ซึ่งเวลานี้นี่เอง ด้านนอกก็ส่งเสียงวุ่นวายเข้ามากะทันหัน
โรงแรมเก็บเสียงได้ดี สามารถได้ยินเสียงวุ่นวายด้านนอก แสดงว่าเสียงเคลื่อนไหวด้านนอกดังมาเลยทีเดียว
คุณชายสามเย่กับเวินลั่วฉิงสบตากัน ทั้งสองรีบเดินไปยังประตู แต่ไม่ได้เปิดออก แค่แนบประตูฟังเสียงเคลื่อนไหวด้านนอก
“พวกคุณจะทำอะไร？พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาจับตัวพวกฉัน？”ด้านนอกมีเสียงของไป๋หยูหนิง ซึ่งฟังออกอย่างชัดเจน และระดับเสียงของไป๋หยูหนิงก็ดังมากด้วย
เวินลั่วฉิงรู้ว่าไป๋หยูหนิงกำลังเตือนเธอกับเย่ซือเฉินอยู่
ไป๋หยูหนิงกลัวว่าเธอกับเย่ซือเฉินจะออกไป เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง หากสื่อรู้ว่าเธอกับไป๋หยูหนิงพักในโรงแรมเดียวกัน งั้นคำพูดของไป๋หยูหนิงพรุ่งนี้คงต้องเกิดข้อสงสัยอย่างแน่นอน
เย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงเข้าใจความคิดของไป๋หยูหนิง ทั้งสองจึงยืนอยู่ด้านในห้องอย่างไม่เคลื่อนไหว
“อะไรนะ？แจ้งพวกเราทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายเหรอ？หลักฐานล่ะ？คุณตำรวจไม่มีหลักฐานก็จับคนไปเรื่อยเหรอ？”เสียงดังกึกก้องของไป๋หยูหนิงส่งมาอีกครั้ง ครั้งนี้ก็จงใจพูดเสียงดังอย่างเห็นได้ชัด
เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของไป๋หยูหนิง มุมปากพลันเผยรอยยิ้มเย็นออกมา อีกฝ่ายช่างรู้จักดิ้นรนเสียจริง
อีกฝ่ายทำเช่นนี้ ประการแรกคงอยากล่อเธอออกมา ประการที่สองคือเพราะสถานะของไป๋หยูหนิง ประการที่สามก็คืออยาก่อกวนจนทำให้ร่างกายไป๋หยูหนิงเหนื่อยล้า พรุ่งนี้จะไม่ได้มีแรงสู้เต็มที่
ไป๋หยูหนิงไม่ได้นอนพักผ่อนดีๆติดต่อกันหลายวันแล้ว หากคืนนี้ถูกจับตัวไปสถานีตำรวจจริงก็คงไม่ได้พักผ่อนอีกนั่นแหละ
ต้องชมว่าเบื้องหลังคนนี้เก่งกาจจริงๆ สามารถสืบสถานะของไป๋หยูหนิงได้เร็วขนาดนี้
อีกฝ่ายสามารถสืบได้แม้กระทั่งสถานะของไป๋หยูหนิง แถมยังสืบหาที่อยู่ของไป๋หยูหนิงเจอ งั้นคงสืบหมายเลขห้องของเธอกับเย่ซือเฉินได้เช่นกัน
เห็นทีช็อตเด็ดของพรุ่งนี้จะยิ่งตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้นซะแล้ว
เวินลั่วฉิงไม่ได้ออกไปจนกว่าด้านนอกจะเงียบสงบ
“ดูเหมือนว่าคนนั้นจะได้รับข่าวไวเหลือเกินนะ”ขณะนี้สีหน้าเย่ซือเฉินมีความเย็นยะเยือกหลายส่วน “มีความเป็นไปได้สูงที่เรื่องนี้จะเป็นฝีมือขององค์กรโกสต์ซิตี้……”
เย่ซือเฉินหยุดพูด สีหน้าเผยความหนักอึ้งอย่างชัดเจน“เวลาสั้นๆอย่างนี้ ผมเกรงว่าลำพังองค์กรโกสต์ซิตี้สาขาในเมืองAกับเมืองไห่คงทำไม่ได้หรอก”
“อืม ดังนั้น องค์กรโกสต์ซิตี้ทั้งองค์กรก็กลายเป็นศัตรูของพวกเราแล้ว”เวินลั่วเฉินเม้มปาก“ทำให้ทั้งองค์กรโกสต์ซิตี้มาเป็นศัตรูกับพวกเราได้ พวกเราควรรู้สึกเป็นเกียรติหรือเปล่า？”
เย่ซือเฉินมองเธอยิ้มเบาๆ รู้อย่างนี้แล้ว เธอยังสามารถสงบจิตสงบใจได้เพียงนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อเธอเลยสักนิด สมกับเป็นภรรยาของเขาจริงๆ
“ไม่สนใจพวกเขาแล้ว พวกเรานอนกันเถอะ”คุณชายสามเย่ดึงเธอมากอด ก่อนจะหอมแก้มเธอ
เขารู้ว่าเธอทำอะไรก็ละเอียดรอบคอบ ไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยสักนิด ด้วยความสามารถของเธอ ไม่มีทางที่จะคาดเดาเหตุการณ์นี้ไม่ได้ ดังนั้น คุณชายสามเย่รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร
การตอบสนองของเธอเมื่อสักครู่ก็ชี้ให้เห็นชัดแล้ว
เวินลั่วฉิงเหลือบมองเขาอย่างเหยียดๆแวบหนึ่ง เธอพบว่าเย่ซือเฉินยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้จักเธอมากขึ้น
แน่นอน ครั้งนี้คุณชายสามเย่บอกว่านอนแล้วก็คือนอนธรรมดาจริงๆ ถึงแม้เขารู้ว่าเธอจัดเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว แต่ช่วงนี้เธอยุ่งแต่เรื่องถังหยุนเฉิงจนไม่ค่อยได้พักผ่อนเลย เขารู้สึกสงสารยิ่งนัก
วันรุ่งขึ้น หลังเวินลั่วฉิงตื่น เธอก็ไม่ได้ออกจากโรงแรม
หลังจากเมื่อวานคุณหลิวแจ้งความจับหลี่หมิงแล้ว ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้เข้ามาดูแลคดีนี้แล้ว ซึ่งจะทำการไต่สวนอย่งเปิดเผยในเวลา 09:00 น. สื่อสารมวลชนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไห่เป็นผู้รับผิดชอบถ่ายทอดสด
ไม่ถึงเก้าโมง เจ้าหน้าที่แทนการพิเศษโจวของมูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติเดินทางมาถึงสถานที่แล้ว เขาพาทนายที่มีชื่อเสียงมาด้วยหนึ่งท่าน ซึ่งตอนนี้ไป๋หยูหนิงไม่ได้มาพร้อมกับพวกเขา
ทว่าเวลาเก้านาฬิกาตรง ซึ่งเป็นเวลาเริ่มไต่สวน ไป๋หยูหนิงก็ปรากฏตัว
มองแล้วไป๋หยูหนิงมีความอ่อนเพลียเล็กน้อย
เจ้าหน้าที่แทนการพิเศษโจวเห็นเธอก็เบาใจอย่างเด่นชัด รีบแนะนำว่า“ท่านนี้คือไป๋หยูหนิงครับ เธอเป็นนักวิเคราะห์ร่องรอย เธอยังเป็นผู้รับผิดชอบทำหน้าที่ปกป้องสิทธิสตรีระดับขององค์กรพิทักษ์สตรีและเด็กด้วยครับ ครั้งนี้พวกเราเชื้อเชิญไป๋หยูหนิงให้มาช่วยงานครับ ซึ่งไป๋หยูหนิงก็รับปากว่าจะช่วยคุณหลิวโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆครับ”
ทนายของอีกฝ่ายได้ยินคำพูดของเจ้าหน้าที่แทนการพิเศษโจวพลันกระตุกมุมปากยิ้มเย็น ทว่าเขาไม่ได้เอ่ยอะไร เพราะบางคำยังไม่ถึงเวลาพูด
ไป๋หยูหนิงพยักหน้าให้สื่อเล็กน้อย โดยไม่ได้พูดอะไร ดูแล้วคล้ายกับซึมเศร้าเล็กน้อย
หลี่หมิงก็เชญทนายมาเช่นกัน แต่ไม่มีใครรู้จักทนายที่หลี่หมิงหามา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ทนายมีชื่อเสียง
เพียงแต่เวินลั่วฉิงเคยเห็นทนายคนนี้ผ่านไลฟ์สด แววตาเปล่งประกาย รู้ว่าทนายคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน เกรงว่าคงจะเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้
เห็นทีครั้งนี้องค์กรโกสต์ซิตี้คิดจะเอาเธอให้ตายไปเลย เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าเธอล่วงเกินคนขององค์กรโกสต์ซิตี้เมื่อไหร่？
“ตอนนี้เริ่มการตรวจสำนวนและตัดสินครับ”ผู้รับผิดชอบเห็นคนมากันครบแล้ว จึงประกาศออกมาทันที
“คุณหลี่ครับ คุณหลิวแจ้งความคุณในข้อหาว่า วันที่ 22 ซึ่งเป็นวันที่ลูกสาวคุณเกิดเรื่อง คุณไปทำร้ายร่างกายเธอถึงที่พัก ทั้งยังขืนใจเธอด้วย……”ทนายฉินที่มูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติเชิญมาเอ่ยปากพูดก่อน
“ไม่มีครับ วันนั้นผมไม่ได้ไปหาเธอเลยครับ เธอใส่ร้ายผมครับ”หลี่หมิงไม่รอให้ทนายฉินพูดจบก็รีบโต้แย้งเสียงดัง
“เวลาที่คุณหลิวกล่าว ลูกความของผมมีหลักฐานยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในสถานที่นั้นครับ”ทนายซ่งที่หลี่หมิงหามาก็เริ่มคัดค้าน“วันนั้น ลูกความของผมกำลังดื่มเหล้ากับเพื่อนในหมู่บ้านครับ ต่อมาหลังจากรู้ว่าลูกสาวหายตัวไป เขาก็ออกตามหาลูกสาวจนเจอพร้อมกับชาวบ้านหลายคนครับ ดังนั้นคุณหลิวกำลังใส่ความครับ ตอนนี้พวกเราสงสัยเจตนาของคุณหลิวที่ทำแบบนี้มากครับ”
ทนายซ่งกล่าวด้วยความมั่นอกมั่นใจ“ฝ่ายผมขอส่งพยานขึ้นศาลครับ”
“เห็นได้ครับ”ผู้พิพากษาพยักหน้าเห็นด้วย
จากนั้นก็มีชาวบ้านเข้ามาหลายคน ซึ่งชาวบ้านพวกนี้ยืนยันว่าวันนั้นหลี่หมิงอยู่กับพวกเขาจริงๆ
คำให้การของชาวบ้านเหมือนกันทุกคน ซึ่งคำให้การให้คนพวกนี้มีน้ำหนักไม่เบา
อีกทั้งชาวบ้านยังให้การได้ชัดเจนแบบไม่รั่วไหล เห็นได้ชัดว่าไม่ได้พูดปด
“ผู้พิพากษาครับ ความจริงยืนยันว่าคุณหลิวแจ้งความเท็จครับ เวลาที่คุณหลิวกล่าวมา ลูกความของผมไม่ได้ไปหาเธอครับยิ่งไม่มีทางทารุณกรรมและข่มขืนเธอครับ”ทนายซ่งมองทนายฉินกับไป๋หยูหนิงแวบหนึ่งด้วยใบหน้าเย้ยหยัน
“คุณหลิว เชิญคุณให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลด้วยครับ”ทนายซ่งมองหน้าคุณหลิว พลางใช้น้ำเสียงบีบเค้นอย่างเด่นชัด
คุณหลิวก้มหน้าไม่ได้พูดอะไร
การเงียบของคุณหลิวตอนนี้ทำให้ผู้คนประหลาดใจมาก และทำให้ผู้คนอดคาดเดาว่าการแจ้งความของคุณหลิวเป็นจริงหรือไม่
เพราะคู่กรณีหาพยานมายืนยันหลายคน
“คุณหลิว เชิญคุณอธิบาย”ทนายซ่งเห็นคุณหลิวไม่พูด เสียงยิ้มเย็นในมุมปากยิ่งเด่นชัดขึ้นหลายส่วน
“ผมบอกแล้วว่าเธอใส่ร้ายผม ผมจะแจ้งเธอในข้อหาใส่ร้ายป้ายสีครับ ผมจะฟ้องร้องที่เธอถูกคนอื่นซื้อตัวแล้วมาทำร้ายผมกับลูกสาวครับ”หลี่หมิงเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ใบหน้าก็เผยความลำพองใจหลายส่วน และอดยกเสียงให้สูงขึ้นไม่ได้
“คุณหลิว เชิญคุณเล่าถึงเหตุการณ์ด้วยครับ”คุณหลิวเงียบมาตลอด ผู้พิพากษาจึงต้องเปิดปากพูด
คุณหลิวยังคงเงียบเช่นเดิม
คนในเหตุการณ์ยิ่งประหลาดใจ และรู้สึกตกตะลึงอย่างเด่นชัด
คนที่ดูถ่ายทอดสดก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
“หรือแม่ของเด็กผู้หญิงจะถูกคนอื่นซื้อตัวจริงๆ？”
“เป็นไปไม่ได้มั้ง？นั้นมันแม่แท้ๆของเด็กผู้หญิงนะ”
“แต่คุณหลิวคนนี้ทอดทิ้งลูกสาวของเธอตั้งนานแล้ว อีกอย่างเธอเพิ่งโผล่หน้ามาหลังเกิดเรื่องหลายวันแล้ว เรื่องนี้ก็รู้สึกแปลกนะ”
ทนายฉินไม่ได้พูดอะไร
ไป๋หยูหนิงก็ไม่ได้พูดเช่นกัน
“ผู้พิพากษาครับ ผมจะฟ้องร้องเธอครับ ผมขอเชิญพวกท่านตรวจสอบต่อหน้าสาธารณชนเลยครับ”หลี่หมิงยิ่งไกระหยิ่มใจบอกจะแจ้งความคุณหลิว“ผมไม่เพียงแต่แจ้งความเธอในข้อหาใส่ร้ายเท่านั้นครับ ผมยังแจ้งความเธอในข้อหาสมคบคิดกับคนอื่นมาทำร้ายผมกับลูกสาวครับ”
“ผู้พิพากษาครับ ลูกความของผมจะฟ้องร้องคุณหลิวครับ ในเมื่อวันนี้ตรวจสอบสำนวนและตัดสินต่อหน้าสาธารณะ ผมจึงเรียกร้องให้ไต่สวนตามที่ลูกความผมแจ้งมาครับ”ทนายซ่งมองมายังไป๋หยูหนิงแวบหนึ่ง เกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อคืนขึ้น ลำพังตัวไป๋หยูหนิงเองก็เกือบเอาตัวไม่รอดแล้ว
แน่นอน เมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้น คำพูดของไป๋หยูหนิงก็ทำให้สงสัยง่าย ถึงเวลานั้นยิ่งทำให้ตระกูลถังตกที่นั่งลำบากหนักกว่าเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีหลักฐานที่หนักแน่นอย่างอื่นด้วย
เวินลั่วฉิงที่ดูการถ่ายทอดสดยกมุมปากขึ้น รู้ว่าช็อตเด็ดที่แท้จริงได้เริ่มขึ้นแล้ว
