ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 101 ถูกโหมวยู่รังแก

“ผมไปคบกับพี่ใหญ่เมื่อไหร่กัน?” หลีซินลนลาน ลุกขึ้นมาทันที “คุณนี่ ช่างไร้สาระไม่เข้าใจเรื่องเสียจริง!”
“นายกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเหรอ? นายอย่าคิดว่านายและโหมวยู่มีอำนาจอิทธิพลแล้วฉันจะกลัวพวกนายนะ พวกนายเก่งก็จริง แต่พวกนายรังแกเสี่ยวหลิงหลิง ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!” ซูเสี่ยวเฉิงไม่ยอมน้อยหน้า ลุกขึ้นเผชิญหน้ากับหลีซิน
ตายเห่แน่เลย
ชางหลิงตบหน้าผากของตัวเอง แทบจะอยากตบตัวเองให้ตายไปซะแบบนี้เลย
ให้เธอโกหกสร้างเรื่องให้ซูเสี่ยวเฉิงอีกสิ ตอนนี้เป็นไง เรื่องถูกเปิดโปงแล้ว
เธอค่อยๆหันหน้าไป เป็นไปตามคาด สายตาคมเฉียบคู่นั้นกำลังมองมา สีหน้าโหมวยู่บึ้งตึง
ชางหลิงยิ้มแห้งให้กับโหมวยู่ ใจไม่เป็นสุขเลย
“พวกเรารังแกเธอ?” โหมวยู่วางมีดที่อยู่ในมือลง เขาลุกขึ้น เดินเข้ามาหาชางหลิงทีละก้าว
“ผมละอยากดูว่า ถ้าวันนี้ผมรังแกเธอ คุณจะทำอะไรได้” เขาดึงชางหลิงเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอดแน่นๆในขณะที่พูด
ในใจของชางหลิงก็กระตุก เบิกตาโตกว้าง วินาทีต่อมา เสียงกรี๊ดของซูเสี่ยวเฉิงก็ดังขึ้นมา
“กร๊ดดดดดด——” ซูเสี่ยวเฉิงชี้โหมวยู่ “นะ นะ นะ นาย……”
โหมวยู่ยิ้มอย่างได้ใจ กดท้ายทอยของชางหลิง แล้วจูบลงริมฝีปากของเธอหนักๆ
ชางหลิงหยุดหายใจ เธอเหยียบบนขาของโหมวยู่เต็มแรง โหมวยู่ร้องเสียงในลำคอด้วยความเจ็บ ชางหลิงถือโอกาสนี้มุดออกจากอ้อมกอดของเขา ดึงซูเสี่ยวเฉิงที่ตกตะลึงแข็งทื่ออยู่กับที่นั้นวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
โหมวยู่มองแผ่นหลังของร่างเล็กที่หนีเตลิดไป ก็เผยรอยยิ้มออกมา หันหน้าไปอีกทาง เผชิญกับสายตาที่หลีซินมองมา บรรยากาศระหว่างชายทั้งสองนั้นดูเหมือนจะแปลกๆ
ทั้งสองนั่งลงพร้อมกัน และหยิบผลไม้ที่ว่างบนโต๊ะกาแฟ คนหนึ่งปลอกแอปเปิ้ล อีกคนปลอกส้ม ไม่พูดอะไรเลย
ชางหลิงดึงซูเสี่ยวเฉิงไปที่ห้องกระจกด้านหลัง ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เธอไม่ได้ไปบริษัท เพราะอยู่วาดภาพออกแบบอยู่ที่นี่มาโดยตลอด
“เสี่ยวหลิงหลิง เมื่อกี้เธอ……ถูกโหมวยู่รังแก” ซูเสี่ยวเฉิงยังจำภาพนั้นติดตา
อีกอย่าง มองดูโหมวยูรังแกอย่างชำนาญและธรรมชาติ เห็นได้ชัด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารังแกชางหลิง
“แม้ว่าพวกเขาสองคนจะเป็นหนุ่มหล่อ อีกทั้งยังหนุ่มและแข็งแกร่ง แต่……” ในสมองของซูเสี่ยวเฉิงนึกภาพขึ้นมา
ชางหลิงกอดซ้ายโอบขวา ทั้งต้องตามใจโหมวยู่ ยังต้องเอาใจหลีซินอีก……
“เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย?” ชางหลิงเรียกให้เธอหลุดจากภาพจินตนาการอย่างไร้ความปราณี
“วันนี้ฉันเชิญเธอมา ก็เพราะจะอธิบายเรื่องนี้แหละ” ชางหลิงดึงเธอให้นั่งลงบนโซฟา “อันที่จริง คนที่คอยอยู่กับฉันตลอด คือโหมวยู่ ไม่ใช่หลีซิน หลีซินได้รับคำสั่งจากโหมวยู่ ให้คอยปกป้องฉันตลอดเวลาเท่านั้น”
“ว่าไงนะ!” ซูเสี่ยวเฉิงลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยความตกใจ “โหมวยู่?”
“ใจเย็นสิ” ชางหลิงกดเธอให้นั่งลง “เธอฟังฉันค่อยๆอธิบายนะ……”
ชางหลิงบอกความจริงทุกอย่างระหว่างเธอและโหมวยู่ให้กับซูเสี่ยวเฉิงฟัง สีหน้าของซูเสี่ยวเฉิงยิ่งอยู่ยิ่งโรคจิต……
“โอ้โห่! ละครน้ำเน่ายังไม่กล้าเขียนบทแบบนี้เลย!” ซูเสี่ยวเฉิงเบิกตาโตกว้าง เธอมองชางหลิง อดไม่ได้ที่จะชื่นชม “นี่แค่ภายในหนึ่งเดือนสั้นๆนี้ เธอก็สวมบทนางเอกในนิยายแมรี่ซูเลยนะ ไม่ได้ นางเอกนิยายเล่มต่อไปของฉันจะเอาเธอเป็นต้นแบบ”
“จริงจังหน่อย” ชางหลิงตบบนตัวซูเสี่ยวเฉิงเบาๆ “เธอไม่โทษฉันใช่ไหมที่บอกเธอตอนนี้”
“โทษสิ” ซูเสี่ยวเฉิงบึนปาก ท่าทางเสียใจเล็กน้อย “แต่ฉันก็รู้ ฐานะของโหมวยู่นั้นไม่ธรรมดา อีกอย่าง พอฉันนึกถึงที่ผ่านมาเธอทุกข์ยากลำบากมาเยอะแบบนี้ ก็โทษเธอไม่ลงหรอก”
ชางหลิงน้ำตาซึม
“เธอซวยจริงๆเลย” ซูเสี่ยวเฉิงจับมือเธอแน่น “เกือบตายไม่ว่า แม้กระทั่งพ่อก็ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ถ้าฉันกับเธอแตกหักกันอีก ฉันกลัวว่าเธอจะคิดไม่ตกไม่อยากมีชีวิตต่อไป”
“ถุ้ยๆๆ ใจฉันแข็งแกร่งขนาดนี้ จะคิดไม่ตกได้ไง?” ชางหลิงกลอกตามองบน
“แล้วตอนนี้เธอว่าจะทำไงอ่ะ?” ซูเสี่ยวเฉิงกลับสู่โหมดจริงจัง “ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ฉันรู้สึกว่าคุณชายรองโหมวก็ดีกับเธอนิ ตามฐานะของเขาแล้ว อยากจะปกป้องเธอคงไม่ใช่เรื่องยาก”
“ฉันรู้ว่าเขาทำได้” ชางหลิงหลับตา “แต่ฉันไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขา”
ชางหลิงถอนหายใจ “เขาลำบากมากกว่าที่เราเห็นอีก ทั้งตระกูลโหมวและตระกูลโม่ กดดันเขา ส่วนตัวฉันแล้วก็มีแต่เรื่องเละเทะ ช่วยเขาไม่ได้ไม่พอ ยังสร้างปัญหาเดือดร้อนให้เขาอีก”
“แต่พวกเราเป็นแค่คนธรรมดา จะทำอะไรได้ล่ะ?” ซูเสี่ยวเฉิงกังวล
ชางหลิงยิ้มอ่อน แววตาของเธอมุ่งมั่นขึ้นทีละนิด
“ฉันต้องเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในตอนนี้” เธอลุกขึ้น และค่อยๆเดินไปตรงหน้ากระดานวาดภาพของตัวเอง “ที่ตระกูลโหมวและตระกูลโม่สามารถขย้ำฉันได้อย่างง่ายดาย ก็เพียงเพราะว่าฉันเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีค่าอะไรเลย ในสายตาของพวกเขา คนธรรมดาอย่างฉัน ราวกับมดบนพื้น ไม่สำคัญอะไรเลย แต่……ทำแบบนี้ไม่ถูก แม้ว่าจะรวยเพียงไหน มีอำนาจใหญ่เพียงใด ก็ไม่ควรไปตัดสินใจชีวิตของผู้อื่นตามอำเภอใจ”
“ฉันรู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอ ไม่สามารถเปลี่ยนพวกเขาได้ ดังนั้น จึงทำได้เพียงเปลี่ยนตัวเอง”
ซูเสี่ยวเฉิงฟังจนอึ้ง “เปลี่ยนอย่างไร?”
ชางหลิงยื่นมือออกมา ลูบแผนภาพบนกระดาษ
“ฉันจะยืนบนจุดระดับสูงเหมือนพวกเขา และสูงกว่าพวกเขา” แววตาของชางหลิงเริ่มมีร่องรอยของความมุ่งมั่น “ฉันไม่อยากเป็นผู้หญิงที่อยู่เบื้องหลังของโหมวยู่ ต้องใช้ชีวิตอย่างระแวงโดยอาศัยการปกป้องของเขาไปตลอด ฉันเป็นคนปกติ ฉันต้องการใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยบริสุทธิ์ และยืนข้างโหมวยู่อย่างเปิดเผยไม่ต้องลับๆล่อๆ ให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าฉันคู่ควรกับเขา”
“ตระกูลโหมวชอบเอาหน้า ตระกูลโม่เกรงใจตระกูลโหมว ต่อให้พวกเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่ทุกคนจับจ้องทุกสายตา ฉันต้องเป็นดาวที่เจิดจ้าที่สุดเท่านั้น จึงจะไม่เหมือนผู้เสียหายคนอื่น ที่ถูกทำร้าย ก็ถูกปกปิดด้วยอำนาจ ความอยุติธรรมจะไม่ถูกชดใช้ตลอดไป”
“แต่……” ซูเสี่ยวเฉิงขมวดคิ้ว “อยากจะไปถึงตำแหน่งนั้น คงต้องใช้เวลาสักระยะ เธอก็รู้ ถ้าหากเธอทำแบบนี้ จะผิดใจกับโหมวโม่ทั้งสองตระกูลนี้ พวกเขาต้องแก้แค้นเธอในระยะเวลานี้แน่นอน”
“ก็มาดิ” ชางหลิงยิ้มอย่างเย็นชา “พวกเขาเอารัดเอาเปรียบได้เองงั้นเหรอ?”
เธอจับพู่กันไว้แน่น แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “โหมวเจิ้งถิงเกือบทำให้ฉันตายบนเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือหยูเฉินเสียชีวิตเพราะฉัน เรื่องผ่านไปแล้วไม่ได้จะแปลว่าพวกเขาได้รับอภัย ถ้าถูกคนรังแกถึงขั้นนี้แล้วยังไม่รู้จักเอาคืนอีก งั้นตลอดยี่สิบปีของฉันที่ผ่านมานี้ ถือว่าใช้ชีวิตไปเปล่าๆ”
ซูเสี่ยวเฉิงเดินไปข้างๆชางหลิง ยื่นมือออกมา วางบนหลังมือเธอเบาๆ
“ฉันรู้ว่าเธอปล่อยวางไปง่ายๆไม่ได้หรอก” น้ำเสียงของซูเสี่ยวเฉิงหม่นเศร้าเล็กน้อย “ตอนเด็ก ต้าหวงถูกวางยาพิษจนตายเธอก็ไม่ยอมปล่อยไป ต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้มันให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น นี่มันคนทั้งคนเลย ยังเป็นหยูเฉินที่เดินเคียงข้างเธอมาห้าปี”
“เสี่ยวเฉิง” ชางหลิงมองตาของเธอ “ที่ฉันบอกสิ่งเหล่านี้กับเธอ เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ฉันเชื่อมั่นที่สุดบนโลกนี้ ฉันไม่อยากปิดบังเธอ และไม่อยากให้ระหว่างเราสองคนผิดใจกันเพราะเหตุนี้”
“ฉันรู้” ซูเสี่ยวเฉิงจับมือเธอแน่น แล้วยิ้มออกมา
“ถ้าหากตัดสินใจแล้ว ก็ทำเถอะ” เธอพูดอย่างมุ่งมั่น “ตั้งแต่ที่เข้ามาในเซิ่งซื่อ ฉันรู้ว่าขึ้นเรือโจรของเธอไปแล้ว พวกเราเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครเข้าใจเธอมากกว่าฉัน และไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นมิตรสหายมากกว่าฉันอีกแล้ว ดังนั้น นับฉันด้วยคนหนึ่ง”
“เธอทำแค่เพียงเดินตรงไปข้างหน้า ถึงฉันจะเดินช้าไปหน่อย แต่จะเดินตามเธอทันแน่นอน”

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset