ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 209 เจ้าสาวจะจูบคุณแล้วนะ

หน้าของชางหลิงแดงและร้อน เธอผลักโหมวยู่ออกไปเบาๆ แต่โหมวยู่ก็ยังไม่ยอมหยุด และก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เขาจับมือเธอ แล้วเดินตรงไปที่แท่นกล่าวคำปฏิญาณของโบสถ์
ชางหลิงยังไม่มีปฏิกิริยากลับมา เมื่อเธอยืนนิ่ง ชายชราในชุดบาทหลวงก็ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา และยิ้มให้ทั้งสอง
“โหมวยู่…” ชางหลิงจับมือของโหมวยู่อย่างแน่น
โหมวยู่พาเธอไปหาบาทหลวง และยืนคนละทางกัน
ไม่ว่าชางหลิงจะโง่เขลาขนาดไหน เธอก็เข้าใจเจตนาของโหมวยู่ดี เธอจึงรู้สึกประหม่าขึ้นมา เธอมองไปที่ผู้คนที่ยังคงจ้องมองพวกเขาอยู่นั้น จากนั้นก็มองไปที่โหมวยู่ซึ่งอยู่ตรงหน้าของเธอ แต่ก็ไม่สามารถพูดประโยคใดๆ ออกมาเลย
นี่เป็นฉากที่ครั้งหนึ่งเคยปรากฏในจินตนาการของเธอ และคำเหล่านั้นที่เธอกับหยูเฉินเคยพูดไว้คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ได้กลายเป็นจริงแล้ว
แต่แค่ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่ใช่เขาคนนั้นที่เธอเคยคิดไว้……
“คุณชายโหมวยู่ครับ และคุณผู้หญิงชางหลิงครับ ต่อจากนี้ผมจะจัดพิธีแต่งงานให้พวกคุณต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าพวกคุณทั้งสองพร้อมหรือยัง?” บาทหลวงถามพวกเขาด้วยสำเนียงภาษาจีนกลาง
“ค่ะ” โหมวยู่พยักหน้าอย่างไม่ลังเล และมองไปที่ชางหลิง
ชางหลิงยังไม่ได้เข้าสู่บทบาทอย่างแท้จริง เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย และมองไปที่ดวงตาคู่นั้นของโหมวยู่ แต่ก็ยังพยักหน้าในที่สุด
เมื่อบาทหลวงได้รับคำตอบของพวกเขาแล้วก็เปิดหนังสือที่อยู่ตรงหน้าเขา และเริ่มอ่าน
“ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าพวกเรามาอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์ และเป็นสักขีพยานให้พรแก่ชายหญิงคู่นี้ที่เข้ามาในโบสถ์ของการแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์ ตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ที่ทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน จะเคารพชีวิตแต่งงานไปจนแก่เฒ่าตลอดไป และจากนี้ไปเราจะเดินบนเส้นทางแห่งสวรรค์และจะรักกัน ช่วยเหลือกัน ศึกษาร่วมกัน และไว้วางใจซึ่งกันและกัน พระบิดาบนสวรรค์โปรดประทานพระพรอาเมน เสริมสร้างคู่สามีภรรยาด้วยพระคุณ เกล่อมเกลาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และจะสรรเสริญพระเจ้าตลอดไป”
ชางหลิงหันหน้ามา เธอกอดดอกไม้ในมือของเธอไว้แน่น และยังคงประหม่าอยู่เล็กน้อย
ถ้าเธอรู้ก่อนว่าโหมวยู่จะพาเธอมาที่นี่ และยังให้บาทหลวงทำพิธีแต่งงานให้ เธอคงจะแต่งตัวให้สวยกว่านี้
“คุณโหมวยู่ครับ คุณยินยอมให้ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของคุณ และจะลงนามให้สัตย์ปฏิญาณกับเธอหรือไม่ ไม่ว่าในยามสุขหรือยามทุกข์ หรือด้วยเหตุผลอื่นใด คุณจะรักเธอ ดูแลเธอ เคารพเธอ ยอมรับเธอ และจงรักภักดีต่อเธอตลอดไปจนถึงบั้นปลายของชีวิต?” บาทหลวงมองที่โหมวยู่ และถามเบาๆ
ชางหลิงลืมตาขึ้นช้าๆ และสบตากัน ซึ่งดวงตาของโหมวยู่หนักแน่นกว่าเธอมากโดยในดวงตาคู่นั้นที่เป็นลูกคลื่นสงบตลอดทั้งปีคู่นั้น ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ไม่สามารถพบได้บ่อย
“ผมยินดีครับ” โหมวยู่ตอบอย่างไม่ลังเล น้ำเสียงของเขาที่เรียบขนาดนั้น กลับมีคลื่นลูกใหญ่พลิกขึ้นในหัวใจของชางหลิง
“คุณชางหลิง คุณยอมรับผู้ชายคนนี้เป็นสามีของคุณ จะลงนามให้สัตย์ปฏิญาณกับเขาหรือไม่? และไม่ว่าในสุขหรือยามทุกข์ หรือด้วยเหตุผลอื่นใด คุณจะรักเขา ดูแลเขา เคารพเขา ยอมรับเขา และจงรักภักดีต่อเขาตลอดไปจนถึงบั้นปลายของชีวิต?” บาทหลวงจ้องมองไปที่ชางหลิง
ชางหลิงกลืนน้ำลายลงและในขณะนั้นเอง หัวใจของเธอก็เหมือนกับว่ากำลังจะกระโดดออกจากอกของเธอ
เดิมทีเธอคิดว่า งานแต่งงานที่เธอรอคอยมานาน ควรจะเป็นเธอที่สวมชุดแต่งงานสีขาว และเดินมาคู่กับคนรัก ภายใต้การจ้องมองของญาติๆ และเพื่อนฝูง
แต่ตอนนี้……ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเบี่ยงเบนไปจากเดิม และดูเหมือนว่าทุกอย่าง จะอยู่ในจินตนาการของเธอ
“ฉัน…” ชางหลิงควบคุมความรู้สึกที่อยากร้องไห้ของตัวเอง “ฉันยินดีค่ะ”
ในที่สุดสีหน้าของโหมวยู่ก็ผ่อนคลายลง
“ต่อไป ให้เจ้าสาวและเจ้าบ่าวกล่าวคำปฏิญาณต่อหน้าพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้า” บาทหลวงเปิดแผ่นพับเผยให้เห็นหน้าที่มีตัวอักษรจีนเขียนอยู่
โหมวยู่ดึงเธอ ให้เข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้น
ชางหลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และอ่านคำในนั้นพร้อมกันกับโหมวยู่
“ในพระนามพระเจ้า ข้าพเจ้าขอสาบานว่า
จะรับคุณเป็นภรรยา/สามีของฉัน/ผม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าร้ายหรือดี ไม่ว่าจะสูงหรือต่ำ เจ็บป่วยหรือสุขภาพดี ฉัน/ผมจะรักและหวงแหนคุณไปจนกว่าจะตายจากกัน”
จากนี้เป็นต้นไป พวกเขาเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการแล้ว
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะอยู่เคียงข้างเขา ร่วมได้รับเกียรติและอับอายกับเขา จะจับมือและก้าวเดินไปพร้อมกัน และจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป จะไม่ยอมแพ้ไม่ทอดทิ้ง ต่อให้ถึงแก่ความตาย ก็ไม่อาจพรากจากกันได้
ชางหลิงจับมือของโหมวยู่ไว้แน่น ในที่สุดแล้วเธอก็กลั้นไว้ไม่ไหว น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของเธอ
“คำกล่าวปฏิญาณสิ้นสุดลงผมขอประกาศในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าว่า คุณทั้งสองแต่งงานกันอย่างเป็นทางการแล้ว เจ้าบ่าวตอนนี้คุณสามารถจูบเจ้าสาวของคุณได้แล้ว” บาทหลวงปิดแผ่นพับและยิ้มอย่างสุภาพให้พวกเขา
โหมวยู่ก้มหน้าลงและมองลงไปที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ตรงหน้าเขาและบนใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยด้วยรอยยิ้มที่ลุ่มหลง
ผู้คนในกลุ่มผู้ชมยังคงมองดูพวกเขา และชางหลิงก็เห็นเนื้อหามากมายจากสายตาของคนเหล่านั้น
ซึ่งก็มีทั้งอิจฉาบ้าง และจริงใจบ้าง…
“เฮ้ย” โหมวยู่ส่งเสียงเตือน “เวลานี้กลับคิดเรื่องอื่นไม่คิดจะให้หน้าผมแลยเหรอ?”
ชางหลิงส่งเสียงหัวเราะออกมา และน้ำตาก็ยังคงไหลอยู่บนใบหน้าของเธอ เธอเงยหน้าขึ้น แต่กลับคลายแขนแล้วโยนดอกไม้ในอ้อมแขนของเธอออกไป แล้วกระโดดตรงไปที่ตัวโหมวยู่
เธอใช้มือคล้องคอเขาอย่างแน่นหนา “เจ้าบ่าว เจ้าสาวของคุณกำลังจะจูบคุณแล้วนะ”
เห็นได้ชัดว่าโหมวยู่คาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะทำแบบนี้ดังนั้นเขาจึงกอดตัวเธอไว้แน่น เพราะกลัวว่าเธอจะหกล้ม
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชางหลิงพูด เขาก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง และก่อนที่เขาจะตอบ ชางหลิงก็ได้เป็นฝ่ายจูบเขาเข้าไปสะแล้ว
เธอกัดริมฝีปากของเขาเบาๆกอดเขา และโอบล้อมเขา ราวกับว่าในโบสถ์ใหญ่แห่งนี้มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น ไม่มีคนมุงดู และไม่มีงคนรบกวน……
และนี่ก็เป็นค่ำคืนพิเศษที่ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
ในที่สุดชายคนนั้นก็รอจนกระทั่งหญิงสาวของเขายอมรับเขาอย่างสุดหัวใจ ตั้งแต่เขาอายุ 22 ปีจนถึงอายุ 28 ปีซึ่งเขาก็ได้ใช้เวลา 6 ปีในการทำความรู้จักกับเธอ ชอบเธอ และตกหลุมรักเธอ และมีเธอ
ในที่สุดหญิงสาวก็ยอมรับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ที่บุกเข้ามาในชีวิตของเธอ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ความหวาดกลัว ความห่างเหิน ความชื่นชม ความชอบ ไปจนถึงความรักที่ลึกซึ้ง……
ชางหลิงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอกลับมาที่โรงแรมได้ยังไง เพราะอาหารที่เดิมทีคุยกันแล้วว่าจะไปทานก็ยังไม่ได้ทานเลย และตั้งแต่ที่ทั้งสองเข้ามาในห้องก็ไม่ได้แยกกายออกจากกันเลย โหมวยู่รีบร้อนอยากที่จะครอบครองเธอ และชางหลิงเองก็คุ้นชินกับการยั่วยุของโหมวยู่อยู่แล้ว และเมื่อได้อยู่ในเงื้อมมือของเขา ก็จะแทบจะไม่มีทางต่อต้านใดๆ เลย
พลบค่ำที่กำลังใกล้จะมืด ไฟริมแม่น้ำนอกหน้าต่างก็สว่างตามกาลเวลา แสงในฤดูใบไม้ผลิในห้องก็ถูกปิดกั้นด้วยหน้าต่างบานกระจก จึงเหลือไว้เพียงเสียงที่น่ารื่นรมย์ของการหลอมรวมจิตวิญญาณเท่านั้น……
การออกกำลังกายนี้ทำให้ชางหลิงเหนื่อยล้าอย่างมาก เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่และโหมวยู่ที่ห่างหายมานานก็ไม่สงสารเธอเลยสักนิด ร่างกายของเธอเหมือนกับโดนถอดแล้วนำมาประกอบใหม่ และแรงสักนิดก็ไม่มีเลย พอเผลอหลับก็ถึงรุ่งสางสะแล้ว
และเสียงมือถือก็ดังกระชั้นขึ้นทำให้เขาทั้งตื่นจากการนอนหลับ และชางหลิงที่อยู่ในอ้อมแขนของโหมวยู่ ก็บ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจไปไม่กี่ประโยค ส่วนโหมวยู่ก็ยื่นมือออกไปคลำหาบนหัวเตียง แล้วรับสาย
“คุณชายรองครับ” เสียงจากปลายของฉู่ฉือนั้นเร่งรีบมาก “เกิดเรื่องแล้วครับ”
“คุณโม่โม่หายตัวไปแล้วครับ”

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset