ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 208 อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า

ขณะที่รถกำลังแล่นไปตามถนนในเมือง ทิวทัศน์นอกหน้าต่างก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ และชางหลิงก็มองดูจากระยะไกล พร้อมกับมองดูสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ที่เข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“ที่นี่คือ…” ชางหลิงมองด้วยสีหน้าแปลกใจไปแวบหนึ่ง
โหมวยู่จอดรถไว้ในตำแหน่งที่คงที่ และมองตามสายตาของเธอไป
และตรงหน้าพวกเขานั้นเอง มีโบสถ์เก่าแก่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ซึ่งมันก็มีความลึกลับอันเป็นเอกลักษณ์ราวกับคนชราที่กำลังมองดูพวกเขาด้วยความรักความเมตตา
“วิหารมิลาน” ชางหลิงอดใจไม่ไหวที่จะลงจากรถไป และมองไปยังฉากที่อยู่ตรงหน้าเธอ ราวกับว่าตัวเองกำลังอยู่ในดินแดนแห่งความเพ้อฝัน
ในฐานะที่เป็นนักออกแบบเครื่องแต่งกาย มิลานเป็นสถานที่ที่เหล่านักศึกษาทุกคนใฝ่ฝัน และวิหารมิลานแห่งนี้ ก็ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนปรารถนาจะได้เห็นความสวยงาม
“ไปดูกันสิ” โหมวยู่จัดการกับความรู้สึกแย่เมื่อกี้นี้ออกไป
ชางหลิงรู้สึกมีความสุข พร้อมกับสาวเท้าเดินเข้าไปที่ลานกว้างใจกลาง และมุ่งหน้าไปยังโบสถ์
ซึ่งมันก็กำลังอยู่ในระหว่างช่วงบ่ายพอดี แม้จะเป็นฤดูหนาว แต่ก็ยังมีคนมาที่ลานกว้างเป็นจำนวนมาก ชางหลิงเดินเข้าไปในฝูงชนและวินาทีต่อมา มือของตัวเองก็ถูกจูงขึ้นมา เธอก้มหน้าลง และมองดูนิ้วมือสิบนิ้วของคนสองคนที่กำลังประสานกันอยู่นั้น
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยากมาที่นี่?” แม้กระทั่งในเวลาที่มีผู้คนมากมายขนาดนี้ชางหลิงกับโหมวยู่ก็ยังดูสนิทสนมขนาดนี้ เธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าที่นี่คืออิตาลี และผู้คนรอบตัวก็ไม่ได้รู้จักพวกเขา เธอก็เก็บความเขินอายไว้และขยับตัวเข้าไปใกล้เขา
“เดาเอาน่ะ” โหมวยู่ตอบเธอกลับอย่างเฉยชา
ตอนที่ชางหลิงย้ายของของเธอจากบ้านของตระกูลชางไปที่วิลล่าหนานวาน โหมวยู่ก็ได้ช่วยเธอจัดของ ก็ได้ไปเห็นสมุดจดบันทึกของเพื่อนร่วมชั้นโดยบังเอิญ ซึ่งในนั้นมีโปสต์การ์ดอยู่ใบหนึ่ง และด้านหลังของโปสต์การ์ดใบนั้น ก็คือวิหารมิลานนี่เอง
และพวกเขาทั้งสองก็เดินเข้าไปในวิหาร และสถาปัตยกรรมแบบกอทิกก็ทำให้ชางหลิงได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ดวงตาของเธอกวาดมองทุกอย่างรอบๆ และอยู่รอบตัวโหมวยู่ ราวกับว่าเธอได้เดินเข้าไปในโลกมหัศจรรย์อีกโลกหนึ่ง
“น่าเสียดายมากเลย ที่ซู่เสี่ยวเฉิงไม่ได้มาด้วย” แล้วก็หยูเฉิน……
ในดวงตาของชางหลิงก็เต็มไปด้วยความเงียบเหงา
ในปีแรกที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ในฤดูหนาวของปีนั้น พวกเขาทั้งสามคนกินปิ้งย่างเสียบไม้ไปด้วยพร้อมกับดื่มเบียร์ไปด้วย และตอนที่พวกเขาเริ่มเมาเล็กน้อยแล้ว พวกเขาก็ได้สัญญากันไว้ว่า สักวันหนึ่ง พวกเขาจะต้องจัดงานแฟชั่นโชว์ที่มิลานให้ได้
หยูเฉินยังบอกกับเธออีกด้วยว่า เขาจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ให้กับเธอที่วิหารมิลาน พร้อมด้วยการให้พรของบาทหลวง
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ชางหลิงยังเอาเรื่องนี้ขึ้นมาล้อเลียนเขาอยู่เลย และบอกว่าที่สุดแล้วเขาก็ผิดคำพูด และไม่ได้พาเธอไปดูความสวยงามที่มิลาน ซึ่งในตอนนั้นหยูเฉินก็ยังสาบานและพูดกับเธอว่า เขาจะพยายามทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง
เมื่อชางหลิงนึกถึงเรื่องเหล่านี้ ฝีเท้าของโหมวยู่กลับหยุดลง
“เป็นอะไรไป?” ชางหลิงถามเขาอย่างแปลกใจ
“คุณรอผมอยู่ตรงนี้สักครู่นะ ผมจะไปห้องน้ำแปบหนึ่ง” โหมวยู่พูดประโยคนี้ออกไปโดยไม่เข้าใจกับสถานการณ์ ชางหลิงปล่อยมือของเขา พร้อมกับพยักหน้า
เงาร่างของโหมวยู่หายวับไปในสายตาของชางหลิง เธอยืนอยู่ที่เดิมและมองไปรอบๆ และทิวทัศน์โดยรอบที่สวยงามตระการตาก็ทำให้ตาของชางหลิงพร่ามัว ที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับสักการบูชาเท่านั้น แต่ก็ยังเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับในการจับจ่ายซื้อของของนักท่องเที่ยว ซึ่งก็มีผู้มาเยี่ยมชมอย่างไม่ขาดสายเลยทีเดียว ชางหลิงเดินไปรอบๆ และถ่ายรูปความรู้สึกมากมายเก็บไว้ เพื่อสะสมแรงบันดาลใจในการออกแบบของตัวเอง
“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง” จู่ๆ ก็มีเสียงปรากฏขึ้นที่ข้างหูของเธอ ชางหลิงหันกลับไป และเห็นหญิงสาวชาวจีนวัยรุ่นสองคน ในมือของพวกเธอถือก็ดอกกุหลาบไว้คนละดอก และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ…” ชางหลิงงุนงง
“คุณคือคุณชางหลิงใช่ไหมคะ?” หนึ่งในหญิงสาวสองคนนั้นถามเธอ
พวกเธอจะรู้จักเธอได้ยังไงกันเนี้ย? ชางหลิงสับสนมึนงง พร้อมกับพยักหน้า
“มีคุณผู้ชายท่านหนึ่งมอบสิ่งนี้ให้คุณค่ะ” หญิงสาวยื่นมือออกไป พร้อมกับยื่นดอกไม้ในมือแล้วส่งไปที่มือของชางหลิง
ชางหลิงงุนงง เธอรับดอกไม้จากมือของพวกเด็กสาว และยังคงตะลึงอยู่กับที่
เมื่อมองดูดอกกุหลาบที่มีสีสันสวยสดงดงามสองดอกในมือของเธอ ชางหลิงก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้ทันที เธอยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย และดมกลิ่นหอมของดอกไม้
เธอมองไปรอบๆ พยายามหเงาาร่างของโหมวยู่ แต่ก็ไม่ได้ผล
แต่ในสายตาของเธอ กลับมีสีสันสวยงามมากมายค่อยๆ ปรากฏขึ้น เพราะที่ทางเข้าวิหารนั้น มีกลุ่มคนที่ถือดอกไม้อยู่ในมือกลุ่มหนึ่ง พวกเขาค่อยๆ เข้ามาใกล้เธอ
“คุณชางครับ” ชายชราผมขาวถือไม้เท้าคนหนึ่ง ชูดอกกุหลาบในมือตรงหน้าเธอ “ยินดีที่จะรับหัวใจของใครสักคน และอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า นี่เป็นคำที่คุณผู้ชายท่านหนึ่งฝากให้มาบอกคุณ”
ชางหลิงมองไปที่ใบหน้าและความอ่อนโยนของชายชราไม่รู้ทำไม ดวงตาของเธอกลับร้อนผ่าวขึ้นมา
มาคนแล้ว คนเล่า
ผู้คนที่ถือดอกไม้มีทุกประเภท มีทั้งชายและหญิง คนแก่และคนหนุ่ม หญิงสาว หนุ่มหล่อ หรือแม้แต่เด็กเล็กที่เพิ่งหัดเดิน มีชาวจีน และคนในท้องถิ่น ยิ่งไปกว่านั้นมีผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกก็มารวมตัวกันที่นี่
พวกเขามอบดอกไม้ในมือให้เธอ และกล่าวคำอวยพรเธอด้วยภาษาและสำเนียงต่างๆ จนถึงท้ายที่สุด ในอ้อมแขนของเธอก็เต็มไปด้วยดอกกุหลาบช่อใหญ่
ชางหลิงยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เธอมองหาเงาร่างของโหมวยู่ จนกระทั่ง เสียงเปียโนที่ไพเราะก็ดังเข้ามาในหูของเธอ
และทุกคนก็ทยอยหยุดฝีเท้าลง ในโบสถ์ที่เดิมทีแออัดนั้น ก็มีคนถอยหลังออกไป และก็เกิดเป็นทางเดินออกมา ชางหลิงตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ถือดอกไม้ และมุ่งหน้าไปยังต้นเสียงของดนตรีนั้น
ในสายตาของทุกคนจ้องมองออกไปยังโหมวยู่ที่นั่งอยู่หน้าเปียโน เขาสวมชุดสูทที่พิถีพิถัน และนิ้วมือที่เรียวยาวของเขาก็เต้นอยู่บนเปียโน จากนั้นเสียงเพลงที่ไพเราะราวกับมีชีวิตได้ไหลออกมาจากใต้ปลายนิ้วของเขา ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งพื้นที่
ชางหลิงค่อยๆ เข้าไปใกล้เขา และในที่สุด ก็หยุดอยู่ตรงหน้าเขา
เธอไม่เคยรู้ว่ามาก่อนเลยว่า ที่แท้โหมวยู่ก็มีความสามารถด้านนี้กับเขาด้วย
เฉกเช่นเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ในเทพนิยาย ที่อาศัยอยู่ในปราสาท ด้วยความเยือกเย็นและความเย่อหยิ่งที่ไม่มีใครควรเข้าไปได้ แต่บางครั้งก็เผยให้เห็นถึงความอ่อนโยนที่โรแมนติกที่ยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต
ชางหลิงยืนอยู่ที่นั่นอย่างเซ่อ และรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นเหมือนเพียงภาพลวงตา เธอก้มมองลงไปที่คำพูดในอ้อมแขนของตัวเอง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา และแหวนเพชรบนนิ้วของเธอก็สว่างเป็นพิเศษเมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟ
ใครจะไปเชื่อว่า โหมวยู่ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสามีของเธอเอง? คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นสามีของคนธรรมดาอย่างเธอได้?
เมื่อไม่กี่จังหวะสุดท้ายของเปียโนจบลง โหมวยู่ก็จบท้ายลง เขาหันหน้ามาแต่สีหน้าของเขาก็ไม่มีอะไรพิเศษ เขาเพียงแค่จ้องมองเธอ
“ทำอะไรน่ะ?” เมื่อเห็นท่าทางเซ่อๆ ของชางหลิง โหมวยู่ก็เอ่ยปากพูดว่า “รู้สึกตื้นตันใจเกินไปเหรอ?”
“ฉันยังอยากจะถามคุณอยู่เหมือนกันว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่” ชางหลิงเดินมาข้างๆ เขา “ทำไมล่ะ กังวลเกี่ยวกับฉันที่เพิ่งทำลายวิธีการขอแต่งงานของคุณเมื่อสองสามวันก่อนเหรอ? คุณจะทำอีกรอบเหรอคะ?”
โหมวยู่ดึงมือของเขากลับ และยิ้มอย่างจางๆ “เพราะผมสั่งดอกไม้ไว้มากเกินไป แม้ว่าจะใส่ไว้ในลานกว้างจนเต็มก็ยังใช้ไม่หมดเลย มันสิ้นเปลืองและน่าขายหน้า ดังนั้น ผมเลยอยากลองดู ว่าใครบางคนจะชอบไหม”
ชางหลิงลืมตาขึ้น เพราะเธอไม่อยากให้โหมวยู่เห็นว่าในตาของเธอมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่เธอสั่งน้ำมูก อย่างไม่สบอารมณ์ “คุณไปเรียนเปียโนมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย ฉันนึกว่า คุณจะทำเป็นแต่……”
จะทำเป็นแต่เรื่องชกต่อยอย่างอันธพาลเท่านั้นน่ะ
“ตอนที่ผมยังเด็ก” โหมวยู่ยืนขึ้น “คุณป้าของผมบอกว่า นิสัยของผมน่าเบื่อเกินไป ในอนาคตจะต้องไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงอย่างแน่นอน ดังนั้นการเรียนรู้เครื่องดนตรีนั้น จะช่วยเพิ่มคะแนนให้ผม”
ชางหลิงรู้สึกขำกับคำพูดของเขา
คุณป้าของเขานี่ก็ช่างมองการณ์ไกลจริงๆ
“ดังนั้น เพิ่มคะแนนไหมล่ะ?” โหมวยู่เข้าไปใกล้เธอ พร้อมกับจ้องมองเธออย่างดุเดือด
คนมากมายมุงดูทำให้ชางหลิงรู้สึกเขินอาย แต่โหมวยู่บีบคางของเธอแน่น และเอนเข้าไปใกล้ที่ใบหน้าของเธอ
“ในเมื่อคุณก็รู้ถึงความกังวลใจของผม งั้นก็ช่วยเพิ่มทีนะ”
เขาพูดและจูบอันแรงกล้าก็ได้ตกลงมา เมื่อริมฝีปากสัมผัสกัน ก็มีการปรบมือดังลั่นยาวภายในโบสถ์

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset