บทที่481เขารู้เรื่องลูกสองคนแล้ว (5)
เนื่องจากว่าผลรายงานDNAชุดนี้มีข้อมูลตัวเลขบางส่วนที่เหมือนกันกับเขามาก
ไม่เพียงแค่ตัวเลขกลุ่มเดียว มีอีกสองสามกลุ่มที่เหมือนกันมากอีกด้วย
นี่คืออะไรกัน?
ระดับความเหมือนกันสูงขนาดนี้ เว้นเสียแต่ว่าจะมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด
รายงานผลวินิจฉัยฉบับนี้เป็นของเด็กคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ?
เด็กอายุประมาณห้าขวบ?
ดวงตาของถังหลินเป็นประกายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นก็รีบเปิดตู้เซฟ แล้วหยิบเอารายงานผลวินิจฉัยDNAของเวินลั่วฉิงออกมา
ถังหลินเอารายงานทั้งสองฉบับมาวางไว้ด้วยกัน และในขณะนั้นเองที่ร่างของเขานั้นแข็งทื่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…..
ดวงตาของถังหลินจ้องมองไปยังรายงานผลการตรวจDNAทั้งสองฉบับที่อยู่ตรงหน้า รายงานสองฉบับเดิมทีที่ไม่ควรจะมีความเกี่ยวข้องใดๆกันนั้น แต่ผลกลับ……
ถังหลินหายใจออกมาแรงๆ ดวงตาทั้งสองข้างนั้นอ่านรายงานสองฉบับนั้นอีกครั้งหนึ่ง มือที่เขากำรายงานฉบับนั้นของเวินลั่วฉิงสั่นอย่างเห็นชัด
“ลูกพี่ เจ็บแผลใช่ไหม? มือพี่กำลังสั่นอยู่นะ” เวลานี้เสี่ยวหู่กำลังยืนอยู่ตรงข้ามกับเขา เห็นมือที่กำลังสั่นเทาอย่างรุนแรงของเขาแล้วคิดว่าเขาเจ็บแผล
ถังหลินดูเหมือนกับไม่ได้ยินเสียงของเขา ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนองกลับมา เพียงแต่มุมปากของเขานั้นขยับขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม แล้วจู่ๆก็ส่งเสียงที่ฟังดูแปลกๆออกมาจากปากเขา
“ลูกพี่ เป็นอะไรน่ะ?” เสี่ยวหู่เห็นท่าทางเขาแล้วตกใจ ลูกพี่ดูเหมือนกับโดนของอย่างไรอย่างนั้น
และถังหลินถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา ค่อยๆเงยหน้าขึ้น แล้วมองเขาแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมา ดวงตาคู่นั้นแสดงถึงอารมณ์ที่แตกต่างออกไป
ผลวินิจฉัยDNAทั้งสองฉบับเหมือนกันถึง99.9% ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือ เด็กคนนี้กับเวินลั่วฉิงมีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน
ลูกของเวินลั่วฉิง?
จะเป็นลูกของเวินลั่วฉิงได้อย่างไร?
ทั้งๆที่ตอนแรกจี้หซีบอกว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเพื่อนแฟนเขา?
แต่ เห็นได้ชัดว่าจี้หซีก็ไม่รู้เช่นกันว่าพ่อแม่ของเด็กคือใคร
ดังนั้นเพื่อนแฟนของจี้หซีก็เป็นไปได้ที่จะเป็นเวินลั่วฉิง
เรื่องนี้ไม่ต้องไปสืบหาเลย เพราะผลวินิจฉัยทั้งสองฉบับนี้ได้อธิบายทุกอย่างไว้หมดแล้ว
นี่เป็นหลักฐานที่แน่ชัด
เด็กคนนั้นจะต้องเป็นลูกของเวินลั่วฉิงอย่างแน่นอน
ถ้าหากแม่ของเด็กเป็นเวินลั่วฉิงแล้ว เช่นนั้นพ่อของเด็กคือใครกัน?
ฉิงฉิงไม่ได้แต่งงาน ไม่สิ เธอเคยแต่งงานกับเย่ซือเฉิน แต่ก็เพิ่งจะแต่งเมื่อเร็วๆนี้ แต่เด็กนั่นโตขนาดนี้แล้ว
ดวงตาของถังหลินเป็นประกายขึ้นมาในทันที จู่ๆเขาก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
เรื่องที่โรงแรมหวนหยูเมื่อห้าปีก่อนเขารู้ เย่ซือเฉินบอกว่าฉิงฉิงก็คือผู้หญิงเมื่อห้าปีก่อนคนนั้น เพราะฉะนั้น…..
ถังหลินมองไปยังเสี่ยวหู่ แล้วจู่ๆก็เอ่ยถามขึ้นมา : “รายงานผลวินิจฉัยที่นายเอามาก่อนหน้านี้เป็นของเด็กคนนั้นใช่ไหม? อายุเท่าไหร่แล้ว?”
ตอนแรกนั้น ถังหลินไม่ได้สนใจจึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรให้มากความ และยิ่งไม่ได้ตรวจสอบให้ละเอียดอีกด้วย แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกันแล้ว ตอนนี้ในสถานการณ์นี้เขาจะต้องทำให้มั่นใจ
“ใช่ เด็กอายุห้าขวบกว่าแล้ว” เสี่ยวหู่เห็นท่าทางจริงจังของลูกพี่ตัวเองแล้ว จึงเน้นขึ้นมาเป็นพิเศษ : “นับตามอายุจีน”
มือของถังหลินสั่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ห้าขวบนับตามอายุจีน อายุจริงๆแล้วก็สี่ขวบกว่าๆ เวลาตรงกันพอดี
เพราะฉะนั้น เด็กคนนี้เป็นลูกของเวินลั่วฉิงกับเย่ซือเฉินอย่างนั้นหรือ?
ตอนแรกที่จี้หซีให้เขาเปลี่ยนผลตรวจ ก็เพื่อให้คุณหญิงจี้ไม่มาหาเรื่อง จึงเปลี่ยนเป็นของเย่ซือเฉิน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนั้นเดิมทีแล้วเป็นลูกของเย่ซือเฉิน
เย่ซือเฉินเป็นพ่อคนแล้วอย่างนั้นหรือ?
เย่ซือเฉินทำบุญมาดีอะไรขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะได้เป็นพ่อคนแบบนี้แล้ว
“ผลตรวจของคุณชายสามเย่มีเก็บไฟล์ไว้ไหม?” ถึงแม้ว่าถังหลินจะคาดเดาเรื่องราวความจริงได้แล้ว แต่เพื่อเป็นการรับประกันในสิ่งที่เห็น เขายังอยากจะเช็คให้แน่ใจเสียก่อน
ตอนนี้มีรายงานผลวินิจฉัยอยู่แล้ว เมื่อเห็นก็คงรู้แล้ว
“มี เดี๋ยวผมจะไปเอามาเดี๋ยวนี้เลย” ถึงแม้ว่าเสี่ยวหู่จะไม่รู้ว่าลูกพี่ของตัวเองนั้นต้องการจะทำอะไร แต่กลับไม่กล้าทำให้เสียเวลา
“นายติดต่อหมอให้หน่อย ให้เขาส่งมาให้ฉันฉบับนึง เดี๋ยวนี้เลย” แต่เห็นได้ชัดว่าถังหลินรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เขาอยากจะรีบรู้คำตอบแล้ว
“ได้” เสี่ยวหู่ตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นลูกพี่ดูร้อนใจขนาดนี้
หลังจากที่เสี่ยวหู่ออกไปแล้วนั้น อารมณ์ของถังหลินนั้นกลับยังคงไม่สามารถสงบลงได้ เขารู้ ไม่ว่าเด็กจะเป็นลูกของเย่ซือเฉินหรือไม่นั้น แต่ตอนนี้มีอยู่สิ่งหนึ่งที่สามารถแน่ใจได้
นั่นก็คือเด็กคนนั้นเป็นลูกของเวินลั่วฉิง ของตระกูลถังของพวกเขา!!
คิดไม่ถึงเลยว่าหาตัวฉิงฉิงกลับมาได้แล้ว จะยังมีเด็กน้อยคนหนึ่งอีกด้วย
นี่ถ้าหากคนสูงอายุที่บ้านสองคนนั้นรู้เข้าไม่รู้ว่าจะดีใจขนาดไหนกัน
อีกอย่างทั้งสองคนคิดอยากที่จะอุ้มหลานมาโดยตลอดอีกด้วย นี่เองก็นับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้พวกเขาสมปรารถนาขึ้นมาได้ในที่สุด
ถังหลินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วรีบกดโทรออกอย่างรวดเร็ว
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่สองครั้ง ทางฝ่ายนั้นจึงกดรับสาย : “พี่ใหญ่ โทรหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
ตอนที่จี้หซีเอ่ยถามขึ้นมานั้น น้ำเสียงดูมีความสงสัยมากอีกด้วย เขาคิดว่าที่ตระกูลถังเกิดเรื่องอะไรขึ้นเสียอีก
“เด็กคนที่ตรวจDNAในครั้งที่แล้วคนนั้นล่ะ?” ตอนนี้ถังหลินอยากจะรีบเจอเด็กคนนั้นเร็วๆ นั่นเป็นถึงคนของตระกูลถังเชียวนะ
เป็นคนของตระกูลถัง เป็นหลานชายแท้ๆของเขา เขาเป็นคุณอาแล้ว!!
“เด็ก? พี่ใหญ่ พี่หมายถึงถังจื่อโม่ใช่ไหม?” การพลิกแพลงครั้งใหญ่นี้ ทำให้ในตอนแรกจี้หซีรู้สึกตามไม่ทันไปอยู่บ้าง
“ถังจื่อโม่? นายหมายถึงว่าเด็กคนนั้นแซ่ถังอย่างนั้นหรือ?”ทันใดนั้นเองดวงตาของถังหลินนั้นก็ได้เบิกกว้างขึ้นมา มุมปากอดที่จะยกขึ้นมาไม่ได้ ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะแซ่ถัง?
ตอนนั้นฉิงฉิงจะต้องไม่รู้อย่างแน่นอนว่าพ่อแท้ๆของเด็กเป็นใคร จึงให้เด็กใช้แซ่ถัง ใช้แซ่ตามแม่ของฉิงฉิง ใช้แซ่ตามพวกเขาตระกูลถัง
ถ้าหากคนสูงอายุที่บ้านของเขารู้เข้า คาดว่าจะต้องดีใจเสียจนนอนไม่หลับสามวันสามคืนเลยเสียด้วย
“ใช่ แซ่ถัง อีกทั้งจื่อโม่ยังมีน้องสาวฝาแฝดอีกคนด้วยนะ ชื่อว่าถังจื่อซี พี่ใหญ่ ผมจะบอกให้นะพี่ เด็กๆสองคนนี้น่ารักมากจริงๆ สวยด้วย ใครๆเห็นก็ชอบ ทั้งน่ารักทั้งฉลาด…….” จี้หซีเอ่ยถึงเด็กสองคนนี้แล้วใบหน้าของเขาเองก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาอย่างเห็นได้ชัดด้วยเช่นกัน
มือที่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่นั้นสั่นขึ้นมาเบาๆ ฝาแฝดอย่างนั้นหรือ?
ให้ตายเถอะ เย่ซือเฉินนี่ชาติที่แล้วช่วยดาราจักรให้พ้นจากอันตรายหรืออย่างไรกัน? ไม่คิดว่าเขาจะได้ลูกแฝดชายหญิงแบบนี้
ได้ยินจี้หซีเอ่ยชมเด็กๆสองคนนี้แล้ว ตอนนี้เขาแทบอยากจะติดปีกบินไปหาเด็กสองคนนั้นเลยเสียด้วยซ้ำ
“พี่ใหญ่ ทำไมจู่ๆพี่ถึงพูดถึงเรื่องของเด็กๆล่ะ?” จี้หซีคิดว่าพี่ใหญ่ของเขานั้นค่อนข้างยุ่ง จู่ๆก็โทรมาถามเรื่องเด็กๆ เรื่องนี้ดูจะแปลกไปอยู่บ้าง
“ตอนนี้เด็กอยู่ที่ไหน? ยังอยู่กับผู้หญิงของนายไหม?” เวลานี้ถังหลินอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้
“เปล่า เด็กกลับไปตั้งนานแล้ว” ถึงแม้ว่าจี้หซีจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยังคนตอบออกไปตามความจริง
“ไปแล้ว? ไปไหน?” ถังหลินรู้สึกอึ้งไป ทำไมถึงไปแล้ว?
“กลับไปเมื่อเดือนก่อนแล้ว กลับไปอยู่กับพ่อแม่ของเขาน่ะ พ่อแม่ของเขาเหมือนกับว่าจะอยู่ที่ประเทศMนะ ผมเห็นตอนที่แฟนผมโทรศัพท์หาเด็กๆ เห็นว่าเป็นเบอร์ของประเทศM” เนื่องจากว่าเห่อถงถงเคยบอกเอาไว้ว่าไม่ให้เขาถามเรื่องของเด็กสองคนนี้ ดังนั้นจี้หซีจึงรู้อะไรไม่มากเท่าไรนัก
ถังหลินขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายบางๆขึ้นมา เรื่องนี้สามารถเชื่อมโยงกันได้แล้ว
