ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 112 นายยิ้มน่ารักจัง

พอชางหลิงพูดจบ แสงไฟบนถนนก็สว่างขึ้นมาทันที อยู่บนหัวของพวกเธอสองคน ส่องสว่างพื้นที่ตรงนั้นไปทั่ว
โม่โม่ตกใจ พอหันไปมองสีหน้าชางหลิง เธอกลับเป็นสีหน้าปกติแล้ว ยื่นมือและตบไว้ของโม่โม่
“เป็นยังไง? ช่วงนี้พึ่งดูซีรีส์เกาหลีจบ เรียนบทละครจากนางเอกมา ให้ความรู้สึกมากเลยใช่ไหม?” ชางหลิงหัวเราะหึๆ สายตาเปล่งประกายวิบวับเหมือนดวงดาว
ซีรีส์เกาหลี?
โม่โม่โกรธมาก เธอสะบัดมือชางหลิงออกอย่างแรง
ชางหลิงก็ไม่โกรธ เธอยัดมือเข้ากระเป๋าตัวเอง ยิ้มอย่างร่าเริง “พอแล้ว ตอนนี้ก็ดึกแล้ว คุณโม่กลับบ้านระวังด้วยนะ”
เธอยิ้มได้อย่างบริสุทธิ์ เหมือนคำพูดเมื่อกี้ไม่ได้ออกมาจากปากเธอ โม่โม่กะพริบตา และยังไม่ได้ตอบกลับเธออีกด้วย
ชางหลิงเดินผ่านเธอไป และเดินกลับไปตามถนน
ในระหว่างที่เดินสวนกัน ชางหลิงกระตุกยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่เยือกเย็น
ซูเสี่ยวเฉิงไม่วางใจ คอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง พอเห็นชางหลิงออกมาก็รีบวิ่งเข้าไป
“เป็นยังไงบ้าง? เมื่อกี้โดนรังแกไหม?” ซูเสี่ยวเฉิงรีบเข้าไปมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แน่ใจว่าเธอไม่บาดเจ็บใดๆ
“วางใจเถอะ” ชางหลิงพูดอย่างสบายใจ “เมื่อกี้ฉันทำหล่อนโกรธมากเลยนะล่ะ”
ซูเสี่ยวเฉิงตบแขนชางหลิงเบาๆ “เธอไปทำแบบนั้นได้ยังไง เธอลืมเรื่องชางฉิงกับหยูเฉินแล้วเหรอ?”
ชางหลิงจับมือเธอไว้ “ก็เพราะมีตัวอย่างของชางฉิงกับหยูเฉิน ฉันถึงต้องใจแข็งขึ้นมา หรือว่าตอนนี้ฉันไปคุกเข่าขอร้อง หล่อนก็จะปล่อยฉันไปง่ายๆเหรอ? นิสัยอย่างนั้นของโม่โม่ ถ้าเธอยิ่งกว่าหล่อนก็จะยิ่งรังแกเธอมากขึ้น ในเมื่อยังไงก็เปลี่ยนความอคติที่หล่อนมีไม่ได้ งั้นทำไมฉันต้องทนด้วยล่ะ?”
ซูเสี่ยวเฉิงถอนหายใจ “ฉันรู้เหตุผลนี้อยู่แล้ว แต่ว่าด้วยตำแหน่งของเธอตอนนี้ในเซิ่งซื่อ เธอทำแบบนี้ เกรงว่าหล่อนจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆน่ะสิ”
“ดังนั้น” ชางหลิงกระตุกยิ้ม “เดินเส้นทางของคนร้าย ให้คนร้ายหมดหนทาง ฉันมีเรื่องกับชางฉิงตั้งแต่อายุห้าขวบ คิดว่าที่โดนรังแกมาตลอดสิบเจ็ดปีนี้จะไม่มีประสบการณ์จากมันบ้างเลยเหรอ?”
จ้าวหลันจือกับชางฉิงที่เป็นระดับสาวน้อยแอ๊บบริสุทธิ์กับอีกคนที่ทำตัวเป็นแม่พระ เธอเคยเจอมาหมดแล้ว แต่จะว่าไป เธอก็ควรขอบคุณที่ได้รับประสบการณ์โดยตรงจากพวกหล่อนนะ
ชางหลิงส่งซูเสี่ยวเฉิงกลับ ตัวเองก็เปิดแอปพลิเคชั่นเรียกรถ จากนั้นก็มีรถจี๊ปมาจอดตรงหน้าเธอ ชางหลิงรู้ว่าเป็นรถโหมวยู่ ก็ตกใจ
กระจกรถเคลื่อนตัวลงมา เสียงเย็นชาดังออกมาจากรถ “ขึ้นรถ”
ชางหลิงมองซ้ายขวา ยังดีที่ตอนนี้เลิกงานแล้ว รอบข้างไม่มีใคร
“นายทำอะไรน่ะ? นี่เป็นหน้าประตูเซิ่งซื่อเลยนะ” แม้เขาจะตั้งใจเปลี่ยนรถไม่ให้เป็นที่สะดุดตา แต่ถ้าถูกคนอื่นเห็น เรื่องของพวกเขาก็ปิดไว้ไม่อยู่อีกแล้ว
“เธอกลัวจะถูกคนเห็นหรือไง?” ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไร น้ำเสียงโหมวยู่แปลกไปมาก “วันนี้เธอเป็นที่โด่งดังในเซิ่งซื่อมากเลยนะ ขนาดคนบริษัทอื่นยังอยากเป็นดีไซเนอร์ลึกลับคนนี้”
ชางหลิงเบะปาก ขึ้นไปนั่งหลังรถแต่โดยดี ฉู่ฉือหันหน้ามาพยักหน้าให้กับเธอ รถก็เคลื่อนตัวออกไปทันที
“ขอโทษด้วยนะ” ชางหลิงใช้วิธีเก่า กะพริบตาทำตัวน่าสงสาร “ฉันรู้ตัวว่าผิดแล้ว ครั้งหน้าจะไม่กล้าแล้ว”
โหมวยู่ไม่พูด หันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงเธอ
“คุณชายรอง” ชางหลิงขยับเข้าไปใกล้เขา ยื่นหน้าไปมองสีหน้าเขา โหมวยู่ยื่นมือไป จับหัวเธอกลับไปที่เดิม
“คุณชายรองคนดี อภัยให้ฉันนะ” ชางหลิงส่ายแขนเสื้อเขาออดอ้อน
โหมวยู่ชักแขนเสื้อตัวเองกลับมา และยังคงมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนเดิม
เหอะ ตอนทำผิดคือคุณชายรองคนดี ตอนโกรธก็คือผู้ชายเลวงั้นเหรอ?
เห็นโหมวยู่ใจแข็งไม่สนใจเธอ ชางหลิงก็งอน และหันไปสนใจฉู่ฉือที่นั่งด้านหน้าแทน
เธอนึกคำพูดที่ถงเอินบอกกับเธอได้ ตอนนี้บรรยากาศน่าอึดอัดขนาดนี้ น่าจะพูดอะไรที่เปลี่ยนบรรยากาศหน่อย
“ฉู่ฉือ” ชางหลิงสองมือจับที่นั่งข้างหน้าไว้ ขยับเข้าไปใกล้ฉู่ฉือ
ฉู่ฉือถูกชางหลิงเรียกชื่อกะทันหัน ก็หันไปยิ้มให้เธออย่างมีมารยาท
“นายยิ้มน่ารักจัง ถึงว่ามีผู้หญิงถูกใจเยอะ ต่อไปต้องยิ้มมากๆนะ” ชางหลิงกะพริบตาให้เขา
พอเธอพูดแบบนี้ออกไป โหมวยู่ที่ทำหน้าบึ้งตึงก็ตึงมากกว่าเดิม ขนาดรอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่ฉือยังชะงักเลย เขารีบนั่งตัวตรงขึ้นมา
ชางหลิงมองไม่ออกจริงเหรอว่าคุณชายรองโกรธแล้ว? ยังพูดแบบนี้ไปกระตุ้นเขาอีก แล้วยังลากเขาลงน้ำไปด้วย นี่เธอกำลังหาคนมาเป็นแพะรับบาปงั้นเหรอ?
“คุณชางก็เกินไปครับ” ฉู่ฉือกลืนน้ำลาย
“ฉันต้องทำงานหลายชั่วโมงต่อวัน ฉันเห็นว่านายอยู่กับโหมวยู่ตลอด เป็นทั้งผู้ช่วย ทั้งคนขับรถ บางครั้งก็ยังต้องเป็นแม่บ้าน โหมวยู่ให้เงินเดือนนายสูงไหม? อีกอย่าง นายมีแฟนหรือยัง มีความคิดที่จะหาแฟนไหม?” ชางหลิงถามรัวๆ ไม่รู้สึกเลยว่าด้านหลังมีสายตาอำมหิตจ้องมองที่เธออยู่
“คือ……ผมเป็นผู้ช่วยคุณชายรอง คุณชายรองต้องการอะไร ผมก็จะทำ ไม่ข้อแม้หรอกครับ” ฉู่ฉือตื่นเต้นจนฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ
“เขาเห็นว่านายซื่อสัตย์ ด้วยความสามารถของนาย ถ้าออกไปทำเอง ก็อาจจะได้ดีกว่าเขาก็ได้นะ” ชางหลิงพูดต่อ
“คุณชาง” ฉู่ฉือตกใจจนเหยียบเบรกเล็กน้อย “คุณชมเกินไปแล้วครับ”
ชางหลิงก็ถึงเห็นว่าฉู่ฉือมีเหงื่อไหลเล็กน้อยตรงหน้าผาก เธอหันหน้าไป โหมวยู่ขยับตัวเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง
ชิ! คนเย็นชา ไม่น่ารักเลย
“อย่าตื่นเต้นสิ ฉันแค่ล้อเล่นเอง” ชางหลิงยกมือขึ้น
รถยังคงขับเคลื่อนไปอย่างมั่นคง
“หรือจะให้ฉันแนะนำแฟนให้นายไหม นายก็อายุมากแล้ว ถ้าไม่มีลูกอีก ต่อไปมีลูกไปเรียนอนุบาล ผู้ปกครองคนอื่นยังเป็นหนุ่มหล่อๆ นายจะเสียหน้าเอาได้นะ” ชางหลิงพูดอย่างจริงจัง
โหมวยู่หายใจหนักกว่าเดิม
อายุมากแล้วงั้นเหรอ? ฉู่ฉือก็อายุเยอะกว่าเขาไม่กี่ปี เธอก็บอกว่าฉู่ฉือแก่แล้ว ก็พูดถึงเขาไปด้วยน่ะสิ?
“คุณชาง” ฉู่ฉือถูกชางหลิงยิงคำถามใส่จนไม่รู้ว่าควรตอบยังไงแล้ว เขามองดูอาการโหมวยู่จากกระจกมองหลังตลอด กลัวโหมวยู่จะคิดเหมือนชางหลิงและไล่เขาไปแต่งงานมีลูก “ตั้งแต่เด็กจนโต ทุกอย่างที่เรียนมาก็เพื่อที่จะคอยช่วยคุณชายรอง เรื่องทุกอย่างที่ผมทำได้ แม้จะต้องอยู่ข้างคุณชายรองตลอดชีวิต ก็เป็นงานของผมครับ”
ชางหลิงอึ้ง
อะไรคือที่เรียนมาทั้งหมดก็เพื่อคอยช่วยโหมวยู่? ฉู่ฉือที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ ทำไมถึงยอมมีชีวิตอยู่เพื่อโหมวยู่ล่ะ? หรือว่าโหมวยู่ไม่พูด เขาก็จะไม่ได้มีภรรยาและลูกไปตลอดชีวิตเหรอ?
ชางหลิงไม่เข้าใจ ทุกคนต่างก็อยากเบียดเข้าไปในตระกูลผู้ดีเศรษฐี แต่ว่า สังคมผู้ดีที่มียศถาแบ่งแยกกันได้อย่างชัดเจนแบบนี้ มันดีจริงๆเหรอ?

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset