ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน – ตอนที่ 714 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (4)

บทที่ 714 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (4)

เวินลั่วฉิงหดหู่ใจเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกน่าขันบ้าง เธอกะพริบตาปริบๆ เตรียมเอ่ยปากพูดอีกครั้ง

เธอกำลังคิดว่าหรือจะบอกเขาไปเลย?ดูท่าทางเขาแล้วคงทายไม่ถูก!!

และในเวลานี้ มือถือของเวินลั่วฉิงก็ดังขึ้น

เวินลั่วฉิงเอามือถือออกมาก็เห็นเป็นเบอร์โทรศัพท์บ้านของตระกูลถัง เธอรีบรับสาย คำพูดเมื่อสักครู่จึงขาดตอนเช่นนี้

คุณชายสามเย่คิดว่าเมื่อกี้เธอไม่อยากไปจดทะเบียนสมรสกับเขา จึงกำลังหาข้ออ้างอยู่ ดังนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้ไล่ถามอะไร

“ฉิงฉิง โรคหัวใจของคุณปู่เวินกำเริบ หนูรีบกลับมาเร็ว ไม่ หนูไม่ต้องกลับบ้าน ไปโรงพยาบาลทีเดียวเลย”เมื่อรับสาย เสียงท่านย่าถังก็ส่งผ่านมา

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”เวินลั่วฉิงตกใจ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตอนเธอออกมาคุณปู่ยังดีๆอยู่เลย ทำไมโรคหัวใจถึงกำเริบได้กะทันหัน?

สาเหตุที่ทำให้คุณปู่เวินอาการกำเริบมีความเป็นไปได้แค่ทางเดียว คุณปู่รู้เรื่องเวินหรวนหรวนแล้วกระทบกระเทือนจิตใจ

ทว่าเธอกำชับทุกอย่างไว้แล้วนี่นา!!

“ก่อนหน้านี้หนูโทรมาบอกพวกเราว่า อย่าให้คุณปู่เวินอ่านข่าวเวินหรวนหรวนกับข่าววางแผนลักพาตัวของหลี่หยุน ดังนั้น พวกเราเลยให้เด็กๆอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอด เขาก็ไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่น ตอนแรกก็ดีๆอยู่ แต่เมื่อกี้คุณปู่เวินมีสายเข้า ซึ่งเวินจีหยันเป็นคนโทรมา พวกเราไม่รู้ว่าเวินจีหยันพูดอะไรกับเขา เขายังไม่ทันคุยโทรศัพท์เสร็จก็เป็นลมกะทันหัน”น้ำเสียงของท่านย่าถังทั้งร้อนใจและเป็นห่วง“พวกเราโทรหาเบอร์ฉุกเฉิน ทางโรงพยาบาลน่าจะใกล้มาถึงแล้ว”

เวินลั่วฉิงถอนหายใจแรงๆ เธออุตส่าห์ตั้งการ์ดป้องกันหลายตลบ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเวินจีหยันจะโทรหาคุณปู่เวิน

เวินจีหยันโทรไปคงคุยเรื่องเกี่ยวกับเวินหรวนหรวน จนกระทบจิตใจของคุณปู่เวิน ไม่เช่นนั้นคุณปู่เวินคงไม่เป็นลมกะทันหันหรอก

เวินจีหยันรู้ว่าคุณปู่เวินมีโรคหัวใจ แถมยังรุนแรงด้วย แต่เขากลับโทรบอกเรื่องพวกนั้นกับคุณปู่เวิน เขาเป็นลูกชายแสนดีจริงๆ

“คุณยายอย่าพึ่งร้อนใจค่ะ หนูจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”ตอนนี้เวินลั่วฉิงก็ไม่รู้ว่าอาการของคุณปู่เป็นอย่างไรบ้าง มีเพียงรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วนถึงจะรู้ได้

ท่านย่าถังบอกชื่อโรงพยาบาลที่ส่งตัวคุณปู่เวินไป หลังเวินลั่วฉิงวางสายก็ให้เลขาหลิวเปลี่ยนเส้นทางรถ เร่งไปที่โรงพยาบาล

คาดว่าเธอไปถึงโรงพยาบาล รถฉุกเฉินก็คงเกือบส่งตัวคุณปู่เวินไปถึงโรงพยาบาลด้วยเช่นกัน

“โรคหัวใจคุณปู่กำเริบ เป็นลมแล้ว”บัดนี้เวินลั่วฉิงรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นพิเศษ ปกติอาการของคุณปู่ก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ให้กระทบกระเทือนจิตใจไม่ได้เด็ดขาด เธอกลัว เธอกลัวจริงๆว่าคุณปู่จะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไรหรอก”เย่ซืเฉินกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแน่นๆ เย่ซือเฉินรีบเอามือถือออกมาติดต่อไปหาคุณหมอ

แต่เรื่องนี้กระชั้นชิดเกิน ทำให้ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย

คุณหมอที่เขาติดต่อไปก็มาช่วยไม่ได้ ซึ่งเขาติดต่อไปหาหมอสองคน คนหนึ่งกำลังผ่าตัดอยู่ ส่วนอีกคนไปต่างเมือง

ตอนที่เวินลั่วฉิงไปถึงห้องฉุกเฉิน ท่านปู่ถังกับเฟิ่งเหมียวเหมียวก็รออยู่ที่นอกประตูห้องฉุกเฉินแล้ว

“ฉิงฉิง หนูมาแล้วเหรอ”เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นเวินลั่วฉิงก็โล่งอกเล็กน้อย“เร็ว หนูตามป้าไปเซ็นชื่อ คุณหมอบอกว่าต้องเข้ารักษาตัวอย่างเร่งด่วน ต้องผ่าตัด”

การผ่าตัดลักษณะนี้ต้องให้คนในครอบครัวเซ็นชื่อ แน่นอน หากเวินลั่วฉิงมาไม่ทัน ท่านปู่ถังก็เตรียมจะเซ็นชื่อแทนเวินลั่วฉิงแล้วเพราะช่วยคนสำคัญที่สุด

“อาการคุณปู่ของฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”เวินลั่วฉิงเซ็นชื่อเสร็จ เธอก็ถามคุณหมอด้วยเสียงสั่นระริก

“อาการค่อนข้างแย่ ต้องรีบรักษาโดยด่วน ญาติๆรออยู่ด้านนอกนะครับ”คุณหมอมองเธอแวบหนึ่ง รีบอธิบายหนึ่งประโยค จากนั้นก็รีบหันหลังจากไป

ตอนนี้แพทย์ประจำตัวของคุณปู่เวินก็ผ่าตัดให้ผู้ป่วยรายอื่นอยู่ ฉะนั้นตอนนี้การรักษาที่เร่งด่วนตกเป็นหน้าที่ของหมอที่ประจำห้องฉุกเฉิน

ตอนที่เวินลั่วฉิงเห็นคุณปู่เวินถูกผลักเข้าห้องฉุกเฉิน เธอก็รู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง

เวลานี้คุณชายสามเย่กอดเธอไว้โดยไม่พูดอะไร เพราะเขารู้ว่าถึงบอกว่าคุณปู่เวินไม่เป็นอะไรหรอก แต่ก็ปลอบใจเธอไม่ได้อยู่ดี

ดังนั้น คุณจึงกอดเธอเงียบๆ รอคอยอยู่อย่างนั้น!

เวลาค่อยๆผ่านพ้นไป เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าตัวเองยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้น รู้สึกยิ่งทุกข์ทรมานเพิ่มขึ้น

เวลาล่วงเลยไปประมาณสองชั่วโมง ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกเสียที

เวินลั่วฉิงรีบเดินเข้าไป จ้องมองคุณหมออย่างใจจดใจจ่อ

คุณหมอมองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัวช้าๆ“พวกเราผ่าตัดเพื่อรักษาชีวิตอย่างเร่งด่วนแล้ว ซึ่งการผ่าตัดถือว่าราบรื่น แต่สุขภาพ

คนป่วยค่อนข้างแย่ ไม่ได้ฟื้นขึ้นมา หากดูจากอาการของคนป่วยคนนี้คงฟื้นขึ้นมายากครับ”

ฟังถึงประโยคนี้ เวินลั่วฉิงก็รับไม่ไหวอีกต่อไป แข้งขาของเธออ่อนแรง ร่างกายจะทรุดลง คุณชายสามเย่ก็รีบเข้ามาอุ้มเธอไว้ในอ้อนแขนอย่างทันท่วงที

เวินลั่วฉิงพิงอยู่ในอ้อนกอดของเย่ซือเฉิน รู้สึกหัวใจเจ็บแปลบเป็นระลอก ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้?ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้?

ตอนเธอออกมาคุณปู่ยังดีๆอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึง……

กะทันหันมาก กะทันหันจนทำให้เวินลั่วฉิงยอมรับไม่ได้

“ฉิงฉิง คุณอย่าเสียใจมากเลย พวกเราหาวิธีอื่นดู ต้องช่วยให้คุณปู่เวินฟื้นได้แน่นอน”เฟิ่งเหมียวเหมียวก็เสียใจ แต่สถานการณ์อย่างนี้เป็นใครก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถึงคำปลอบใจนั้นไร้ประโยชน์ แต่ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ก็มีความหวังที่จะฟื้นขึ้นมาได้

ท่านปู่ถังถอนหายใจเบาๆ เมื่อสักครู่ยังพูดคุยกับเขาด้วยเสียงหัวเราะอยู่เลย ทำไมจู่ๆก็เป็นลมเป็นแล้ง และอาจไม่ฟื้นตลอดกาล กระทั่งเขายังยอมรับไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉิงฉิงเลย

ท่านปู่ถังนึกถึงก่อนหน้านี้คุณปู่เวินได้รับสายโทรศัพท์ สีหน้าก็เคร่งขรึมหลายส่วน

หากจะเค้นหาความผิดให้ได้ เวินจีหยันคือตัวการก่อกรรมทำชั่ว อีกทั้งยังเรียกว่าเป็นผู้ร้ายฆาตกรได้เลย

“อย่ากังวลไปเลย ผมจะลองคิดหาวิธีดู”คุณชายสามเย่เห็นท่าทางของเธอก็รู้สึกสงสารจับใจ เขาก็รู้ดีว่าสุขภาพร่างกายของคุณปู่เวิน เข้ารักษาการผ่าตัดแล้วก็ยังไม่ฟื้น ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะช่วยให้ฟื้นขึ้นมานั้นมีความหวังแค่ริบหรี่ แม้จะริบหรี่เพียงใด เพื่อเธอแล้ว เขาก็ต้องคิดหาวิธีให้จนได้

“สถานการณ์บ้านตระกูลเวินขณะนี้ ยังต้องแจ้งบอกสมาชิกในครอบครัวตระกูลเวินอีกไหม?”เฟิ่งเหมียวเหมียวคิดแล้วก็อดถามไม่ได้

เพราะสถานการณ์ตอนนี้ คุณปู่เวินอาจจากไปได้ทุกเมื่อ ตามหลักแล้วควรแจ้งบอกคนในบ้านตระกูลเวินคนอื่นๆอีกด้วย แต่สถานการณ์ปัจจุบันในตระกูลเวินตอนนี้……

“บอกเวินจีหยันให้เขามาค่ะ”ดวงตาเวินลั่วฉิงหรี่ขึ้น ลุกขึ้นกะทันหัน วินาทีนั้นดวงตาของเธอมีไอสัหารพาดผ่าน

“ฉิงฉิง หนูคิดจะทำอะไร?”เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นท่าทางของเวินลั่วฉิงก็อดตกใจจนสูดลมหายใจไม่ได้ ฉิงฉิงไม่ใช่อยากจะฆ่าเวินจีหยันหรอกนะ?

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset