ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน – ตอนที่ 488 รับเด็กสองคนกลับบ้าน (1)

บทที่488 รับเด็กสองคนกลับบ้าน (1)

“ตอนนี้ในมือพ่อของฉันมีคดีอยู่คดีนึง จัดการยากมาก ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ” ครั้งนี้ถังหลินเอ่ยพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา : “เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับตระกูลถัง……”

“โอเคค่ะ ฉันรับปากคุณ” เวินลั่วฉิงไม่รอให้ถังหลินพูดจบ แต่รับปากเลยทันที

ในเมื่อแม่เป็นคนของตระกูลถัง เรื่องของตระกูลถัง หากเธอสามารถทำได้เธอย่อมที่จะต้องช่วยอย่างแน่นอนอยู่แล้ว

ถังหลินอึ้งไป ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายอย่างรวดเร็ว เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะต้องเสียเวลาในการพูดนานกว่านี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะตอบรับอย่างรวดเร็วขนาดนี้ จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าเรื่องเหล่านั้นที่เขาทำก่อนหน้านี้ดูจะเกินความจำเป็นไปอยู่บ้าง

“ครั้งนี้เป็นศูนย์กลางภายในแปดสุดยอดวงศ์ตระกูล เพราะฉะนั้นจะดำเนินการได้ไม่ค่อยสะดวกนัก ก่อนจะไขคดี เธออาจจะต้องอยู่ที่นั่นตลอดนะ” ถังหลินรู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องก็จำเป็นที่จะต้องพูดกับเธอให้ชัดเจนก่อน

เธอมีเรื่องอะไรที่จะต้องจัดการ ก็สามารถจัดการก่อนล่วงหน้าได้

“อืม ฉันรู้ค่ะ” คดีก่อนหน้านี้ที่เธอเคยรับ บางครั้งก็จำเป็นจะต้องปิดกั้นอย่างมิดชิด อย่าว่าแต่ไม่สามารถออกไปไหนได้เลย แม้แต่จะติดต่อกับภายนอกยังถูกตัดขาดการติดต่อเลยเสียด้วยซ้ำ

ดังนั้น ตรงจุดนี้ เวินลั่วฉิงไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร

แต่จู่ๆเวินลั่วฉิงก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา คิดไปถึงคำพูดของเย่ซือเฉินที่พูดกับเธอเมื่อคืนนี้

อย่าทำให้เขาต้องหาตัวไม่เจอ

ถ้าหากเธอต้องไปที่ศูนย์กลางภายในแปดสุดยอดวงศ์ตระกูล ในช่วงไขคดีก็จะไม่สามารถกลับมาได้ เย่ซือเฉินอาจจะไม่ได้เจอเธอเลย

“ต้องไปเมื่อไหร่คะ?” เวินลั่วฉิงเอ่ยถามขึ้น

“ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี อีกไม่กี่วันแล้ว แล้วอีกอย่างคนของตระกูลกู้ก็ก่อความวุ่นวายอยู่ตลอดอีกด้วย เธอไปครั้งนี้ ทางที่ดีที่สุดคือตอนแรกยังไม่ต้องเปิดเผยสถานะ แบบนี้จะได้เป็นประโยชน์ในการตรวจสอบของเธอด้วย” ใบหน้าของถังหลินจริงจังและหนักแน่นขึ้นมา : “เธอจัดการเรื่องที่อยู่ในมือก่อน จัดการเสร็จแล้ว ฉันจะส่งเธอไป”

เห็นความจริงจังและหนักแน่นบนใบหน้าของถังหลินแล้ว เวินลั่วฉิงก็รู้เลยว่าเรื่องนี้คงจะมาถึงจุดที่จวนเจียนแล้ว

ความร้ายกาจของคนตระกูลกู้ ในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้เธอเคยเจอมาแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้คงจะมีความยากมากอย่างแน่นอน

“ฉันสามารถออกเดินทางได้ทันที แต่คุณจะต้องให้คนดูแลคุณปู่ของฉันให้ดีๆนะคะ” ครั้งนี้เวินลั่วฉิงกลับมาก็เพื่อคุณปู่ ดังนั้นเธอจึงไม่วางใจในสภาพร่างกายของคุณปู่

“ได้” ถังหลินคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะออกเดินทางได้ในทันที อีกทั้งเธอเพียงแค่กำชับเรื่องของคุณปู่เท่านั้น ทางเย่ซือเฉินทางนั้นเธอจะไม่กำชับอะไรสักนิดเลยอย่างนั้นหรือ?

แต่ครั้งนี้ ถังหลินไม่ได้พูดอะไรออกมา เด็กคนนี้จะทำอะไรเธอมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นคอยเตือนอะไร

ความจริงแล้วที่เขาเพิ่งจะเอ่ยเตือนเธอไปนั่นก็เพียงพอแล้ว

จากนั้น เวินลั่วฉิงก็โทรหาคุณปู่เวิน บอกว่ามีธุระจะต้องไปจัดการสามสี่วัน

วางสายแล้วนั้น เวินลั่วฉิงจับโทรศัพท์มือถือเอาไว้ คิดแล้วหลังจากนั้นก็พิมพ์ข้อความฉบับหนึ่งส่งออกไป

ข้อความนั้นเธอส่งไปให้กับเย่ซือเฉิน

อีกทางด้านหนึ่ง เย่ซือเฉินได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังแล้วนั้น ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ตอนที่เห็นว่าเป็นข้อความจากเวินลั่วฉิงแล้ว ก็ตะลึงงันไปเล็กน้อย

ข้อความของเวินลั่วฉิงมีเนื้อหาง่ายๆว่า—‘ฉันมีธุระ จำเป็นต้องไปจากที่นี่สักสามสี่วัน’

เย่ซือเฉินคิดว่าเธอจะไปจากที่นี่แล้วในใจก็รู้สึกไม่พอใจ แต่เธอส่งข้อความมาอธิบายสถานการณ์กับเขาเองแบบนี้ ก็ทำให้ในใจเขามีความรู้สึกที่ต่างออกไป

“ไปไหน?” เดิมทีเย่ซือเฉินกดโทรออกไปหาเธอ แต่สายที่โทรออกได้เพียงแค่ครึ่งเดียวก็หยุดลง หลังจากนั้นเขาจึงพิมพ์ข้อความส่งไปฉบับหนึ่ง

ตอนที่เวินลั่วฉิงได้รับข้อความจากเย่ซือเฉินนั้นก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เธอคิดว่านิสัยอย่างเขาจะโทรมาถามเธอเสียอีก

“มีคดีนึง สถานที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะฉะนั้นระหว่างนั้นไม่สะดวกที่จะออกมาข้างนอกค่ะ” เวินลั่วฉิงพิมพ์ข้อความส่งไปอีกครั้งหนึ่งโดยที่ครั้งนี้อธิบายค่อนข้างละเอียด

เย่ซือเฉินอ่านข้อความของเธอ มุมปากยกขึ้นมาเล็กน้อย เธออธิบายกับเขาได้อย่างละเอียดขนาดนี้ นั่นแสดงว่าในใจของเธอเขาเองก็สำคัญเหมือนกันใช่ไหม

“ผมคิดถึงคุณขึ้นมาจะทำยังไงล่ะครับ?” เย่ซือเฉินส่งข้อความฉบับหนึ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว

“แค่ก…….” ตอนที่ได้อ่านข้อความจากเย่ซือเฉินแล้ว เวินลั่วฉิงสำลักน้ำลายตัวเองขึ้นมา

ปฏิกิริยาแรกของเธอคือนึกถึงเรื่องที่เย่ซือเฉินทำซ้ำๆกับเธอทุกคืน นึกถึงคำพูดของเขา แต่ก็เป็นเรื่องแบบนั้น

เวลานี้ เวินลั่วฉิงก็รู้สึกเคืองอยู่บ้าง ดังนั้นจึงไม่อยากจะสนใจเขาอีก เธอรู้สึกว่าเธอบ้าไปแล้ว ถึงได้เป็นฝ่ายรายงานสถานที่จะเดินทางของตัวเองไปแบบนี้

แต่จู่ๆเธอก็นึกถึงคำพูดที่ถังหลินพูดกับเธอก่อนหน้านี้ นึกถึงที่ถังหลินบอกว่าเรื่องเหล่านั้นที่เขาทำลงไปก็เพื่อหาเธอให้เจอ

คุณชายสามเย่บ้าระห่ำขึ้นมาต่อให้เป็นเรื่องอะไรเขาก็สามารถทำได้ทั้งนั้น ครั้งนี้เขาคงจะไม่ทำอะไรมั่วๆอีกใช่ไหม?

“คุณอย่ามั่วสิ” ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วหลังจากนั้นก็พิมพ์ข้อความส่งไปอีกครั้ง

ข้อความที่เย่ซือเฉินส่งไปนั้นมาจากใจจริง เขาคิดถึงเธอจริงๆ แต่เขาก็รู้ว่านิสัยอย่างเธอ เห็นข้อความแบบนั้นของเขาแล้วจะต้องไม่ตอบเขาอย่างแน่นอน

แต่เย่ซือเฉินคิดไม่ถึงเลย ว่าจะได้รับข้อความจากเธออีก อีกทั้งเนื้อหาในข้อความนี้……

อย่ามั่วสิ? เดิมทีแล้วคำว่าอย่าแบบนี้เป็นคำที่ดูแข็งกร้าว แต่เย่ซือเฉินกลับรู้สึกว่าน้ำเสียงของเธอในเวลานี้ดูมีความออดอ้อนและนุ่มนวลน่ารักเสียอย่างนั้น

คำพูดนี้ ใช้กับคู่รัก ก็จะให้ความรู้สึกที่ดูเป็นการจีบกันอยู่นั่นเอง

เย่ซือเฉินอ่านข้อความฉบับนี้ มุมปากยกขึ้นโดยไม่ขยับ ทำไมเขารู้สึกว่าภรรยาของเขานั้นราวกับว่าจู่ๆก็เริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว

“ครับ ผมจะรอคุณกลับมานะ” ตอนที่เย่ซือเฉินส่งข้ความฉบับนี้นั้น รอยยิ้มบนใบหน้าหน้าแทบจะล้นออกมาอยู่แล้ว

“ใช่สิ ถังหลินหาคุณแล้วหรือยัง?” หลังจากนั้นเย่ซือเฉินก็ส่งข้อความมาอีกหนึ่งฉบับ โดยครั้งนี้ส่งไปอย่างรวดเร็ว

“อือ?” เวินลั่วฉิงชะงักไป แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังถังหลิน หลังจากนั้นก็ตอบกลับไปอย่างคลุมเครือ

“ผมจะบอกคุณว่า ถ้าหากถังหลินจะหาคุณล่ะก็ คุณอย่าไปสนใจเขานะ ถังหลินเป็นพวกคนเจ้าเล่ห์ เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมาก แล้วก็ร้ายกาจมากด้วย” เย่ซือเฉินนึงถึงก่อนหน้านี้ที่ถังหลินโทรหาเขาแล้วในใจรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก ต้องบอกว่าเย่ซือเฉินในตอนนี้มีความคิดเหมือนเด็กมาก อีกทั้งยังเหมือนเด็กมากเป็นพิเศษอีกด้วย

เวินลั่วฉิงเห็นข้อความที่เขาส่งมา มุมปากของเธออดที่จะกระตุกขึ้นมาไม่ได้

คุณชายสามเย่นับวันยิ่งร้ายกาจมากขึ้นไปทุกทีแล้ว พูดลับหลังคนอื่นในทางที่ไม่ดีแบบนี้ยิ่งดูลื่นไหลไปกว่าเดิมอีก

แต่ตอนนี้เธออยู่กับถังหลิน อีกทั้งดูเหมือนว่าถังหลินจะเป็นพี่ชายของเธออีกด้วย เรื่องนี้ก็……

“ส่งข้อความหาใครน่ะ ถึงได้ดูตื่นเต้นขนาดนี้?” มุมปากของถังหลินนั้นมีรอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นมา ความจริงแล้วเมื่อครู่นี้เขาเห็นเบอร์โทรที่เธอใส่ลงไปนั้น นั่นก็คือเบอร์ของเย่ซือเฉินนั่นเอง

นี่เธอกำลังรายงานสถานที่ในการเดินทางของเธอกับเย่ซือเฉินอย่างนั้นหรือ?

และที่ยิ่งทำให้ถังหลินรู้สึกประหลาดใจก็คือ เย่ซือเฉินไม่ได้โทรมาหาเธอโดยตรงแต่กลับส่งข้อความไปมากับเธออีก

ปกติแล้วเย่ซือเฉินไม่เคยส่งข้อความมาก่อนเลย นี่พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วอย่างนั้นหรือ?!

ความจริงแล้วเขาเองก็ไม่ชอบส่งข้อความเช่นกัน การส่งข้อความนั้นเป็นการเสียเวลา และอีกทางฝ่ายหนึ่งนั้นอาจจะไม่เห็นอีกด้วย ทำให้ล่าช้ามากขึ้น

ระหว่างที่ถังหลินเอ่ยพูดขึ้นมานั้น ดวงตาคู่นั้นก็มองไปด้วย……..

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset