ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน – ตอนที่ 363 เธอแสดงความสามารถออกมาให้เห็น สร้างความตกใจให้กับทุกคน (4)

บทที่ 363 เธอแสดงความสามารถออกมาให้เห็น สร้างความตกใจให้กับทุกคน (4)

ท่านปู่ถังยิ้มเย้ยหยันในใจ สังคมไร้ซึ่งน้ำใจต่อกัน ชอบประจบสอพลอตอนมีอำนาจและเย็นชามากตอนหมดอำนาจ คำพูดของคนนั้นน่ากลัว โลกนี้ก็เป็นอย่างนี้มาตลอด อยู่ที่ว่าคุณจะอยู่ให้รอดอย่างไรในโลกที่เป็นแบบนี้!

จู่ๆท่านปู่ถังก็นึกถึงสถานการณ์ที่เวินลั่วฉิงถูกด่าเมื่อกี้ หัวใจของนังหนูคนนั้นทำให้คนนับถือจริงๆ คนทั่วไปทำไม่ได้แบบนั้นจริงๆ

ท่านปู่ถังยิ้มออกมา แล้วก็เดินเข้าไป

คนที่กำลังเล่นหมากรุกกับท่านปู่กู้ลุกยืนขึ้นในทันที ลุกให้ท่านปู่ถังนั่ง

เวลานี้บนใบหน้าของท่านปู่กู้มีความได้ใจที่ปกปิดเอาไว้ไม่อยู่ ยังคิดจะโอ้อวดอีกสองสามคำ แต่เห็นใบหน้าราบเรียบของท่านปู่ถัง และเริ่มวางหมากแล้ว ก็อดกลั้นเอาไว้

อีกด้านหนึ่ง ท่านย่าถังเดินตรงเข้าไปหาเวินลั่วฉิง

แต่ว่า ยังไม่ทันที่ท่านย่าถังจะเดินเข้าไป เวินลั่วฉิงก็ยกผลไม้ที่เลือกเสร็จแล้วเดินจากไป

ท่านย่าถังยืนอยู่กับที่ คิดว่าจู่ๆไปเรียกนังหนูคนนั้นไว้ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่

จากนั้นท่านย่าถังก็เห็นเวินลั่วฉิงยกผลไม้เอาไปวางไว้ตรงหน้าคุณย่าเย่ และยังเห็นเวินลั่วฉิงช่วยคุณย่าเย่จำแนกผลไม้อย่างระมัดระวัง

จู่ๆท่านย่าถังก็รู้สึกขวางหูขวางตาขึ้นมาเล็กน้อย เธอก็อยากกินผลไม้ที่นังหนูนั่นเลือกบ้างเหมือนกัน

อันที่จริงมีจุดหนึ่งที่ท่านย่าถังเข้าใจผิดไปจริงๆ ผลไม้ของเวินลั่วฉิงไม่ได้เอามาให้กับคุณย่าเย่ ที่เธอจำแนกประเภทของผลไม้ก็ไม่ใช่เพื่อคุณย่าเย่อยู่แล้ว มันเป็นเพียงนิสัยอย่างหนึ่งที่เธอเคยชินเท่านั้น

แต่ว่าเธอมาพร้อมกับคุณย่าเย่ และยังถูกคุณปู่เย่บอกว่าเป็นผู้ดูแลที่จ้างมาให้คุณย่าเย่ ดังนั้นเธอจึงต้องอยู่ข้างๆคุณย่าเย่อยู่แล้ว

หลังจากนั้น เวินลั่วฉิงก็นั่งเงียบอยู่ตรงหน้าคุณย่าเย่ตลอด เงียบมาก เงียบมากๆ ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ

ท่านย่าถังถูกคนนั้นคนนี้คอยทักทายอยู่ตลอด หาโอกาสที่จะไปคุยกับเวินลั่วฉิงไม่ได้เลย ดังนั้น แผนการที่จะหลอกหลานสะใภ้ไม่สามารถเริ่มต้นดำเนินการได้เลย

อารมณ์ของท่านย่าถังในตอนนี้หดหู่เป็นพิเศษ

“ฉันรู้ว่ายัยขี้เหร่คนนั้นเป็นใครแล้ว เธอก็คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเวินเวินลั่วฉิงคนนั้น” และในเวลานี้ กู้โร่วที่เพิ่งจะด่าเวินลั่วฉิงไปเมื่อกี้จู่ๆก็กระซิบขึ้นมาราวกับค้นพบโลกใบใหม่

แววตาของท่านย่าถังเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย คุณหนูใหญ่ตระกูลเวิน?

“คุณหนูใหญ่ตระกูลเวินทำไมถึงไปเป็นผู้ดูแล?” คุณหญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆกู้โร่วถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“ได้ยินมาว่าเดิมทีตระกูลเวินก็ใกล้จะล้มละลายแล้ว ต่อมาบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปก็เข้ามาลงทุนในตระกูลเวิน บางทีเวินลั่วฉิงอาจจะทำเพื่อเอาใจคุณย่าเย่ คุณหนูใหญ่อย่างเธอก็สู้ยิบตาจริงๆ” ตามมาด้วยคำพูดของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง คำพูดเหล่านั้นแฝงไปด้วยการมีความสุขบนความเดือดร้อนของคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด

“นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือเวินลั่วฉิงเป็นคนโง่คนหนึ่ง เป็นคนโง่จริงๆ ดังนั้นเมื่อกี้เราไม่ได้พูดผิดไป ก็เธอเป็นคนโง่” เมื่อกี้กู้โร่วถูกจางเย่วผิงตะคอกใส่ รู้สึกอึดอัดใจมาตลอด อยากไปหาเวินลั่วฉิงระบายความโกรธนี้อยู่ตลอด

“อืม ฉันก็เคยได้ยินมา คุณหนูใหญ่ตระกูลเวินคนนี้ไม่เพียงแต่ขี้เหร่ ยังเป็นคนโง่ด้วย ตอนนี้เห็นแล้วว่า ‘ชื่อเสียงสอดคล้องกับความเป็นจริง’ อย่างนั้นจริงๆ”

“ได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเวินคนนี้เพิ่งจะถูกรับกลับตระกูลเวินเมื่อหลายปีก่อนนี่เอง นี่ยังเสวยสุขไปได้ไม่กี่ปี ตระกูลเวินก็ล้มละลายแล้ว”

“ใช่ๆ ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน ได้ยินว่าในตอนนั้นคุณย่าเวินไม่เห็นด้วยที่จะให้แม่ของเธอเข้าตระกูลเวิน เวินจือฝางก็เป็นคนที่บูชาในความรักคนหนึ่ง เพื่อแม่ของเธอแล้วถึงกลับยอมออกจากตระกูลเวิน แต่น่าเสียดายไม่นานหลังจากนั้นเวินจือฝางก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ได้ยินว่าตั้งแต่เด็กเธอถูกคนรังแกมาโดยตลอด” ยังพอมีจิตใจดีอยู่เล็กน้อย ยังใจอ่อน ในที่สุดก็มีคำพูดที่ค่อนข้างตรงประเด็นออกมา

ท่านย่าถังได้ยินคำพูดนี้จู่ๆก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจ อย่าเห็นว่าตอนนี้เธอมีทัศนคติที่ดี สมัยก่อนเธอเคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน และยังเคยฆ่าตัวตายมาแล้ว เพราะลูกสาวสุดที่รักของเธอหายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน

ตอนนั้น เธอกังวลจนแทบบ้าจริงๆ เป็นบ้าไปแล้วจริงๆ

ในตอนนั้น ลูกสาวของเธออายุเพิ่งจะได้ห้าขวบ คนในตระกูลถังค้นหาทุกที่อย่างบ้าคลั่ง แต่ก็หาไม่เจอ

ตอนนี้สี่สิบกว่าปีผ่านไปแล้ว ก็ยังคงไม่มีข่าวเลยสักนิด

เธอรู้ว่าถังหลินยังไม่เคยยอมแพ้มาตลอด ยังหาอยู่ตลอด แต่ว่ามันผ่านไปสี่สิบกว่าปีแล้ว เธอไม่คาดหวัง(เพ้อฝัน)อีกแล้ว

และถังหลินก็ไม่เคยนำข่าวใดๆกลับมา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับก็ตาม แต่กลับต้องยอมรับความจริง

ท่านย่าถังนึกถึงลูกสาวที่ยังเด็กขนาดนั้นก็จากบ้านไปแล้วของเธอ ต้องได้รับความลำบากไม่น้อยแน่ๆ ดังนั้นในตอนนี้ได้ยินว่าเวินลั่วฉิงถูกคนรังแกตั้งแต่เด็ก ก็อดรู้สึกเอ็นดูสงสารไม่ได้

“ไอ๊หยา พี่ชายฉันออกมาแล้ว พี่ชายฉันฉลาดมาก ครั้งนี้ได้เป็นถึงแชมป์โลกเชียวนะ” กู้โร่วเห็นกู้ชิ่งซินเดินลงมาจากบันได ตะโกนโห่ร้องดีใจขึ้นมาทันที เสียงของเธอดังมาก ทุกคนในห้องได้ยินกันหมด

“ชิ่งซิน แกมาทางนี้” จู่ๆท่านปู่กู้ที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่กับท่านปู่ถังก็ตะโกนเรียกขึ้นมาคำหนึ่ง

ท่านปู่กู้กับท่านปู่ถังกำลังเล่นหมากรุกกันอยู่ เรียกกู้ชิ่งซินเข้าไปเวลานี้? เห็นได้ชัดว่าท่านปู่กู้มีจุดประสงค์อย่างอื่น

เวินลั่วฉิงเงยหน้าขึ้น เหลือบมองไปที่ท่านปู่ของตระกูลกู้ครู่หนึ่ง เลิกมุมคิ้วขึ้นเล็กน้อย ท่านปู่ของตระกูลกู้คนนี้ต้องการให้ท่านปู่ถังอับอายขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล!!

เพียงแต่ว่าท่านปู่ถังมีหรือยอมให้จะรังแกได้ง่ายๆ

เรื่องบางอย่าง ถึงแม้ท่านปู่ถังจะไม่พูด แต่ในใจกลับชัดเจนราวกับส่องกระจก เห็นว่าท่านปู่กู้เรียกกู้ชิ่งซิน ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย แอบยิ้มเย้ยหยันในใจ ท่านปู่กู้ใจร้อนมากพอจริงๆ

กู้เจิ้งฉุนยังไม่ทันได้ขึ้นเป็นหัวหน้า ท่านปู่กู้ก็อยากวางอุปสรรคให้เขาอย่างลับๆในทุกหนทุกแห่งแล้ว

ตอนที่เห็นว่ากู้ชิ่งซินใกล้จะเดินเข้ามาถึงตัวแล้ว จู่ๆท่านปู่ถังก็ยืนขึ้นมากะทันหัน นวดเอวด้วยมือข้างเดียว “อ้าย ไม่ยอมรับว่าแก่ไม่ได้แล้วจริงๆ นั่งไปแป๊บเดียวก็ปวดหลังแทบแย่ ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว เพื่อนยาก ฉันไม่สามารถเล่นต่อกับแกแล้ว”

เวินลั่วฉิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ท่านปู่ถังคนนี้น่ารักดี

“อย่าสิ ตานี้คุณชนะแล้วก็คิดจะหนีหรือ อย่างนั้นไม่ได้นะ” ท่านปู่กู้คำนวณเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องไม่อยากให้ท่านปู่ถังรอดพ้นไปได้แบบนี้อยู่แล้ว

“ท่านกู้ ผมมาเล่นกับคุณสองสามตา” เวลานี้จู่ๆคุณปู่เย่ก็เอ่ยปากพูดขึ้นมากะทันหัน ไม่รอให้ท่านปู่กู้เอ่ยปาก ก็นั่งลงไปในตำแหน่งที่ท่านปู่ถังนั่งเมื่อกี้โดยตรง

เป็นเพราะความสัมพันธ์ของถังหลินกับเย่ซือเฉิน ตระกูลเย่กับตระกูลถังค่อนข้างที่จะใกล้ชิดมาโดยตลอด

ตอนที่ท่านปู่ถังลุกยืนขึ้นมา คุณปู่เย่ก็เข้าใจความหมายของท่านปู่กู้ ฟังจากที่ท่านปู่กู้ไม่อยากเลิกรา เขาตั้งใจจะออกมารับดาบนี้แทนท่านปู่ถัง

คุณปู่เย่ก็รู้ว่าถ้าหากครั้งนี้กู้เจิ้งฉุนได้เป็นหัวหน้าตระกูลแล้ว ตระกูลถังจะต้องถูกกดขี่อย่างแน่นอน แต่ว่า ที่ตระกูลเย่พึ่งพาในตอนนี้คือซือเฉิน ด้วยความสัมพันธ์ของซือเฉินกับถังหลินแล้ว ไม่ว่าตระกูลถังจะถูกกดขี่อย่างไร ซือเฉินก็จะยืนอยู่ข้างตระกูลถังแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น

ในเมื่อตระกูลถังกับตระกูลเย่ถูกมัดเอาไว้ด้วยกัน เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ท่านปู่ถังอับอายขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลอยู่แล้ว

มีคำกล่าวที่ว่าอูฐที่ผอมตายยังตัวใหญ่กว่าม้า(ถึงจะตกต่ำแค่ไหนก็เคยยิ่งใหญ่มาก่อน) ถึงแม้ตระกูลถังจะถูกกดขี่อย่างไร ก็ยังไม่ใช่คนที่นักธุรกิจธรรมดาๆอย่างพวกเขาจะไปเทียบชั้นได้

ดังนั้น ต่อไปตระกูลเย่ยังต้องพึ่งพาตระกูลถัง เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้คุณปู่เย่วิเคราะห์ได้ละเอียดถี่ถ้วนที่สุดเสมอ

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset