ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 105 สวมเขาให้กันและกัน

ชางหลิงฟังคำพูดนี้ของถงเอินจนรู้สึกสับสนไปหมด
เธอเข้ามาเซิ่งซื่อ เดิมทีเพียงเพื่อเทียบกับชางฉิงว่าใครเก่งกว่า แต่ตอนนี้ ราวกับถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ใหญ่โตและซับซ้อน
ถงเอินบอกว่าพูดมากไปกับเธอไม่ดี แน่นอนว่ายังไม่อยากเปิดเผยจุดยืนของตัวเองเช้าแบบนี้ ชางหลิงจึงไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
เธอเดินออกว่าห้องทำงานของผู้อำนวยการกลับชั้นสามด้วยใบหน้าบูดบึ้ง หลิวจือเวยเห็นท่าทีของเธอแบบนี้ หัวเราะอย่างชอบใจ
“ฉันบอกว่าไง ใครบางคนคงจะถูกด่ามาสินะ คิดว่าตัวเองสำคัญมากหรือไง ไม่มาทำงานตั้งหนึ่งเดือน เพิ่งกลับบริษัทก็แสดงท่าทีเป็นใหญ่ซะละ”
“ชักจะมากไปละ!” ซูเสี่ยวเฉิงโมโหจนแทบจะระเบิด ชางหลิงกลับหยุดเธอไว้ ทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินแล้วกลับสู่ที่นั่ง
“ใจเย็น” ชางหลิงกดเสียงต่ำ “นางเป็นนายพลตัวหลักเลยนะ ถ้าไปมิลาน ต้องให้นางรบนำหน้าเป็นตัวเปิดก่อน”
“คางคกขึ้นวอ” ซูเสี่ยวเฉิงพูดอย่างเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม “คนแบบนี้ไปมิลานได้ด้วยเหรอ แค่คิดก็รู้สึกไม่พอใจเอาซะเลย”
“ไม่ต้องกังวล” ชางหลิงตบไหล่ของซูเสี่ยวเฉิงเบาๆ “กฎของการแข่งขันแจ้งไว้แล้วว่า ฉันสามารถเอาผู้ช่วยไปได้หนึ่งคน เดิมทีการแข่งขันออกแบบครั้งนี้ฉันไม่ได้อยู่ในบริษัท ก็มีเธอที่คอยจับตาดูให้ฉัน ตำแหน่งนี้ ฉันเหลือไว้ให้เธออยู่แล้ว”
“แหงอยู่แล้ว ถ้าเธอกล้าให้คนอื่นละก็ ระวังฉันข่วนเธอให้ตายเลยนะ!” ซูเสี่ยวเฉิงทำท่าทางจะกินเธอ
“เห้อ รายชื่อนักออกแบบกำหนดไว้แล้ว แต่การแข่งขันด้านนางแบบยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ตอนบ่ายนี้เป็นรอบชิงชนะเลิศ ถึงเวลาพวกเราไปดูไหม?”
“ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนั้นสักหน่อย” ชางหลิงมองดูเอกสารของงานมิลานแฟชั่นเฟสติวัลที่ผ่านมา แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอขยับเข้าใกล้ซูเสี่ยวเฉิงอย่างเจ้าเล่ห์ “มีหนุ่มหล่อไหม?”
“มันต้องมีอยู่แล้ว” ตาของซูเสี่ยวเฉิงเปล่งประกาย “นางแบบของเซิ่งซื่อ ไม่ว่าจะชายหรือหญิง เกรดดีทั้งนั้น คนที่สามารถเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ยิ่งไม่ต้องพูด อีกอย่าง ถึงตอนไปมิลาน ผลงานของเธอต้องคัดเลือกนางแบบของบริษัทตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้น ต้องถือโอกาสนี้คัดไว้ก่อนดีกว่า”
พอคิดแบบนี้ ก็ดูสมเหตุสมผล
ชางหลิงไม่ได้เถียงกลับ ในฐานะนักออกแบบ เธอเข้าใจดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างนักออกแบบและนางแบบสำคัญขนาดไหน ดูท่าแล้ว ถ้าหากในอนาคตเธออยากจะไปได้ไกลในเซิ่งซื่อ มนุษยสัมพันธ์ก็ต้องดี
การประกวดแคทวอล์คของนางแบบ ไม่ด้อยไปกว่าการประกวดนางงามของฮ่องเต้ในสมัยโบราณ ชางหลิงและซูเสี่ยวเฉิงเดินเข้าไปในตึกสำหรับนางแบบ ทั้งสองคนมองจนตาค้าง
สไตล์ที่แตกต่างจากแผนกออกแบบ เครื่องประดับวิบวาบที่เห็นได้ทุกที่ ผู้คนที่เดินไปมาล้วนอกผายไหล่ผึ่งทั้งนั้น หน้าตาที่โดดเด่น สัดส่วนที่ดี พวกเขาทั้งสองคนที่อยู่ในฝูงชน ราวกับคนแคระที่บุกเข้ามาในอาณาจักร์ยักษ์
“ทำไมพวกเขาถึงสูงแบบนี้” ชางหลิงอุทานด้วยความไม่ยุติธรรมแห่งโชคชะตา “ขาที่ยาวเรียวนั้น แทบจะเกินหัวฉันอีก ทั้งเอวและอกหน้า ราวกับสร้างขึ้นมาเลยวิเศษมากๆ”
ปกติก็เคยทักทายกับสาวสวยบ้าง แต่ในตอนที่รอบข้างเต็มไปด้วยสาวสวยนั้น ชางหลิงที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
“น่าเสียดายจริงๆ……” ชางหลิงส่ายหัว ถอนหายใจ
“เสียดายอะไร?” ซูเสี่ยวเฉิงไม่เข้าใจคำอุทานที่เธอพูดกระทันหันแบบนี้
“ฉันรู้สึกเสียดายแทนโหมวยู่ เธอลองคิดดู นี่เป็นสวรรค์ที่ชายหลายคนต่างใฝ่ฝัน ผู้หญิงสวยมากมาย และเขายังเป็นผู้นำของที่นี่ แค่กระดิกนิ้ว จะมีใครต้านทานเขาได้ล่ะ แต่เสียดาย……”
แต่ดันเขามีโรคกลัวผู้หญิง  หมื่นบุปผารายล้อม มิอาจแปดเปื้อนแม้เพียงกลีบเดียว กลับเลือกเธอที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย
“เธอนี่น่าสนใจเหมือนกัน” ซูเสี่ยวเฉิงปาดเหงื่อหน้าชื่นอกตรม “เป็นครั้งแรกที่เห็นมีคนรู้สึกเสียดายเพราะผู้ชายของตัวเองไม่ไปหาสาวอื่น”
“นี่? พวกคุณได้ข่าวไหมว่า เมื่อคืนแอวริลและเมิ่งเคอตบกัน”
รอบข้างมีคนสองสามคนเดินมา เสียงซุบซิบนินทาก็ลอยมาด้วย
“รู้ตั้งนานแล้ว ว่ากันว่าเมิ่งเคอจับได้คาเตียงว่าแอวริลและผู้อำนวยการไทเลอร์มีอะไรกัน? จริงๆเลย เจอเรื่องอื้อฉาวนี้ในรอบชิงชนะเลิศแบบนี้ คาดว่า ทั้งสองคนคงตาเขียวหน้าบวม จะขึ้นบนรันเวย์ยังไงล่ะ?”
ชางหลิงหูดีได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ใช้ข้อศอกกระแทกซูเสี่ยวเฉิงที่อยู่ข้างๆ
“นี่ แอวริลและเมิ่งเคอแล้วก็ไทเลอร์อะไรนั่นที่พวกเขาพูดถึง เกิดไรขึ้นเหรอ”
ซูเสี่ยวเฉิงทำสีหน้ามีเลศนัย “แหะๆ เธอคิดว่าทำไมฉันถึงชวนเธอมาที่นี่ล่ะ แน่นอนว่ามาเสือกเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว”
“แอวริลและเมิ่งเคอต่างเป็นนางแบบที่เข้ารอบสุดท้าย แอวริลเป็นนางแบบมาใหม่ในปีนี้ อกอึ๋มก้นงอน และมีใบหน้าเด็ก ภาพถ่ายชุดว่ายน้ำที่มีใบหน้าเด็กแต่หน้าอกใหญ่ในฤดูกาลที่แล้วดังในโซเชี่ยล มันยังทำให้เธอเลื่อนตำแหน่งมาเป็นนางแบบต้นๆของเซิ่งซื่อ ส่วนเมิ่งเคอ เธอถูกเลือกเข้ามาในเซิ่งซื่อตอนคัดนางแบบในช่วงปีแรกๆ มีบุคลิกที่เย็นชาและหยิ่งผยอง และเคยเป็น นางแบบถ่ายชุดแต่งงานในเซิ่งซื่อโดยเฉพาะ ไทเลอร์คือผู้อำนวยการหนึ่งในกลุ่มนางแบบ ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันนานจึงเกิดความรัก เป็นกิ่งทองใบหยกที่ถูกยอมรับในเซิ่งซื่อ แต่ทว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนมีเรื่องอื้อฉาวของ เมิ่งเคอและชายลึกลับค้างคืนในโรงแรมหนึ่งถูกเปิดเผย น่าจะเป็น ไทเลอร์ที่รู้สึกว่าเขาถูกสวมเขา จากนั้นจึงสวมเขากลับให้ เมิ่งเคอ ทั้งสองคนสวมเขาให้กันและกันยังไงล่ะ””
ชางหลิงทำสีหน้าขยะแขยง
สวมเขากันไปมา รสนิยมแปลกจริงๆ
“ไปไปไป พวกเราไปอยู่หลังเวที เผื่อจะได้เห็นอะไรสนุกๆ” พลางพูด ซูเสี่ยวเฉิงก็ดึงชางหลิงเดินไปหลังเวที
“รันเวย์ของที่นี่ไม่เป็นทางการเท่าห้องแสดงนิทรรศการ ทางเข้าออกไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น บวกกับรอบชิงชนะเลิศกำลังใกล้เข้ามา มีคนไปมาเยอะแยะมากมาย พวกเขาสองคนสามารถเข้ามาอย่างง่ายดาย”
เป็นไปตามคาด เมื่อมาถึงหลังเวที มีคนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบกัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ดูซิว่ารูปลักษณ์ของพวกคุณสองคนเป็นยังไง? อับอายขายหน้าเหลือเกิน! รอบชิงชนะเลิศใกล้มาถึงแล้ว ไม่ได้มีเพียงแต่คนในเซิ่งซื่อเท่านั้น แต่ยังมีบริษัทศิลปินมากมายที่จับตามองอยู่ พวกคุณทะเลาะกันแบบนี้ อยากจะขายหน้าฉันหรือขายหน้าเซิ่งซื่อฮะ?”
ผู้หญิงอายุประมาณสี่สิบกว่าปียืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ชี้ไปที่หญิงสาวสองคนและตำหนิเสียงดัง
“นี่คือผู้รับผิดชอบของแผนกนางแบบ—มู่ซาน” ซูเสี่ยวเฉิงอธิบายให้ชางหลิง จากนั้น ก็กดเสียงต่ำ “ได้ข่าวว่า เป็นพนักงานของโม่โม่”
โม่โม่? ชางหลิงขมวดคิ้ว
เธอมองผ่านช่องว่าง เห็นเด็กสาวสองคนมีบาดแผลบนใบหน้าของพวกเขา แอวริลมีลักษณะที่โดดเด่น ชางหลิงดูก็รู้เลย อาการบาดเจ็บของเธอไม่เลวร้ายเท่าไหร่ มีเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อย ถ้าทารองพื้นและคอนซีลเลอร์ คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่……
ชางหลิงมองไปที่ เมิ่งเคออย่างจริงจัง ขมับของเธอเป็นสีเขียว และมุมปากของเธอบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งไม่สามารถปกปิดเพียงการแต่งหน้าได้
แต่ทว่า สีหน้าเธอเรียบเฉย ราวกับไม่ได้ใส่ใจคำตำหนิของมู่ซาน
“ผู้อำนวยการมู่ ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ เมื่อคืนฉันเข้าร่วมงานค็อกเทล ดื่มมากไป ผู้อำนวยการไทเลอร์ส่งฉันกลับห้อง ระหว่างฉันและเขานั้นบริสุทธิ์ แต่พี่เมิ่งเคอเดินเข้ามาตบฉันโดยไม่สนใจอะไรเลย……ฉันก็ช่วยไม่ได้” แอวริลรู้สึกน้อยใจมากๆ น้ำตาคลอเบ้า
ใบหน้าเธอดูดีอยู่แล้ว พอทำแบบนี้ ก็ดูน่าสงสารเข้าไปใหญ่ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนมองแล้วก็คงรู้สึกเอ็นดู
“เมิ่งเคอก็เกินไปนะ ตัวเธอเองสามารถไปเป็นชู้กับคนอื่น ผู้อำนวยการไทเลอร์แค่ส่งแอวริล กลับห้องกลับรับไม่ได้”
คนรอบข้างของชางหลิงมีคนซุบซิบเสียงเบา
“ผู้อำนวยการมู่ ท่านอย่าโกรธไปเลยนะ คุณดูตอนนี้ เมิ่งเคอเป็นแบบนี้ก็ขึ้นเวทีไม่ได้ พวกเรารีบหาทางอื่นกันเถอะ แคทวอล์คที่ใกล้ถึงนี้จะล้าช้านะคะ” นางแบบคนหนึ่งข้างๆมู่ซานพูดขึ้น
คำพูดของเธอดึงดูดความสนใจของชางหลิง และซูเสี่ยวเฉิงเริ่มอธิบาย “หยูหวั่นเอ๋อ นางแบบรุ่นเดียวกันกับเมิ่งเคอ และเป็นนางแบบหนึ่งในนั้นที่เข้ารอบชิงชนะเลิศเช่นกัน”
ชางหลิงมองไปที่ เมิ่งเคอและ หยูหวั่นเอ๋ออย่างละเอียด ระหว่างคิ้วและตาของทั้งสองคนดูเย็นชา และรูปร่างของพวกเขาก็คล้ายกัน คาดว่า สไตล์ของพวกเขาควบคุมในปกติแล้วคงจะเหมือนกัน
เราจะเลือกคนสองคนที่มีสไตล์เดียวกันในรอบชิงชนะเลิศได้อย่างไร? ดังนั้น หากเมิ่งเคอและหยูหวั่นเอ๋อเข้าร่วมรอบชิงชนะเลิศพร้อมกัน หนึ่งในนั้นจะถูกคัดออกอย่างแน่นอน……
ชางหลิงจ้องมองที่ดวงตาของเมิ่งเคอ อย่างที่คิด เธอกวาดตามองหยูหวั่นเอ๋อไปทีหนึ่ง มุมปากยิ้มเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
“เสี่ยวเฉิงจื่อ เมื่อกี้เธอพูดว่า เมิ่งเคอนิสัยเย็นชาและหยิ่งผยอง?” ชางหลิงถาม
“ใช่ ทำไมเหรอ?” ซูเสี่ยวเฉิง งงงวย
“ถามหน่อยเถอะ คนที่นิสัยแบบนี้ จะบุกเข้าโรงแรมไปตบตีกับเพื่อนร่วมงานของตัวเองได้ไง? อีกอย่าง ยังเป็นวันก่อนรอบชิงชนะเลิศด้วย”
“ที่มากไปกว่านั้น บาดแผลที่เธอจับชู้ไม่สามารถขึ้นเวทีได้ คงต้องบังคับให้สละสิทธิ์ แต่อีกคนที่ถูกจับได้ บาดแผลแค่ถลอก จะเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้น เธอไม่รู้สึกว่ามันแปลกเหรอ?”

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset