ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน – ตอนที่ 208 คุณชายสามเย่เป็นคนใจดำอำมหิต (3)

บทที่ 208 คุณชายสามเย่เป็นคนใจดำอำมหิต (3)

แต่เธอโต้แย้งไม่ได้และไม่กล้าโต้แย้ง หากเธอโต้แย้งก็จะทำให้เรื่องราวถูกแพร่ออกไป

ดังนั้น ถึงแม้เวินลั่วฉิงจะโกรธจัดแต่ก็ได้ต้องเก็บไว้ในใจ แน่นอนว่า เวินลั่วฉิงพยายามให้ตัวเองสงบเข้าไว้ บอกตัวเองว่าอย่าวู่วามจะทำให้เรื่องราวยิ่งใหญ่โต่เข้าไปใหญ่ มันไม่สามารถแก้ปัญหาได้

“จะว่าไป คุณเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมาเอง คุณก็ต้องหาวิธีแก้เองสิ” แต่ว่าเย่ซือเฉินกลับจงใจเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค

“ทำไมถึงว่าฉันเป็นคนก่อล่ะ?”เวินลั่วฉิงหยุดชะงัก จ้องมองเขาด้วยการกะพริบตาปริบ

ขอเรียนถามหน่อยค่ะว่า ทำไมเขาถึงหน้าด้านพูดอย่างนี้ออกมาได้ ถ้าเขาไม่จูบเธอในสาธารณะ เรื่องราวจะรุนแรงอย่างนี้หรือ?

“เพราะคุณยั่วผมก่อน” เย่ซือเฉินพูดย้ำอีกครั้ง ยังคงมีสีหน้าที่บริสุทธิ์และเสียใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่เหมือนเดิม

“……”เมื่อเวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของเขา ความโกรธที่พยายามได้ระงับไว้เมื่อกี้ ตอนนี้ได้โผล่ขึ้นมาอีกแล้ว เขาพูดซ้ำแต่ประโยคนี้ทำให้เวินลั่วฉิงรู้สึกรำคาญ

ไม่สามารถสงบได้อีกต่อไป จากนั้นก้หลุดปากพูดด้วยความวู่วามว่า “คุณกล้ารับประกันไหมว่าตอนที่อยู่ที่ห้างสรรพสินค้า คุณไม่ใช่อยากจะบอกความสัมพันธ์ของพวกเรา?”

ถ้าตอนนั้นเธอไม่ใช่ดูเย่ซือเฉินออกว่า อยากจะเปิดเผยเรื่องราวของพวกเขา เธอจะไปเสี่ยงยั่วเขาทำไม

ดวงตาเย่ซือเฉินหมุนไปมาเล็กน้อย จ้องมองเธอ หางตาก็ยกขึ้น ทันใดนั้นก็เอียงตัวไปเข้าใกล้เธอ“อ่อ?ตอนนั้นผมไม่ได้พูดอะไรเลย แต่คุณกลับรู้ว่าผมจะพูดอะไร?ทำไม?คุณเป็นนักอ่านใจคนหรือ?”

“……”ชั่วขณะนั้นเวินลั่วฉิงเป็นใบ้ไปเลย รู้ว่าตัวเองรู้ผิดอีกแล้ว

ความวู่วามเป็นมารร้ายจริงๆ

ตอนนี้เขาพูดอย่างนี้ทำให้เธอรู้สึกตกใจ เขาว่าเธอเป็นนักอ่านใจคน เห็นได้ชัดว่าเป็นเจตนารมณ์อย่างอื่นแฝงไว้

เขาสงสัยเธอมาตลอดอยู่แล้ว และเมื่อกี้เธอยังจะไปเข้าทางของเขาอีก

เวินลั่วฉิง เธอมันโง่เกินไปหรือเปล่า?

“คุณลองบอกผมมาสิว่าคุณรู้ได้ยังไง?หืม?”เห็นได้ชัดว่าเย่ซือเฉินไม่คิดจะปล่อยเธอไป ตัวของเขายิ่งเข้าใกล้เธอมากขึ้น

“ฉันก็เดาไปเรื่อยไง”เวินลั่วฉิงหดตัวด้วยจิตใต้สำนึก ท่าทีของเมื่อกี้ของเธอได้มลายหายไปในพริบตา

“ใช่เหรอ?”เขาเข้าใกล้ยิ่งขึ้น ทั้งใบหน้าและริมฝีปากของเขาเกือบจะแนบชิดเธออยู่แล้ว

ในระยะหว่างที่กระชั้นชิดและด้วยท่าทีเช่นนี้ ทำให้เวินลั่วฉิงยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก

“อืม” เวินลั่วฉิงพยักหน้าด้วยจิตใต้สำนึก

เย่ซือเฉินจ้องมองเธอในระยะกระชั้นชิดด้วยแววตาที่สดใสอย่างผิดปกติ “อืม ภรรยาของผมฉลาดมากเลย ทายได้อย่างแม่นยำ ที่แท้ภรรยาของผมนั้นเป็นคนที่อ่านใจคนได้ เก่งอย่างนี้ คุณว่าผมจะให้รางวัลแก่คุณยังไงดีนะ?

ให้รางวัลกับเธอ?ทันใดนั้นเวินลั่วฉิงมึนไปหมด ทำไมพูดไปพูดมาแล้วมาพูดถึงเรื่องให้รางวัลได้ล่ะ?

จากนั้นก็ไม่รอให้เธอตอบสนอง เย่ซือเฉินก็ได้จูบเธออีกครั้ง ยังคงเป็นจูบที่ดุเดือดและเข้าถึงอารมณ์อย่างลึกซึ้งมิอาจจะควบคุมได้

เวินลั่วฉิงตกตะลึงจนลืมหายใจในชั่วขณะนั้น จูบที่ไม่ขาดสายของเขาทำให้เธอหายใจไม่สะดวก อาจเป็นเพราะสาเหตุที่หายใจไม่สะดวก ถึงทำไมสมองของเธอเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า และตอนนี้เธอก็หายใจอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นาน เย่ซือเฉินก็ปล่อยตัวเธอ เห็นท่าทีของเธอทั้งงงงวยและเบลอๆ บวกกับมีความสับสนปมอยู่ด้วย ทำให้เขายกมุมปากขึ้นแล้วกล่าวขึ้นอย่างกะทันหันว่า “เรียนพวกจิตวิทยาคงน่าเบื่อและเหนื่อยมากเลยใช่ไหม?”

“อืม”เวินลั่วฉิงยังตามไม่ทัน จังหวะการหายใจยังคงไม่เหมือนปกติ สมองจึงยังไม่ได้หมุน จากนั้นจึงขานตอบด้วยจิตใต้สำนึกไปอีกคำ ก็เข้ากับดักของเย่ซือเฉินซะแล้ว แบบว่าหลุดพูดออกไป!!

เย่ซือเฉินยิ้มอย่างพอใจ เป็นเธอจริงๆ เป็นคนเดียวกันจริงๆ

เขาชอบท่าทีของเธอในขณะนี้มาก ซึ่งกำลังอยู่ในความสับสนมึนงงอยู่ และชอบที่ตอนนี้เธอไม่ได้มิท่าทีที่จะระวังตัวจากเขาเลย

“ในเมื่อน่าเบื่อและเหนื่อยขนาดนี้ ทำไมถึงเรียนล่ะ?”เย่ซือเฉินนั้นเป็นคนที่ฉลาดแหลมคม ดังนั้นจึงตัดสินใจสืบสวนต่อในสถานการณ์ที่เป็นใจ

“……”เวินลั่วฉิงหยุดชะงัก จากนั้นก็รู้ตัวว่าตัวเองโดนกับดักของเขาอีกแล้ว

ผู้ชายคนนี้ใจดำอีกหน่อยได้ไหม?เขายังเจ้าเล่ห์ได้อีกไหม?กล้าที่จะมาหลอกลวงเธอ

เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาด้านนักโทษ แต่กลับโดนเขาหลอกให้หลงเข้าไปในกับดักเสียแล้ว

เขาปะทะศึกจิตวิทยาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ตั้งแต่เริ่มเขาจงใจที่จะโน้มน้าวความรู้สึกของเธอ และยังจูบเธออีก……

แผนการที่ดำเนินการมาทีละก้าวทีละก้าวของเขาช่างแยบยลเหลือเกิน แม้กระทั่งเธอก็ต้องยอมพ่ายแพ้และนับถือจากใจ

เธอรู้ความเจ้าเล่ห์ของเขาตั้งนานแล้ว และรู้ว่าเขาเป็นคนที่อันตรายตั้งนานแล้ว

เธอนึกถึงคำพูดของรุ่นพี่และนึกถึงครั้งก่อนที่เย่ซือเฉินไปรั้งเธอที่สถานีตำรวจ

เขาอยากจะตรวจสอบว่าคนที่อยู่ในสถานีตำรวจเป็นเธอหรือเปล่า?แต่ว่าเขารู้ได้อย่างไรกันล่ะ?

และอีกอย่าง เรื่องนั้นมันสำคัญต่อเขามากเลยเหรอ?

พวกเขาแค่ตกลงกันในนาม อีกหนึ่งปีให้หลังเขาน่าจะได้หุ้นส่วนจากบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปแล้วก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะได้หย่ากัน

ดังนั้นเธอมีสถานะอะไรก็ไม่สำคัญสำหรับเขาสักเท่าไหร่หรอก

รุ่นพี่บอกว่าเขามีอำนาจที่น่าเกรงขาม ถ้าเช่นนั้นนอกจากเขาเป็นประธานบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปแล้ว ยังมีสถานะเป็นอะไรอีกนะ?

สถานะของเธอและกลุ่มของเธอนั้นเป็นความลับ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อความปลอดภัยของทุกคน รุ่นพี่จึงใช้ทุกวิถีทางเพื่อเก็บสถานะที่แท้จริงของทุกคนเอาไว้

เพราะหลายปีมานี้พวกเธอทำเรื่องขัดใจคนอื่นไว้มาก แม้กระทั่งรวมถึงคนน่ากลัวที่ฆ่าคนอย่างเลือดเย็นอีกด้วย

และที่สำคัญเธอรู้ว่า งานที่รุ่นพี่รับมามีทั้งงานในสังคมดีและงานในสังคมมืด เพียงแต่เธอไม่เคยเข้าร่วมงานในสังคมมืดก็เท่านั้นเอง

ดังนั้นหากยังไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเย่ซือเฉิน ไม่รู้เป้าหมายที่แท้จริงของเขา เธอจะไม่ไปเลี่ยงเอาชีวิตทุกคนไปเดินพันอย่างแน่นอน

ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี ทุกคนในกลุ่มก็เปรียบเสมือนญาติพี่น้องของเธอ

เวินลั่วฉิงจ้องมองเขาอยู่นิ่งๆไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอกลัวตัวเองจะเผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปอีก

แต่ว่าเย่ซือเฉินไม่ได้ซักถามต่อ เขารู้ว่าเมื่อเธอตามเหตุการณ์ทันแล้วก็จะไม่หลงกับดักง่ายๆอีก เมื่อกี้เขาจงใจจูบเธอ จนเธอรู้สึกสับสนเบลอๆแล้วถึงจะถาม เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้ทันเร็วขนาดนี้

โอ๊ะ เสียดายจัง หรือจะลองจูบดูอีกครั้งหนึ่ง……

ดวงตาของเขาจ้องมองริมฝีปากที่อวบอิ่มชวนหลงใหลของเธอ อยากจะเข้าใกล้อีกครั้ง

เพียงแต่ครั้งนี้ เวินลั่วฉิงใช้มือกั้นเขาไว้พลางจ้องมองเขาด้วยสายตาที่โกรธเคือง

เขายังกล้ามาไม้นี้อีกเหรอ?

เธอกลัวตัวเองจะถูกเขาจูบจนหายใจไม่ออก จูบจนสมองหมุนไม่ทันแล้วเผลอหลุดปากพูดความลับออกไป

เมื่อกี้เธอเป็นอะไรกันแน่?เพราะเขาจูบจนทำให้สมองหมุนไม่ทันเลยเหรอ?

เย่ซือเฉินผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจ ตอนแรกนั้นเขาได้วางแผนอย่างดี จู่โจมเธอทีละก้าวทีละก้าวจนฉวยโอกาสตอนเธอเผลอมาได้ ซึ่งตอนนี้คงจะไม่ง่ายเช่นนั้นอีก

แต่ว่า……

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset