ท่องภพสยบหล้า – ตอนที่ 27 นครวารีแม่น้ำชิง

ถ้าพูดถึงสถานที่ที่ร่ำรวยที่สุดในเขตปกครองชิงเหอ คนมากมายล้วนคิดถึงนครวารีแม่น้ำชิง อีกทั้งไม่ใช่พวกตระกูลชุย ตระกูลหลิน หรือจวนข้าหลวงเขตปกครองอะไร เพราะว่าสมบัติล้ำค่าทั้งหมดในอาณาเขตเจ็ดร้อยลี้ของแม่น้ำชิงรวมอยู่ในนครวารีทั้งสิ้น ความหรูหราโอ่อ่าของที่แห่งนี้ คนทั่วไปได้ยินกิตติศัพท์กันบ่อยครั้ง

นครวารีตั้งอยู่ใต้แม่น้ำชิง ปกครองอาณาเขตผืนน้ำเจ็ดร้อยลี้ กลุ่มสิ่งปลูกสร้างตั้งสลับสูงต่ำ กล่าวได้ว่าของล้ำค่าละลานตา แสงสมบัติเปล่งประกาย

ในตำหนักข้างหลังหนึ่ง ชายหล่อเหลาที่พาดชุดคลุมหรูหราไว้บนไหล่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูง กำลังก้มหน้าจิบชา

เบื้องล่าง มีทูตที่สวมหน้ากากกระดูกกำลังเอ่ยด้วยเสียงเดือดดาล “เจ้านครน้อย ก่อนหน้านี้สัญญาของพวกเราไม่ใช่เช่นนี้นี่! พวกเราทุ่มเทไปตั้งมากมาย เผ่าวารีแม่น้ำชิงทำไมถึงล่องเรือลาดตระเวนอยู่บนผิวน้ำเท่านั้น”

ชายหนุ่มในชุดคลุมหรูหราทำเสียงจิ๊จ๊ะ “อืม ชามรกตนี้ไม่เลวเลยจริงๆ หล่อเลี้ยงกำลังวังชา ท่านทูตจะไม่ลองชิมดูหน่อยหรือ”

ทูตดูเหมือนจะพูดจนเหนื่อยแล้ว จึงยกชาหอมที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาดื่มจนหมด ก่อนเอ่ยต่อว่า “นครวารีแม่น้ำชิงให้ความสำคัญกับคำสัญญาเสมอมา ใครๆ ก็รู้กันทั่ว ในอดีตเจ้านครรับปากไว้มั่นเหมาะกับจวงเฉิงเฉียนว่าทั้งเผ่าจะร่วมต่อสู้ ย้อมแม่น้ำหลันจนแดงฉาน ถึงตอนนี้ก็ยังได้รับการสรรเสริญ แล้วเหตุใดเจ้านครน้อยจึงกลับไปกลับมา ไม่กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงเกียรติยศหรือไร”

แม่น้ำหลันคือแม่น้ำสายใหญ่ของรัฐยง สิ่งที่ทูตเอ่ยถึงคือสงครามสถาปนารัฐจวงในกาลก่อน รัฐยงบุกมาทั้งทางน้ำและทางบก หมายจะทำลายรัฐจวงให้สิ้นในคราวเดียว ทว่าเจ้านครวารีแม่น้ำชิงยกทัพชนเผ่าเข้าต่อสู้ โจมตีกองเรือของรัฐยงจนพ่ายแพ้บนแม่น้ำหลัน เวลานั้นเลือดสดย้อมแม่น้ำหลันเป็นสีแดงฉาน เรือมิอาจเทียบท่าได้ นี่จึงทำให้จวงเฉิงเฉียนบรรพชนของรัฐจวงคลายความกังวลลงและสู้ศึกได้เต็มกำลัง จนสถาปนารัฐขึ้นได้ในที่สุด

ข้อตกลงของนครวารีแม่น้ำชิงกับรัฐจวงก็สืบต่อมาจนถึงปัจจุบันด้วยเหตุนี้

ชายหนุ่มชุดคลุมหรูหราวางแก้วชาลงเบาๆ บนโต๊ะ ใบหน้าถึงแม้จะมีรอยยิ้มจาง แต่บรรยากาศกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

“นี่ท่านทูตกำลังเตือนข้าเลย บิดาข้ากับเจ้ารัฐจวงมีพันธสัญญากันอยู่ ถ้าข้ารับปากช่วยพวกท่าน จะไม่เป็นการผิดต่อสัจจะของบิดาข้าหรือ นี่มันอกตัญญูชัดๆ”

“ทหาร” ชายหนุ่มชุดคลุมหรูหรายกนิ้วเคาะโต๊ะ เรียกองครักษ์เข้ามานายหนึ่ง “ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ให้กองทหารที่ยังไหวถอยออกมาสามลี้ ห้ามไปรบกวนพวกที่อยู่บนฝั่ง”

“เจ้านครน้อย!” ทูตหน้ากากกระดูกผุดลุกขึ้นอย่างโกรธเคือง

“เลิกแสดงได้แล้ว” ชายชุดคลุมหรูยกนิ้วหนึ่งตั้งตรงเบื้องหน้า สีหน้าไม่แยแส “ตอนนี้กองทหารทั้งเขตปกครองแม่น้ำชิงกำลังระมัดระวังพวกเราจนไม่กล้าออกห่าง พวกท่านอยากทำเรื่องอะไรก็ไปทำได้ตามใจ เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็จงอย่าได้…ละโมบมากอีก”

“พวกเราคุยกันไว้ก่อนแล้ว พวกท่านแค่ขึ้นฝั่งไปก่อกวนสักรอบก็พอ…”

ชายชุดคลุมหรูหราตัดบทเขา “จะให้พวกเราขึ้นฝั่ง ท่านคิดว่าเป็นไปได้หรือ เผ่าวารีออกห่างจากน้ำ ก็เหมือนพวกท่านเผ่ามนุษย์ออกห่างจากผืนดิน ล้วนสูญเสียรากฐานไปหมด นอกเสียจากว่าพวกท่านจะทำให้ข้าตัดสินใจเด็ดขาดเข้าต่อสู้กับราชสำนักจวงได้จริง แต่ว่าพวกท่านจะจ่ายเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นไหวหรือ”

ใบหน้าของทูตซ่อนอยู่ใต้หน้ากากกระดูก ด้วยเหตุนี้จึงมองสีหน้าไม่ออก แต่น้ำเสียงแทบจะพูดลอดไรฟันออกมาแล้ว “สิ่งที่ข้ามอบให้ท่าน นั่นคือไข่มุกมังกรทั้งลูกเชียวนะ!”

“มันเป็นรางวัลที่ล้ำค่าก็จริง” เจ้านครน้อยแห่งนครวารีแม่น้ำชิงหัวเราะอย่างพึงพอใจยิ่ง “แต่ก็มีค่าพอให้ข้าทำได้แค่นี้”

ครั้นเห็นว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว ทูตสวมหน้ากากกระดูกจึงสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป

เมื่อในตำหนักข้างเหลือเพียงตนเองคนเดียว ชายหนุ่มชุดคลุมหรูถึงได้หัวเราะเย็นชาขึ้นมา “เจ้าคนที่ซ่อนหัวเผยหาง[1] คู่ควรจะมาพูดเรื่องความน่าเชื่อถือกับข้าเสียที่ไหน”

เวลานี้เองเสียงน่าเกรงขามเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหู เจ้าของเสียงไม่ได้ปรากฏตัว “ชิงเยวีย ลองพูดความคิดของเจ้ามา”

ชิงเยวียเจ้านครน้อยของนครวารีแม่น้ำชิงเก็บความเย่อหยิ่งในดวงตาไป ท่านั่งก็เรียบร้อยขึ้น “ราชสำนักจวงกับนครวารีแม่น้ำชิงของข้ามีพันธสัญญากันหลายร้อยปี นับวันยิ่งคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา ยามนี้จวงเกาเสี้ยนคนนั้นก็ช่างน่าขัน มองพวกเราเป็นขุนนางของเขาไปแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็ส่งสารมาสู่ขอชิงจื่อแทนบุตรชาย บอกในนามว่าจะอวยยศเป็นชายาเอกรัชทายาท สานมิตรภาพกันตลอดไป…

เรื่องนี้ข้าไม่อาจเห็นด้วยเด็ดขาด ครั้งนั้นท่านป้าออกเรือนไปกับจวงเฉิงเฉียน ต้องทุ่มเทกายใจขนาดไหนไม่ว่า แต่นี่ยังถูกคนวางแผนเล่นงานจนตายในวังต้องห้ามอันหนาวเหน็บอีก! แล้วข้าจะให้น้องสาวข้าเดินซ้ำรอยเดิมได้อย่างไร ต้องหาโอกาสทำอะไรสักอย่าง ให้พวกตระกูลจวงได้รู้ว่าใครเป็นผู้ปกครองน่านน้ำเจ็ดร้อยลี้แห่งนี้ ทว่าต้องจัดน้ำหนักความสำคัญในนี้ให้ดี ถึงอย่างไรตอนนี้เผ่ามนุษย์ก็เรืองอำนาจ ต่อให้โค่นล้มราชสำนักจวงลงได้ เจ้ารัฐอื่นก็ไม่แน่ว่าจะดีด้วย สามหมื่นกองเรือลาดตระเวนอยู่บนแม่น้ำชิงถือเป็นข้อดีพอดี แต่แล้วคนจากสำนักกระดูกขาวก็เข้ามาหาถึงที่ มอบไข่มุกมังกรให้ เป็นเรื่องน่ายินดีที่เกินคาดจริงๆ”

เสียงที่น่าเกรงขามนั่นถอนหายใจ “ในครั้งนั้นป้าของเจ้ากับจวงเฉิงเฉียนรักใคร่ชอบพอกัน ไม่ใช่การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ให้บิดา…เอาเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เรื่องชิงจื่อเจ้าจะจัดการอย่างไร”

ซ่งชิงเยวียเอ่ยเสียงเบา “ตอนนี้เขตปกครองชิงเหอวุ่นวายจนดูไม่ได้ จวงเกาเสี้ยนนั่นก็หน้าไม่อาย เมืองชิงเหอรักษาไว้ได้ลำบาก แต่ว่าชิงจื่อเข้าสู่วัยเรียนรู้แล้ว ความหมายของลูกก็คือส่งตัวนางไปร่ำเรียนที่เมืองเฟิงหลินสักระยะหนึ่งก่อนค่อยว่ากัน”

เสียงนั้นถามกลับมาอีก “ทำไมต้องเมืองเฟิงหลิน”

“ปิดบังท่านพ่อไม่ได้จริงๆ” ซ่งชิงเยวียเอ่ยตอบ “ครั้งนี้ขนาดไข่มุกมังกรสำนักกระดูกขาวก็ยังมอบให้ได้ ที่เมืองเฟิงหลินจะต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่พอจะสั่นสะเทือนเขตรัฐจวงได้แน่นอน แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ เมืองเฟิงหลินในอนาคตก็จะสุขสงบที่สุดแล้ว เหมาะกับการไปเล่าเรียน เรื่องต่อมาน่ะหรือ ก็แค่ความรอบคอบเล็กๆ ของข้าเท่านั้น ชิงจื่อไปอยู่เมืองเฟิงหลิน พวกเราสามารถส่งคนไปคุ้มกันนางได้อย่างเปิดเผย เมืองเฟิงหลินเล็ก ไม่มีพวกคนใหญ่คนโต และรบกวนอะไรพวกเราไม่ได้ ข้าจะถือโอกาสหาร่องรอยของพวกสำนักกระดูกขาว ตรวจสอบเบื้องลึกของพวกมันไปด้วย สำนักกระดูกขาวฟื้นจากความตายครั้งนี้ ข้ารู้สึกว่ามีความลับยิ่งใหญ่อะไรอยู่ นอกเหนือจากนั้น สำนักกระดูกขาวอย่างไรก็มีความเป็นมายาวนาน ต้องมีของดีอยู่ไม่น้อยแน่ เจ้าพวกมารร้ายนอกรีต ทุกคนสมควรตายทั้งนั้น แค่ไข่มุกมังกรเม็ดเดียวไม่พอสำหรับข้าหรอก”

สำหรับความคิดละเอียดอ่อนเหมือนคำนวณก่อนสามขั้นของซ่งชิงเยวีย เสียงน่าเกรงขามนั้นไม่มีความเห็นใดๆ ด้วย เพียงกล่าวว่า “กิจของนครวารีมอบอำนาจทั้งหมดให้เจ้านานแล้ว เจ้าก็ทำตามที่เห็นสมควรเถิด”

“ขอรับ” ซ่งชิงเยวียพยักหน้าตอบ “จริงสิ ไข่มุกมังกรเม็ดนั้นข้าสั่งให้คนนำไปส่งให้ท่านที่นอกห้องปิดด่านแล้ว ท่านอย่าลืมนำไปหลอมด้วย”

“ไข่มุกมังกรข้าเห็นแล้ว ด้านในมีกับดักอยู่บางส่วน ข้าทำลายทิ้งเรียบร้อย เจ้านำไปใช้ได้อย่างวางใจ สามารถเว้นแต้มได้นับพันปี ส่วนตัวข้าเป็นแค่ร่างไม้ผุใกล้ฝั่ง ไม่มีหวังจะได้เป็นพญามังกร ป้าของเจ้าตายไปแล้วสองร้อยสิบเจ็ดปีกับอีกสามเดือน ส่วนจวงเฉิงเฉียนก็ตายไปเกือบสองร้อยปี เรื่องเก่าในอดีตแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว ข้ายังมีชีวิตอยู่ก็แค่หายใจไปวันๆ เท่านั้น เวลานี้เพียงอยากปกป้องเจ้าให้เดินไปอีกสักระยะหนึ่ง ไข่มุกมังกรแม้จะดีเลิศแค่ไหน ก็ไม่มีความหมายอะไรกับข้าแล้ว”

เสียงนั้นเบาลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็กลายเป็นเสียงถอนใจ เลือนหายไปในตำหนักข้าง

ส่วนซ่งชิงเยวียเอนพิงเก้าอี้สูงเบาๆ จู่ๆ ก็รู้สึกหมดความสนใจ

ทูตหน้ากากกระดูกไปจากนครวารี เดินทางโดยเรือเล็กลำหนึ่ง เรือลำนั้นเหมือนทำขึ้นจากกระดูกขาว ไม่มีท้องเรือ แต่กลับแล่นบนน้ำได้อย่างรวดเร็ว หากพบปูปลาที่หลบไม่ทัน ก็บดขยี้แล่นผ่านไปโดยไม่มีแม้แต่รอยเลือด

เรือกระดูกขาวที่ไม่มีท้องเรือแล่นไปบนผิวน้ำอย่างว่องไว เมื่อทูตขึ้นฝั่ง มันก็หันกลับแล้วมุดลงน้ำจากไป ไม่รู้ว่าหายไปที่ไหน

ทูตเร่งเดินไปอย่างเงียบๆ จังหวะเท้าแม้จะเร็ว แต่เท้ากลับไม่เปื้อนฝุ่น เขาราวกับรู้จักเส้นทางรักษาการณ์ของกองทหารเขตปกครองชิงเหอเป็นอย่างดี เข้าออกได้อย่างอิสระตามช่องโหว่ของกองรักษาการณ์ ไม่นานก็ออกจากที่นี่และขึ้นไปบนเขาลูกหนึ่ง

เขาลูกนี้มองจากไกลๆ เหมือนหัวโค มองใกล้ๆ ก็ถือว่าสวยสดงดงาม ทูตเดินมาจนถึงหน้ากำแพงหินแห่งหนึ่ง แต่ไม่หยุดฝีเท้าลง เดินชนเข้าไปตรงๆ

ด้านในกลับมีโพรงถ้ำอยู่

ภาพวาดกำแพงที่โหดเหี้ยมน่าสะพรึงกลัวแผ่เต็มสองด้าน อุโมงค์ทางเดินทอดยาวปูด้วยอิฐสีดำอ่อน

ครั้นทูตเดินเข้ามาก็มีคนถามขึ้นว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”

คนสวมหน้ากากกระดูกเอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าบ้าซ่งชิงเยวียงับเหยื่อแล้ว แต่ดันถากตะขอไปเท่านั้น!”

คนผู้นั้นกล่าว “ตาเฒ่าซ่งเหิงเจียงนั่นยังไม่ตาย เขาไม่ให้ซ่งชิงเยวียประมาทหรอก เดิมทีพวกเราก็ไม่ได้หวังให้พวกเขาฉีกหน้าราชสำนักจวงจริงๆ อยู่แล้ว”

“ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่ก็ยังรู้สึกชังนัก นั่นไข่มุกมังกรเชียวนะ! สูญหายไปตั้งแต่ยุคกลางแล้ว หนึ่งเม็ดหาได้ยากยิ่งขึ้นทุกที” ชายสวมหน้ากากกระดูกถอนหายใจ

“เมื่อเรื่องที่ตำบลเสี่ยวหลินสำเร็จ เราก็บรรลุเป้าหมายเรียบร้อย เรื่องไร้สาระพวกนี้ไม่ต้องไปสนใจ จะว่าไป เกรงว่าถ้าเจ้าเดรัจฉานนั่นกินไข่มุกมังกรของพวกเราเข้าไปก็คงปรับตัวได้ไม่ดีนัก…”

“มันคิดว่าจะล้อเล่นกับสำนักกระดูกขาวของเราได้ แต่ไม่ได้รู้เลย…” ชายสวมหน้ากากกระดูกพูดถึงตรงนี้ก็เกิดความแค้น “รอผู้สืบทอดมรรคาปรากฏตัวขึ้นก่อนเถอะ จะกำจัดนครวารีแม่น้ำชิงทิ้งเป็นอันดับแรก! ให้แม่น้ำชิงเจ็ดร้อยลี้กลายเป็นกองกระดูกขาวให้หมด!”

……………………………………….

[1]ซ่อนหัวเผยหาง หมายถึงพวกที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ กลัวว่าความจริงจะถูกเปิดเผย

ท่องภพสยบหล้า

ท่องภพสยบหล้า

ท่องภพสยบหล้า
Status: Ongoing
อ่านนิยาย ท่องภพสยบหล้าแม้นโลกาสวรรค์เที่ยงธรรมเสมือนไร้หัวใจ ข้าจะขอใช้ใจสัตย์จริงท่องแสวงไปสุดหล้าท้าคลื่นลม

Comment

Options

not work with dark mode
Reset