บทที่ 327 ความลับของเธอปกปิดไว้ไม่อยู่แล้ว (2)
เมื่อเย่ซือเฉินส่งข้อมูลเสร็จ ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้นพอดี เวินลั่วฉิงเก็บของเสร็จก็เดินออกมา
เย่ซือเฉินเก็บโทรศัพท์ จากนั้นก็เดินเข้ามา ยื่นมือไปโอบเอวเวินลั่วฉิง ใบหน้าของเขาไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ : “ไปกันเถอะ ไปทานข้าวกัน”
ท่าทางเขาดูเป็นธรรมชาติมาก แต่เวินลั่วฉิงรู้สึกได้ว่ามือที่เขาโอบเอวเธออยู่นั้นค่อนข้างเกร็ง เหมือนมีเรื่องกลัวหรือกังวลอะไรอยู่
กลัว? กังวล? เขากลัวอะไร? กังวลใจเรื่องอะไร?
แต่ไหนแต่ไรมา วิชาชีพของเวินลั่วฉิงจะใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น ส่วนกับคนรัก กับเพื่อน เธอหวังว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างคนปกติทั่วไป
แต่งงานกับเขามาตั้งนาน นอกจากสถานการณ์พิเศษแล้ว เธอไม่เคยแอบอ่านความคิดเขา เธอรู้ว่าทุกคนต่างก็มีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองกันทั้งนั้น การที่ไปอ่านความคิดคนอื่นถือเป็นการไม่ให้เกียรติกัน
ดังนั้นครั้งนี้ เวินลั่วฉิงจึงไม่ได้ไปสำรวจอะไรเขา ไม่ได้ถามอะไรมากมาย เพียงแต่เดินตามเขาออกจากห้องไป
ณ เมือง A
“หาหน่อยสิว่าคนนี้ไปศูนย์ตรวจ DNA ศูนย์ไหน?” ถังหลินยื่นรูปของอะรุ่ยให้เสี่ยวหู่ดู : “หาวิธีเปลี่ยนผล DNA ด้วย”
ถังหลินรู้ว่า อะรุ่ยคือนักฆ่ามืออาชีพ จัดการเรื่องอะไรคงระมัดระวังรอบคอบเป็นพิเศษ ขณะที่ตรวจ DNA เขาต้องคอยเฝ้าดูอยู่แน่นอน ดังนั้น จึงทำได้เพียงเปลี่ยนผล DNA
“ครับ” เสี่ยวหู่ไม่สงสัยอะไรทั้งนั้น ตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่ก็คิดขึ้นมาได้ เลยถามออกไปว่า : “ลูกพี่ครับ เปลี่ยนเป็นใคร? เปลี่ยนผลเป็นของใครก็ได้เหรอครับ?”
“โรงพยาบาลตี้อีมีเลือดของเย่ซือเฉินเก็บไว้อยู่ แกไปเอามาสักหน่อย แล้วทำข้อมูลตรวจสอบ DNA ของเย่ซือเฉินขึ้นมา” ถังหลินเงยหน้ามองเสี่ยวหู่ ในเมื่อจี้หซีขอร้องให้เปลี่ยนผลเป็นของเจ้าสาม งั้นก็เปลี่ยนเป็นของเจ้าสาม
เลือดของเย่ซือเฉินเป็นหมู่โลหิตอาร์เอชลบ (Rh Negative) ซึ่งหายากมาก ไม่เพียงแต่เย่ซือเฉินเท่านั้น ผู้ชายในตระกูลเย่ล้วนแต่มีเลือดกรุ๊ปนี้กันทั้งนั้น ปีนั้นเย่โป๋เหวินเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เสียเลือดมาก ตอนนั้นทางโรงพยาบาลไม่มีเลือดอาร์เอชลบสำรอง ทำให้อาการเย่โป๋เหวินยิ่งแย่ลงไป สุดท้ายถึงแม้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่กลับทำให้มีโรคภัยตามมามากมาย
หลังจากครั้งนั้น เย่ซือเฉินก็ได้บริจาคเลือดทุกระยะที่ครบกำหนด เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น
แน่นอนว่าหากอยากเปลี่ยนเป็นผลของเจ้าสาม เพื่อให้คุณหญิงจี้เชื่อนั้น ก็ต้องยอมลำบากสักหน่อย
ฝ่ายคุณหญิงจี้ก็ทำข้อมูลตรวจสอบ DNA เช่นกัน
“ลูกพี่ครับ หมายความว่าให้เปลี่ยนผลเป็นของคุณชายสามเย่เหรอครับ?” เสี่ยวหู่ตกตะลึง ดวงตากลมโต สีหน้าเหลือเชื่อจ้องมองถังหลิน
ลูกพี่คิดจะทำอะไรเนี่ย?
นี่เป็นการตรวจ DNA เชียวนะ ปลอมผลการตรวจอย่างนี้ ผลลัพธ์ที่ตามมาร้ายแรงมากนะ
“ลูกพี่ ทำไมต้องเปลี่ยนผลให้เป็นของคุณชายสามเย่ด้วยครับ?” เสี่ยวหู่ที่ตลอดเวลาถังหลินพูดอะไร เขาก็ทำตามทั้งนั้น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยสงสัยอะไร แต่ครั้งนี้ เขาอดสงสัยไม่ได้ เพราะเรื่องนี้มันน่าทึ่งเกินไป!!
ถังหลินไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ดูคล้ายกับจะยิ้ม แต่ก็ไม่เหมือนยิ้ม
เสี่ยวหู่เห็นท่าทีเขาเป็นอย่างนี้ เลยได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้ดีว่า เรื่องที่ลูกพี่ตัดสินใจแล้ว เขาไม่มีสิทธิ์สงสัย สิ่งที่เขาต้องทำคือตั้งใจทำตามคำสั่งของลูกพี่อย่างเคร่งครัด : “ผมทราบแล้วครับ จะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยวก่อน โรงพยาบาลตี้อีน่าจะมีบันทึกการตรวจ DNA ของเย่โป๋เหวินในตอนนั้น แกหาทางเอามันออกมาด้วย” ถังหลินเรียกเขาเอาไว้
หลายปีก่อน เย่โป๋เหวินกับเย่ซือฉุนเคยตรวจ DNA พิสูจน์ความเป็นบิดา เดิมที ตอนที่รับเอาเย่ซือฉุนเข้าบ้านตระกูลเย่ก็ได้ตรวจ DNA ไปแล้ว แต่ภายหลังไม่รู้ใครปล่อยข่าวว่าผลตรวจ DNA ตอนแรกเป็นของปลอม คุณปู่เย่มีนิสัยขี้ระแวง จึงได้ให้เย่โป๋เหวินกับเย่ซือฉุนทำการตรวจ DNA พิสูจน์ความเป็นบิดาอีกครั้ง
ตอนนั้นเข้าตรวจที่โรงพยาบาลตี้อี ทางโรงพยาบาลน่าจะสามารถหาข้อมูลได้
“ครับ” เสี่ยวหู่ตอบรับช้า ๆ คำหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเรื่องยิ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากขึ้นแล้ว เขามึนงงไปหมดแล้ว
“จากนั้นทำข้อมูลตรวจสอบ DNA ของคุณปู่เย่ขึ้นมาหนึ่งฉบับ ถ้าหากที่โรงพยาบาลตี้อีสามารถหาบันทึกข้อมูล DNA ของเย่โป๋เหวินได้ ก็ให้เปลี่ยนเป็นชื่อคุณปู่เย่ ถ้าหากหาข้อมูล DNA ของเย่โป๋เหวินในตอนนั้นไม่เจอ ก็เอาผลของคุณปู่เย่ฉบับนี้พิมพ์เข้าไปแทน และจำเป็นต้องใส่เป็นชื่อของเย่โป๋เหวิน”
ที่จริง เพียงแค่เอาผลตรวจ DNA ของจี้หซีเปลี่ยนเป็นชื่อเย่ซือเฉินก็ได้แล้ว แต่คุณหญิงจี้ไม่ได้ตรวจ DNA ของจี้หซี เพียงแต่ตรวจของเด็กคนนั้นเท่านั้น
เป็นเพราะปีนั้น พ่อของจี้หซีเสียชีวิต หลังจากนั้นคุณหญิงจี้ก็แอบตรวจ DNA ของจี้หซีกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ฉะนั้นคุณหญิงจี้จึงมีผลตรวจ DNA ของจี้หซีอยู่ในมือ
ครั้งนี้คุณหญิงจี้กลัวจี้หซีจะรู้เรื่องนี้ จึงไม่ได้ทำการตรวจ DNA ของจี้หซีอีก
เรื่องนี้จึงซับซ้อนมาก แต่ถึงจะยากแค่ไหนก็ไม่ยากเกินไปสำหรับถังหลินหรอก คนอย่างถังหลินไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เขารู้ดีว่า เอาผลตรวจของเด็กคนนั้นเปลี่ยนให้เป็นของเย่ซือเฉินไม่ยากนัก แต่จะทำให้คนอย่างคุณหญิงจี้เชื่อว่าเด็กเป็นลูกของเย่ซือเฉินนั้นยากยิ่งกว่า
เพราะเย่ซือเฉินไม่เคยตรวจ DNA มาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถหาข้อมูล DNA ของเย่ซือเฉินได้ ถ้าหากอยู่ ๆ ทำข้อมูลของเย่ซือเฉินขึ้นมาเฉย ๆ จะทำให้คนสงสัยได้
แต่เย่โป๋เหวินเคยตรวจ DNA มาก่อน ฉะนั้นถ้าหากหาผล DNA ของเย่โป๋เหวินเจอก็ถือว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล ไม่ทำให้คนสงสัย
ผล DNA ของพ่อและลูกชายกับหลานชายไม่ตรงกันแน่นอน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเอาผลของเย่โป๋เหวินเปลี่ยนเป็นผลของคุณปู่เย่
สุดท้าย คุณหญิงจี้ก็จะได้ผล DNA ของคุณปู่เวินกับเย่ซือเฉินไป และตรวจสอบได้ว่าเป็นปู่กับหลาน
แน่นอนว่าคุณหญิงคิดว่าผลนั้นเป็นของเย่โป๋เหวินกับเด็กคนนั้น และพิสูจน์ได้ว่าเด็กคนนั้นกับเย่โป๋เหวินเป็นปู่กับหลานกัน ฉะนั้น เด็กคนนั้นก็คือลูกของเย่ซือเฉินไปโดยปริยาย
สำหรับเย่ซือฉุนนั้น ปีนี้อายุไม่ถึงสิบเก้าปี ไม่มีทางที่จะมีลูกอายุขนาดนั้นได้หรอก
ครั้งนี้ เสี่ยวหู่ยิ่งมึนงงเข้าไปใหญ่ ได้แต่มองไปยังถังหลิน จนลืมตอบรับ
“ไปเถอะ” ถังหลินยกมือโบกให้เขาไปได้
เสี่ยวหู่ตั้งสติได้ ก็กระพริบตาไปมา จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าลูกพี่หมายความว่ายังไงกันแน่?
แต่ลูกพี่ออกคำสั่งมา เขาก็ได้แต่ทำตามคำสั่ง
เมื่อคิดถึงความเป็นพี่น้องของลูกพี่กับคุณชายสามเย่ ที่สนิทกันยิ่งกว่าพี่น้องแท้ ๆ เสียอีก ดังนั้นลูกพี่ไม่มีทางทำร้ายคุณชายสามเย่แน่นอน อาจจะเป็นเพราะคุณชายสามเย่มีเรื่องลำบากอะไร ลูกพี่ถึงได้คิดวิธีแก้ปัญหาให้คุณชายสามเย่
เมื่อคิดได้ถึงข้อนี้ เสี่ยวหู่ก็สบายใจขึ้นมา แล้วรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวหู่ไปที่โรงพยาบาลตี้อีก่อน ถังหลินแจ้งที่นั่นไว้แล้ว ฉะนั้นไปเอาเลือดของเย่ซือเฉินจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ส่วนผลตรวจ DNA นั้นก็ใช้ช่องทางพิเศษ สามารถรู้ผลภายใน 24 ชั่วโมง
ในโรงพยาบาลตี้อี ถังหลินสั่งการไว้แล้ว จึงไม่มีใครกล้าทำอะไรล่าช้า ตอนนี้รอเพียงผลตรวจ DNA ของเย่ซือเฉินออกมา จากนั้นค่อยเอาผลไปเปลี่ยน
คุณหญิงจี้ก็ใช้เส้นสายเช่นกัน จึงใช้เวลารอผลไม่นาน แต่ไม่มีทางเร็วกว่าที่โรงพยาบาลตี้อีแน่
