ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 108 เธอไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจ

ชางหลิงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ หวีผมจนเรียบร้อย ทุกอย่างพร้อมแล้ว
ข้างนอกมีเสียงดนตรีดังขึ้นแล้ว โชว์เดินแบบกำลังจะเริ่ม
“ฉันช่วยคุณถึงแค่ตรงนี้” ชางหลิงตบมือ เลือกเพลงแล้วยื่นใส่มือซูเสี่ยวเฉิง ซูเสี่ยวเฉิงพยักหน้าแล้วออกไปก่อน
“อย่าลืมนะ ถ้าชนะการแข่งขัน อย่าลืมเลี้ยงหม้อไฟฉันด้วย” ชางหลิงเสยผมตัวเองแล้วเดินไปที่ประตู
“นี่!” เมิ่งเคอลุกขึ้นยืน มองไปยังด้านหลังของชางหลิง “ขอบคุณนะ”
ชางหลิงไม่ได้หันหน้ากลับมา โบกมือให้แล้วออกจากห้องแต่งตัว
เธอไม่ได้ช่วยโดยไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัว ด้วยตำแหน่งของเมิ่งเคอในหมู่นางแบบของเซิ่งซื่อ ถ้าทำให้เธอได้กลายเป็นราชีนีนางแบบ แน่นอนว่าเส้นทางในอนาคตของเธอจะยิ่งราบรื่น เพียงแต่ถ้าอยากให้เมิ่งเคอเป็นอันดับหนึ่งในเซิ่งซื่อ ก็ต้องช่วยเธอเคลียร์เส้นทางถึงจะได้
ชางหลิงหรี่ตาลง รอยยิ้มที่มุมปากไม่ไร้เดียงสาเหมือนที่เคยเป็น แต่มันกลับซับซ้อนกว่า
โชว์เดินแบบกำลังจะเริ่มในไม่ช้า ชางหลิงใช้เวลาในห้องแต่งตัวมากกว่าสองชั่วโมง ลงไปหาห้องน้ำชั้นล่างที่คนไม่พลุกพล่านเพื่อจัดการธุระส่วนตัวของผู้หญิง แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไป ปกเสื้อของเธอก็ถูกยกขึ้น กำลังอันทรงพลังยกเธอเข้าไปในห้องน้ำชาย
“ปล่อยนะ ปล่อยฉัน!” ชางหลิงร้องเสียงดัง และในวินาทีต่อมา ปากของเธอก็ถูกปิด โหมวยู่ผลักเธอเข้าไปในห้องน้ำของห้องน้ำชาย
โหมวยู่เหรอ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แถมยังลากเธอเข้าห้องน้ำชายอีก ถ้าเจอคนเห็นเข้าจะทำยังไง เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
เธอหันศีรษะไปด้านข้าง กังวลว่าจะมีคนเข้ามา แต่กลับเห็นว่าที่ประตูห้องน้ำมีป้ายติดไว้ว่า“ระหว่างซ่อมแซม”
“เรื่องที่ฉันบอกเธอก่อนหน้านี้ เธอลืมมันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ” น้ำเสียงของโหมวยู่เต็มไปด้วยความรู้สึกของการตั้งคำถาม ฝ่ามือของเขาปิดแทบจะมิดใบหน้าเล็กของชางหลิง เหลือเพียงดวงตาคู่โตเท่านั้นที่หลุกหลิกมองเขาอยู่
ชางหลิงเงยหน้าขึ้นมอง สายลมแห่งเซิ่งซื่อพัดเร็วมาก เธอยังคิดอยู่เลยว่าอย่างน้อยก็จนกว่าการแข่งขันจะจบโหมวยู่ถึงจะรู้เรื่องนี้
เธอส่ายหน้าท่าทางน่ารัก
“ไม่ทำงานของตัวเอง มายุ่งเรื่องของคนอื่น” มือของโหมวยู่ขยับบีบเนื้อใบหน้าของเธอ
“โอ๊ย เจ็บๆๆ” ชางหลิงรีบแกะมือของโหมวยู่ออก กุมหน้าพลางมองเขาอย่างคับข้องใจ “ฉันทนดูพวกเขาเอารัดเอาเปรียบกลั่นแกล้งคนอื่นไม่ได้ อีกอย่าง เมิ่งเคอเป็นเด็กเบอร์หนึ่งของเซิ่งซื่อไม่ใช่หรือไง ถ้าเธอมีข่าวอื้อฉาวอะไร เซิ่งซื่อก็เสียหน้าไม่ใช่เหรอ”
“ถ้างั้นฉันต้องขอบคุณที่ช่วยรักษาหน้าของเซิ่งซื่อเหรอ” โหมวยู่เลิกคิ้ว
เธอไม่รู้หรือไงว่ามู่ซานเป็นคนสนิทของโม่โม่ ทั้งแผนกโมเดลล้วนปกครองโดยโม่โม่ แถมเธอยังมีถงเอินดูแลในแผนกออกแบบด้วย แต่เธอกลับยืดอุ้งเท้ามาแผนกโมเดล ไม่ใช่ว่าเป็นการไปสร้างความไม่พอใจให้โม่โม่หรอกเหรอ
“โธ่เอ๊ย ฉันรู้ว่าคุณเป็นห่วงฉัน” ชางหลิงเห็นว่าโหมวยู่โกรธจริง จึงรีบเขย่าแขนของเขา “แต่ว่าอยู่ที่เซิ่งซื่อ ฉันไม่สามารถพึ่งพาคุณให้ปกป้องได้ตลอดนะ ต้องคิดหาวิธียืนด้วยเท้าของตัวเองถึงจะได้ คุณวางใจเถอะ ฉันมีลิมิตของตัวเอง”
โหมวยู่อดไม่ได้ที่จะจับเธอ เขาบีบคางเธอจนริมฝีปากของเธอเจ่อ เดิมทีต้องการสั่งสอนเธอนิดหน่อย แต่ตอนนี้กลับทำไม่ลง
เขาบดจูบลงบนริมฝีปากเธออย่างแรง เหมือนจะกัดเธอจนไม่มีชิ้นดีเสียอย่างนั้น
“อื้อ…” ชางหลิงไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ถูกเขากดกับแผงประตูห้อง รู้สึกถึงลมหายใจอันแรงกล้าจากตัวเขาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ รู้สึกเหมือนว่าเขาจะต้องการกินเธอทั้งเป็น
“การแข่งขัน…การแข่งขันเริ่มแล้ว…” ชางหลิงรีบผลักเขาออก กลัวว่าถ้าเขายังไม่ออกไปตอนนี้จะต้องทำอะไรเธอในห้องน้ำแน่
“คืนนี้จะจัดการเธออีกครั้ง” โหมวยู่ปล่อยเธอ
ชางหลิงหน้าแดงเล็กน้อย เงยขึ้นมองหน้าโหมวยู่ พลางหัวเราะฮิฮิ
“เธอหัวเราะอะไร” โหมวยู่เลิกคิ้ว
“คุณชายรองโหมวประธานเซิ่งซื่ออันยิ่งใหญ่ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเอาฉันมาขังในห้องน้ำชาย!” ชางหลิงกะพริบตาวิบวับ
โหมวยู่เปิดประตูเดินออกไปก่อน “ถ้าเธอต้องการ ฉันจะให้คนย้ายโต๊ะทำงานของเธอมาไว้ที่นี่ก็ได้”
ชางหลิงบึนปาก แต่โหมวยู่กลับเดินก้าวกว้างออกไปแล้ว
โชว์เดินแบบเริ่มขึ้นแล้ว
แมวชางหลิงเข้าไปในโรงละครดนตรี ซูเสี่ยวเฉิงรอเธอตรงมุมที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ชางหลิงเดินเข้าไปนั่งลงข้างเธอ
“เริ่มแล้ว การประกวดนางแบบของเซิ่งซื่อไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่รู้ว่าดีกว่าโชว์ของเราก่อนหน้านี้ตั้งกี่เท่า” ซูเสี่ยวเฉิงตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ “เพิ่งขึ้นเวทีไปคนเดียว การปรากฏตัวเมื่อครู่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ฉันเห็นสายตาพวกผู้ตัดสินล้วนแต่มองตรง ไม่นานก็ให้คะแนนตั้ง 8.5 แน่ะ”
ชางหลิงเงยหน้าไปมองผู้ตัดสิน โหมวยู่กับโหมวฉี่นั่งอยู่แถวเดียวกัน ฉินซางนั่งอยู่ข้างโหมวยู่ โมโม่ก็อยู่ด้วย ยักษ์ใหญ่ทั้งหลายแห่งเซิ่งซื่อล้วนอยู่ที่นี่ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมทุกคนถึงต่างแสดงศักยภาพสูงสุดของตัวเอง
ชางหลิงอดไม่ได้ที่จะเกิดความตึงเครียด แข่งขันเองยังสงบนิ่งกว่านี้
ถึงแม้จะบอกว่าเป็นการแก้ปัญหาให้กับสถานการณ์ฉุกเฉินของเมิ่งเคอ แต่อย่างไรท้ายที่สุดแล้วเธอไม่เคยลองสไตล์แบบนี้มาก่อน จึงไม่รู้ว่าเธอจะสามารถคอนโทรลได้ไหม
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เอฟเฟกต์เสียงบนเวทีก็ได้เปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวา แอวริลปรากฏตัวขึ้น เธอสวมชุดเกาะอกสั้นสีดำ การออกแบบที่รัดพอดีตัวทำให้สัดส่วนของเธอสมบูรณ์แบบ บวกกับหน้าตาที่ดูไม่มีพิษมีภัย ความเซ็กซี่เจือด้วยความไร้เดียงสาเล็กน้อย ทันทีที่เธอปรากฏตัวบนเวทีผู้ชายจำนวนมากต่างส่งเสียงโห่ร้อง
“สมกับเป็นเทพธิดาโอตาคุ” ซูเสี่ยวเฉิงอดไม่ได้ที่จะตบมือ “รูปร่างแบบนี้ ถ้าฉันเป็นผู้ชายก็คลั่งไคล้เหมือนกัน”
สายตาของชางหลิงจ้องไปทางโหมวยู่ สายตาของเขาจับจ้องอยู่บนร่างกายแอวริลตลอดเวลา เธอเดินไปทางไหนสายตาก็ขยับตาม
ชางหลิงก้มศีรษะลงต่ำ ยกมือลูบๆ ที่หน้าอกตัวเอง พร้อมกับมุ่ยปากอย่างไม่พอใจ
ชิ! เธอก็รู้อยู่แล้วว่าผู้ชายน่ะมันเจ้าชู้หลายใจ ต่อให้เป็นโหมวยู่ก็ไม่มีข้อยกเว้น
“แอวริล! ผมสนับสนุนคุณ!” ฉินซางตะโกนอยู่ข้างล่างเวที แล้วผู้ชายจำนวนมากก็ส่งเสียงโห่ร้องตามเขา
“เหอะ ฉินซางก็พวกเดียวกัน!” ชางหลิงบ่น
“แอวริลเดิมทีมาจากบริษัทเอเจนต์ของฉินซาง เขาเป็นอดีตเจ้านายเก่าของเธอ” ซูเสี่ยวเฉิงให้เกร็ดความรู้กับเธอ
แอวริลกับฉินซางมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันงั้นเหรอ ชางหลิงไม่เคยใส่ใจข่าวพวกนี้มาก่อน แต่ว่าตัวฉินซางเป็นเพลย์บอย จะรู้จักนางแบบวัยรุ่นหลายคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แอวริลเดินแบบไปหนึ่งรอบ ก่อนจะเดินเข้าหลังเวทีไปอย่างมั่นใจมาก
ชางหลิงมองดูเจ้าหน้าที่โฮสต์สาวเดินมาเก็บบัตรคะแนนของเหล่าผู้ตัดสิน เธอจับจ้องสังเกตไปที่ป้ายของโหมวยู่ เห็นลางๆ ว่าเขียนเลข 9
เป็นไปตามที่คาด บนหน้าจอข้างๆ กะพริบสองสามครั้ง ก่อนจะหยุดตรงตำแหน่งของเลข “9”
เธอโมโหจนจะบ้าตาย ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะให้แอวริลเก้าคะแนน นี่จงใจหยามหน้าเธอเหรอ
ชางหลิงเอาโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดเปิดที่รูปโปรไฟล์ของโหมวยู่
—-ที่แท้ คุณก็ชอบแบบนี้เหรอ
ที่นั่งแถวหน้า โหมวยู่ควักโทรศัพท์มือถือออกมา เขาดูชื่อบนหน้าจอ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก
—-แบบราบเรียบก็ดี ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจหรอก
ชางหลิงกลอกตาอย่างหงุดหงิด
เขาบอกว่าเธอราบเรียบงั้นเหรอ เธอราบเรียบตรงไหน ก็แค่ไม่ได้ใหญ่จนโอเวอร์แค่นั้นเองโอเคไหม
“หยูหวั่นเอ๋อออกมาแล้ว” ซูเสี่ยวเฉิงเตือนเธอ
ชางหลิงวางโทรศัพท์มือถือลง ไฟบนเวทีส่องสว่างไปทั่ว เพลงคลาสสิกตะวันตกชั้นสูงเริ่มดังขึ้น หยูหวั่นเอ๋อปรากฏตัวในชุดราตรียาวหางปลาสีขาว ดีไซน์เปิดไหล่ข้างเดียวเผยหัวไหล่ราวหยกขาวของเธอ ด้วยสีหน้าเย็นชาและเย่อหยิ่ง ให้ความรู้สึกสง่างามที่สามารถมองเห็นได้แม้ในระยะไกลและให้ความรู้สึกว่าไม่สามารถล้อเล่นดูถูกได้ รองเท้าส้นสูงสีเงินของเธอขยับก้าว ขณะที่เธอเดิน หางปลากวัดแกว่งไปมา ทำให้คนมองไม่สามารถละสายตาได้
“เสี่ยวหลิงหลิง เธอเดาถูก หยูหวั่นเอ๋อชุดนี้ มันตัดเย็บมาเพื่อเธอ ถ้าเมิ่งเคอขึ้นไปบนเวทีในชุดของฉีจินหมิ่น คงต้องขับเคี่ยวกันอย่างเอาเป็นเอาตายแน่” การแสดงออกของซูเสี่ยวเฉิงเริ่มจริงจัง “เพียงแต่ ฉันยังกังวลเล็กน้อยกับโชว์ของเมิ่งเคอ ชุดที่เธอออกแบบ มันห่างไกลจากบุคลิกของเธอเกินไป”
“ทำเต็มที่แล้วแต่ฟ้ากำหนด” ใจชางหลิงไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์อะไร “เมิ่งเคอเป็นนางแบบมืออาชีพ หากยึดติดกับสไตล์ใดสไตล์หนึ่ง เส้นทางในอนาคตจะเดินไปได้ไม่ไกล โชว์วันนี้ มันเหมือนกับเราเปิดประตูสู่โลกใหม่ให้กับเธอ”

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset