญคุณชายสองโจ๋วกับกู่หยู ไม่ได้บอกให้เชิญคนอื่นด้วย

ทำไมหมอถึงมากันเยอะแยะกะทันหันเช่นนี้?

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

จนถึงตอนนี้ คุณย่าเย่ยังไม่กระจ่างอย่างแจ่มชัดเลยสักนิด

ทว่าเสียงฝีเท้าเข้ากันมาทุกที เห็นได้ชัดว่าตรงมายังทิศทางนี้

“นายดูสิว่าพวกเขามาที่ห้องพวกเราหรือเปล่า?”คุณย่าเย่อดถามหนึ่งประโยคไม่ได้ เวลานี้เรื่องเล็กเรื่องน้อยก็กระทบกับเรื่องต่อจากนี้ได้

ดังนั้นท่านต้องเข้าใจสถานการณ์ให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้รับมือทันท่วงที

“เหมือน เหมือนจะใช่ครับ”รปภ.มองพินิจคนกลุ่มนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้ามายังห้องคนไข้พวกเขา คงจะมาที่ห้องคนไข้พวกเขาแน่

คุณย่าเย่กะพริบตาปริบๆ เพราะไม่รู้ว่าคนที่มาเป็นใคร ดังนั้นคุณย่าเย่จึงไม่รู้ว่าควรรับมือเช่นไร

ตอนนี้มีคนอัดอยู่หน้าประตูมากมาย ถึงท่านอยากออกไปดูก็เบียดออกไปไม่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว

แถมด้วยสถานะของท่าน ไม่เหมาะที่จะทำอย่างนั้น

“พวกเขามาที่ห้องพวกเราครับ”คุณย่าเย่กำลังครุ่นคิด เสียงของรปภ.ส่งมาอีกครั้ง

ครั้งนี้รปภ.ไม่บอก คุณย่าเย่ก็รู้แล้ว เพราะคนด้านหน้าสุดหยุดอยู่หน้าประตูห้องของพวกเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังรอคนด้านหลังอยู่

คุณย่าเย่เห็นไม่ได้มีคนเดียวที่ยืนอยู่หน้าประตู ซึ่งหนึ่งในนั้นท่านรู้จักด้วย เพราะเขาคือผู้อำนวยการโรงพยาบาลตี้อีนั่นเอง

คุณย่เย่สงสัยในใจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตี้อีมาทำไมเวลานี้?

ตอนที่คุณปู่เย่มาถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ ผู้อำนวยการก็เคยมาเข้าพบแล้ว ซึ่งมาต้อนรับขับสู้เท่านั้น

เพราะสุขภาพของคุณปู่เย่ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว และอันที่จริงคุณย่าเย่ก็ไม่ได้พอใจกับศักยภาพการรักษาของโรงพยาบาลนี้เลย การที่ท่านเรียกรถโรงพยาบาลไปรับก็เพื่อสร้างเรื่องให้ฮือฮา เพราะโรงพยาบาลเอกชนรักษาความเป็นส่วนตัวได้ดีเยี่ยม ดังนั้นท่านจึงเรียกรถโรงพยาบาลของรัฐบาล

ดังนั้นผู้อำนวยการมาตอนนั้น คุณย่าเย่ก็ไม่ได้อินังขังขอบ ผู้อำนวยการพูดไม่กี่คำก็จากไป

ตอนนี้ผู้อำนวยการมาอีกครั้ง ทำให้คุณย่าเย่ประหลาดใจยิ่งนัก ผู้อำนวยการมาถึงหน้าประตูแล้ว แต่ยังไม่เข้ามา มันยิ่งทำให้ประหลาดใจหนักกว่าเดิม ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่มีเพียงผู้อำนวยการเท่านั้น ยังมีบุคลากรในโรงพยาบาลคนอื่นๆอีกด้วย ดูแล้วน่าจะเป็นแพทย์ชั้นนำทั้งนั้น

ดูท่าทางของพวกเขาแล้วเหมือนกำลังรอคนอยู่?

คนภายในห้องเห็นภาพนี้แล้วก็งงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

กระทั่งดวงตาของถังจื่อโม่ก็อดกะพริบรัวๆไม่ได้ หากว่าตามเวลาที่คุณลุงบอก คุณหมอกู่ก็น่าจะถึงแล้วสินะ?

ทว่าตอนนี้มันหมายความว่าอย่างไร?

ทำไมถึงมีขบวนใหญ่ปานนี้

“ขบวนอันยิ่งใหญ่ขนานแท้”เห็นได้ชัดว่าคุณชายสองโจ๋วรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พลางอดหัวเราะไม่ได้

“คุณลุงโจ๋วครับ ลุงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”เด็กน้อยถังจื่อโม่เป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมาก รู้ว่าต้องมีเลศนัยกับคำพูดของคุณชายสองโจ๋วทันที

“อืม ได้ดูช็อตเด็ดแล้วละ”ปกติคุณชายสองโจ๋วไม่ใช่คนชอบดูความสนุก ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกอารมณ์ผุดขึ้นมาอย่างฉุดไม่อยู่

เขามองถังจื่อโม่ที่โดนอัดอยู่ในฝูงชน พลางกระตุกมุมปาก จากนั้นก็ย่อเข่าลง ก่อนจะอุ้มถังจื่อโม่ขึ้นมา “มา ลุงโจ๋วอุ้มนายดูความคึกคัก”

ด้วยรูปร่างอันน้อยนิดของถังจื่อโม่ ถึงแม้จะเบิ่งตากว้างเพียงใดก็ไม่เห็นภาพด้านนอกหรอก

ถังจื่อโม่รู้สึกประหลาดใจยิ่ง ดังนั้นไม่ได้ปฏิเสธ เอามือคล้องคอคุณชายสองโจ๋วอย่างให้ความร่วมมือ

คุณชายสองโจ๋วเป็นคนตัวสูงอยู่แล้ว ตอนนี้ยังตั้งใจอุ้มถังจื่อโม่ให้สูงๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ ถังจื่อโม่จึงเห็นด้านนอกห้องคนไข้ได้อย่างชัดเจน

“คนพวกนี้เป็นหมอของโรงพยาบาลตี้อีทั้งหมด……”ถังจื่อโม่มองปราดเดียวก็รู้สถานะของกลุ่มคนที่ยืนอยู่หน้าประตูแล้ว เพราะบนชุดกาวน์ของพวกเขามีสัญลักษณ์ของโรงพยาบาลตี้อีอยู่

ต้องชมว่าเด็กน้อยถังจื่อโม่เป็นคนช่างสังเกตมาก เก่งกว่ารปภ.พวกนี้เป็นไหนๆ รปภ.คนนั้นรู้แค่คนที่มาเยือนใส่ชุดกาวน์เท่านั้น

“อืม หมอโรงพยาบาลตี้อีจริงๆด้วย”คุณชายสองโจ๋วมองถังจื่อโม่อย่างชื่นชมแวบหนึ่ง เด็กคนนี้เก่งกาจจริงๆ สายตาหลักแหลม สังเกตได้ละเอียดสุดๆ

สมกับที่เป็นลูกชายของผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาอาชญากรรมจริงๆ

“แล้วพวกเขารอใครอยู่ครับ?”ถังจื่อโม่เพ่งมองกลุ่มคนที่ยืนอยู่หน้าประตู พวกเขาไม่ได้รีบเข้ามา แสดงว่ากำลังรอคนอยู่

“นายคิดว่าไงล่ะ?”คุณชายสองโจ๋วไม่ได้ตอบ ทว่าเป็นการมองถังจื่อโม่แทน

“คุณหมอกู่ถึงแล้วเหรอครับ?”ถังจื่อโม่คาดเดาเช่นนี้ หรือไม่ใช่เพียงการคาดเดา ตอนนี้ถังจื่อโม่เกือบรู้เรื่องหมดแล้ว คุณลุงบอกว่าคุณหมอกู่จะมาถึงประมาณสี่สิบนาที ซึ่งตอนนี้ก็ตรงกับเวลานี้พอดิบพอดี ทำให้โรงพยาบาลต้อนรับอย่างอลังการเช่นนี้ต้องเป็นคุณหมอกู่อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“ถูกเผง”คุณชายสองโจ๋วยกหัวแม่มือขึ้น ชื่มชมถังจื่อโม่อย่างไม่อิดออด

ตอนนี้ถังจื่อโม่กับคุณชายสองโจ๋วไม่ได้คุยกันเสียงดัง จึงได้ยินกันแค่สองคน คนที่อยู่ด้านหน้าไม่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset