ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 162 เพื่อนรักแตกแยก

ชางหลิงขอให้ถงเอินจัดห้องเดี่ยวให้โจวลี่ลี่ สิ่งต่างๆ ถูกจัดการขึ้นชั่วคราว
เธอเข้ารอบสามแล้ว เวลาของเธอเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ดังนั้นงานของการแข่งขันรอบที่แปดจึงต้องเตรียมให้พร้อมในสองสามวันนี้
โชคดีที่ชางหลิงมักจะชอบวาดรูปตอนที่ว่างไม่มีแรงบันดาลใจ การจะหาแบบร่างจากผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปจากผลงานที่ผ่านมาจึงน่าจะไม่ใช่เรื่องยาก
ประตูเปิดออก ซูเสี่ยวเฉิงอยู่หน้าประตู บังเอิญเห็นชางหลิงกำลังค้นหาสิ่งของในกล่องอยู่พอดี
“เสี่ยวเฉิงจื่อ เธอเอาสมุดวาดรูปของฉันไปไว้ที่ไหน” ชางหลิงเปิดกระเป๋าเดินทางของเธอ สิ่งที่อยู่ข้างในกระจัดกระจายไปทั่วพื้นจนครบทุกอย่างแล้ว แต่ไม่มีสมุดวาดรูปของตัวเองเลย
“ฮะ?” ซูเสี่ยวเฉิงได้สติกลับมา “ฉัน เธอให้สมุดวาดรูปฉันด้วยเหรอ”
ชางหลิงเลื่อนสายตาขึ้น รู้สึกว่าซูเสี่ยวเฉิงมีบางอย่างไม่ปกติ “ให้เธอแล้ว ก่อนจะเดินทาง ฉันใส่ไว้ในกล่องเครื่องมือ”
ซูเสี่ยวเฉิงทบทวนความคิดครู่หนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นค่อนข้างแย่ สมุดวาดรูป…
เหมือนว่าชางหลิงจะให้สมุดวาดรูปเล่มหนึ่งกับเธอจริง แต่ตอนนั้นกล่องเครื่องมือมันเต็มแล้ว เธอจึงเอามันไปใส่ในอีกซอง แต่…วันออกเดินทาง เธออยู่ในห้องน้ำนานไปหน่อยจนลืมซองนั้น…
“ฉัน…ขอโทษ…” ซูเสี่ยวเฉิงลนลาน “สมุดวาดรูป ฉัน ฉันลืมเอามา…”
“ลืมเอามาเหรอ” ชางหลิงลุกขึ้นยืน
“นั่นคือแบบร่างทั้งหมดของฉันนะ!” สำหรับคนเป็นดีไซน์เนอร์ สิ่งที่เป็นแบบร่างสำคัญมาก มันคือความทุ่มเทพยายามทั้งหมด ถ้าถูกคนจิตใจไม่ดีได้ไป จะต้องมีดราม่าเรื่องการลอกเลียนแบบครั้งใหญ่แน่นอน
ซูเสี่ยวเฉิงก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษ ทั้งหมดเป็นฉันไม่ดีเอง…”
“พูดขอโทษมีประโยชน์อะไร” ชางหลิงโกรธจนปวดหัว “เสี่ยวเฉิง เธอทำอะไรด้วยความใส่ใจหน่อยได้ไหม ไม่ได้อยู่โรงเรียนนะ นี่คือการทำงาน เธอเป็นแบบนี้ คนอื่นจะวางใจมอบหมายงานให้เธอได้ยังไง”
ซูเสี่ยวเฉิงอ้าปากพะงาบๆ เดิมทีเพราะคำพูดนั้นของโจวลี่ลี่เมื่อครู่ในใจก็รู้สึกแย่อยู่แล้ว ตอนนี้มาได้ยินคำพูดของชางหลิง จึงยิ่งรู้สึกน้อยใจหนักเข้าไปอีก
“เป็นความผิดของฉันเอง ต่อไปฉันจะไม่ทำอีก” ซูเสี่ยวเฉิงระมัดระวัง แล้วเขย่าถุงอาหารในมือของเธอ และพูดต่อหน้าชางหลิงอย่างมีความสุข “ฉันเอาน่องไก่ที่เธอชอบมาให้เธอด้วย ถ้ายังไงมากินให้เสร็จก่อนแล้วค่อยคุยนะ”
“ฉันอิ่มแล้ว” ชางหลิงหันหลังให้ เอาของที่อยู่บนพื้นเก็บใส่กล่อง
มือที่ยกขึ้นของซูเสี่ยวเฉิงตกลง
“อ้อ” เธอวางอาหารไว้บนโต๊ะ และไม่พูดอะไรอีก
“ฉันจะออกไปข้างนอกหน่อยนะ” จู่ๆ ชางหลิงก็ผุดลุกขึ้น ทิ้งคำพูดไว้ให้ซูเสี่ยวเฉิงหนึ่งประโยคก่อนจะรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
ซูเสี่ยวเฉิงมองด้านหลังของชางหลิง นั่งลงบนเตียงอย่างหดหู่ใจ
ชางหลิงรีบร้อน จึงไม่ได้ตระหนักเลยว่าหัวใจของซูเสี่ยวเฉิงต้องประสบกับคลื่นมรสุมประเภทไหน
ไม่มีแบบร่าง เธอยังมีUSB ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บ้านเธอเคยใช้คอมพิวเตอร์ของโหมวยู่ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด USBน่าจะยังอยู่ในคอมพิวเตอร์ของเขาถึงจะถูก
ชางหลิงสร้างกำลังใจให้ตัวเองอยู่นาน คิดหาวิธีการพูดกับโหมวยู่
เมื่อครู่เพิ่งยั่วโมโหโหมวยู่ ตอนนี้ไปโผล่ตรงหน้าเขา นี่มันคือทางตันชัดๆ
ช่างเถอะ…ชางหลิงยกมือขึ้นเคาะประตู
ผ่านไปนานแต่ภายในยังไร้การตอบสนอง ชางหลิงแปลกใจมาก เวลานี้แล้ว หรือว่าโหมวยู่ยังไม่กลับมา
เธอจ้องไปที่ประตูล็อครหัสผ่าน แอบลองรหัสผ่านของวิลล่าหนานวาน เกิดเสียงดังคลิก ประตูพลันเปิดออก
หืม? ชางหลิงตกใจ
รหัสผ่านของวิลล่าหนานวานเป็นวันเกิดของเธอ รหัสผ่านที่นี่ก็เป็นวันเกิดของเธอด้วยเหรอ
ชางหลิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ไม่น่าแปลกใจที่ออโรร่าต้องไปรับบัตรห้องพักที่แผนกต้อนรับ ท้ายที่สุดแล้วใครจะไปคิดว่าโหมวยู่ใช้วันเกิดของเธอเป็นรหัสผ่านแบบนี้
“โหมวยู่?” ชางหลิงโผล่ศีรษะเข้าไป ในห้องว่างเปล่า โหมวยู่ยังไม่กลับมาจริงๆ
ประจวบเหมาะ ชางหลิงเข้ามาในห้องเหมือนแมวขโมย ปิดประตูจนสนิท ค้นหาในห้องโถง เมื่อไม่เห็นเป้าหมายของตัวเองจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน
คอมพิวเตอร์บนโต๊ะข้างเตียง บนนั้นมีไดรฟ์USBของเธออยู่จริงๆ ชางหลิงดีใจ ตอนที่กำลังจะดึงมันออก ก็พลันเกิดเสียงตัวล็อกของประตู
ชางหลิงรีบอุ้มคอมพิวเตอร์ไปที่อีกฝั่งของเตียง นั่งลงก้นแตะพื้นซ่อนตัว
“คุณชายรอง” ฉู่ฉือเปิดประตูก่อน “ข่าวจากฝั่งคุณต้วนบอกว่าพร้อมแล้ว คุณเห็นว่า…”
เสียงฝีเท้าด้านนอกดังขึ้นครู่หนึ่ง จากนั้นสุดท้ายโหมวยู่ก็นั่งลงบนโซฟา
“รอปีหน้าค่อยว่ากัน” โหมวยู่น้ำเสียงสงบเยือกเย็น “ตอนนี้กำลังเป็นช่วงร้อนแรงของการแข่งขัน ทั้งโลกกำลังจับตาดูเรา หากมีเรื่องใดๆ ขึ้นมาในเวลานี้เพียงเล็กน้อย มันจะส่งผลเสียต่อสถานการณ์โดยรวม”
“แต่ว่า ผมว่าคุณชางหลิง…” ฉู่ฉือลังเลที่จะพูด “คุณโม่โม่เล็งมาที่เธอทุกวิถีทาง และคุณชางก็ไม่ใช่คนที่จะยอมอดทนไม่ตอบโต้ ต้องมีความแค้นอยู่ในใจแน่นอน ผมกลัวว่าถ้ายังล่าช้าออกไปอีก ระหว่างพวกเธอสองคน จะยิ่งมีความขัดแย้งหนักขึ้น”
ชื่อของตัวเองถูกกล่าวถึง ชางหลิงจึงตื่นตัวเงี่ยหูฟัง
“ฉันรู้อยู่แล้ว” โหมวยู่ตอบกลับเขา
“แน่นอนว่าความรู้สึกของเธอสำคัญที่สุด แต่ฉันจะไม่ทำเพื่อเธอเพียงคนเดียว แล้วล้มเลิกแผนการที่มีมาหลายปีของฉัน”
ประโยคเดียวง่ายๆ ทำให้ชางหลิงใจกระตุกในทันที
อะไรที่เรียกว่าจะไม่ทำเพื่อเธอเพียงคนเดียว แล้วล้มเลิกแผนการที่มีมาหลายปี
“ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้ที่จริงไม่ต้องปิดบังคุณชาง ด้วยสติปัญญาของเธอ จะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการของคุณแน่นอนครับ” ฉู่ฉือพูด
“เธอฉลาดก็จริง แต่หัวรุนแรงเกินไป โดยเฉพาะที่โม่โม่เกี่ยวข้องกับการตายของหยูเฉิน เวลาที่ชางหลิงเผชิญหน้ากับโม่โม่ มักจะขาดสติเสมอ” โหมวยู่น้ำเสียงราบเรียบ
“เซิ่งซื่อเป็นเลือดเนื้อและหัวใจของตระกูลเซิ่ง ต้องทวงคืนสิ่งที่ตระกูลโม่ยึดไปกลับคืนมา รอถึงวันที่ตระกูลโม่ไม่เหลืออะไรเลย เมื่อโม่โม่ไม่มีใครหนุนหลัง โดยธรรมชาติแล้วก็จะต้องได้รับการลงโทษ”
ชางหลิงหดหัวลง
ดังนั้น เพื่อแผนการใหญ่ของเขา เขาก็สามารถมองดูโม่โม่ลงมือกับเธอได้ ลงมือกับเธอถึงตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้งั้นเหรอ
บอกว่าเพื่อปกป้องเธอจึงไม่ลงมือกับโม่โม่ ที่แท้ก็เพื่อธุรกิจของตระกูลโม่ต่างหาก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset