ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 230 แก้แค้นให้คุณชาง

เขาจะหนี! จะต้องหนีออกไปให้ได้!
แต่ทว่า ในพริบตานั้นเอง ฉู่ฉือเหมือนรู้ทันการเคลื่อนไหวของเจสัน เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว มือที่พาดหลังไว้ก็สะบัดไปข้างๆอย่างแรง กระบองที่ยืดหดได้ปรากฏขึ้นในมือของเขา แววตาอันดุร้ายของเขา พร้อมกับการสะบัดกระบองไปอย่างแรง ตีเข้าไปที่หน้าอกของเจสันทันที
“โอ๊ย!” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นทั่วโรงงาน
โม่โม่อึ้งไปทันที รอเธอรู้สึกตัวได้ เจสันก็นอนกองอยู่บนพื้นอย่างเจ็บปวดแล้ว
เสื้อบนหน้าอกนั้นถูกกระบองตีจนฉีกขาด ทำให้เห็นถึงผิวหนังที่ถูกกระบองตีจนเลือดซึม
โม่โม่ก็กรีดร้องเสียงดัง และยังไม่กล้าเข้าไปหาอีก ทำได้แค่หดตัวเข้ามุมกำแพงไป
“ฉู่ฉือ นายจะทำอะไร……” โม่โม่ตกใจตัวสั่น ฉู่ฉือตรงหน้านี้ ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่เธอเคยเจอเลย
ฉู่ฉือไม่ได้พูดอะไร เขาถอดชุดสูทออก แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออก ถอดเนกไทออกมาจากคอ กำกระบองในมือเอาไว้แน่น
“แก้แค้นให้คุณชาง” ฉู่ฉือกระตุกมุมปาก “ดังนั้น……”
“ผมจะลงมือเอง”
ประตูที่เปิดออกถูกปิดลงอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน ภายในห้องก็มีเสียงร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดดังขึ้นมา
พวกชายชุดดำที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็ต่างขมวดคิ้วกันใหญ่ น้อยครั้งมากที่พวกเขาจะเห็นฉู่ฉือลงมือเอง แต่ก็เคยได้ยินข่าวลือมาว่า ผู้ช่วยฉู่ตอนเรียนมัธยมปลายก็เป็นแชมป์ซ่านโฉ่วในเมืองหนานแล้ว……
——
ชางหลิงกินอาหารไม่ลงมาหลายวันแล้ว
อาจจะเป็นเพราะอยู่ในน้ำนานเกินไป ขนาดฝันก็ยังฝันว่ามีปลิงมาเกาะอยู่บนร่างกายตัวเองเลย เธอที่ร่างกายผอมบางอยู่แล้ว พอเป็นแบบนี้มาติดต่อกันหลายวัน กลับเห็นได้ชัดว่าร่างกายซูบผอมลงด้วยตาเปล่า
โหมวยู่เห็นแล้วก็เจ็บปวดใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อาหารที่ฝืนป้อนเข้าไปก็อ้วกออกมาทั้งหมด เกรงว่าต่อไปกระเพาะได้พังแน่ ก็เลยทำได้แค่ฉีดสารบำรุงร่างกายให้แทน
บาดแผลบนตัวก็ดีขึ้นมาแล้ว แต่ปมในใจนี่สิ คงไม่หายไปง่ายๆ
ถงเอินมาเยี่ยมเธอทุกวัน เรื่องพูดระหว่างผู้หญิงมีเยอะเป็นปกติ แต่ยังคุยได้ไม่นานชางหลิงก็ชอบง่วงตลอด ตอนกลางคืนเธอนอนไม่หลับ เช้ามาก็ไม่กระปรี้กระเปร่า
สภาพเธอแบบนี้ หมอไม่แนะนำให้ออกจากโรงพยาบาล โหมวยู่ก็ไม่ฝืน ก็เลยให้เธออยู่ที่นี่ตลอด
ชางหลิงนอนหลับลงไปอีกครั้ง ถงเอินวางผลไม้ในมือลง ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และออกจากห้องผู้ป่วยไปอย่างเงียบๆ
ฉู่ฉือถือกล่องอาหารเดินมาทางนี้อยู่ ถงเอินเห็นเขาก็รีบทำท่าให้เขาเงียบ
“นอนหลับอีกแล้ว อย่าเพิ่งไปรบกวนเธอเลย”
ฉู่ฉือพยักหน้า เอากล่องอาหารยื่นให้ถงเอิน
“ไหนว่ากินไม่ลงไง?” ถงเอินไม่เข้าใจ
“ให้เธอ” ฉู่ฉือตอบ “ใกล้จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว”
ถงเอินยิ้ม ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา
นับเวลาแล้ว จดทะเบียนสมรสกับฉู่ฉือมาก็สักพักใหญ่แล้ว แต่ทุกครั้งที่เห็นเขา ก็ยังมีความรู้สึกหน้าแดงหัวใจเต้นเร็วตลอด แม้ปกติเขาจะเป็นคนพูดน้อย ดูแล้วจะเหมือนคนซื่อบื้อ แต่ก็มีเซอร์ไพรส์และความห่วงใยที่เธอเองก็นึกไม่ถึง
เธอรับกล่องอาหารในมือของเขา เลยจับมือเขาไปด้วย
ข้างๆยังมีคนอีกเยอะ ฉู่ฉือรีบชักมือกลับมา แต่ทว่าถงเอินกลับไม่ให้โอกาสนี้กับเขา เธอจับมือเขาไว้แน่น “ทำไม นอนด้วยกันแล้ว ยังกลัวจับมืออีกเหรอ”
พอพูดแบบนี้ออกไป ฉู่ฉือก็หน้าแดงทันที เขารีบเหลือบมองคนที่เฝ้าอยู่หน้าห้องชางหลิง จากนั้นก็สลับตำแหน่ง จับมือถงเอินเอาไว้ก่อน “ยังมีคนอยู่ พูดอะไรระวังหน่อย”
“อืม” ถงเอินตอบกลับไปอย่างเขินอาย เธอก้มหน้าลง กลับเห็นว่ามือเขามีบาดแผลเล็กน้อย “มือนายไปทำอะไรมา?”
ฉู่ฉือไม่ตอบ
เขาไม่พูด ถงเอินก็เดาออก ช่วงนี้ฉู่ฉือไปโรงงานร้างตลอด เธอก็พอเดาออกว่าเขาไปทำอะไร
“พวกเขาสองคน เป็นยังไงบ้าง?” ถงเอินถามเขาเผื่อจะได้คำตอบ
ฉู่ฉือจับมือเธอไว้ และเดินไปข้างหน้าช้าๆ “เหมือนที่คุณชายรองคิด ยังมีชีวิตอยู่”
ถงเอินขมวดคิ้ว “แบบนี้คงไม่ดีหรอก เพราะไม่ว่ายังไง การใช้ศาลเตี้ยเองแบบนี้ผิดกฎหมายนะ โหมวยู่โมโหเพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับชางหลิง แล้วนายไปวุ่นวายด้วยทำไมกัน?”
“เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณชางครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก” ฉู่ฉือไม่ได้มองเธอ และพูดอย่างลำบากใจ “ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายรองพูดแล้ว ถ้าคุณชางยังไม่ดีขึ้นมา พวกเขาสองคนก็อย่าคิดจะอยู่อย่างเป็นสุขเลย ตอนแรกฉันก็คิดว่า คงเป็นช่วงสองสามวันนี้ ดังนั้น……”
ดังนั้นก็เลยลงมือหนักไปหน่อย แต่ไม่คิดว่า ชางหลิงป่วยที ป่วยเป็นสิบวัน
บนตัวของเจสันกับโม่โม่ แผลเก่ายังไม่หายแผลใหม่ก็มาอีก ตอนนี้ ขนาดเขาก็ยังไม่อาจทนลงมือได้อีก
ถงเอินถอนหายใจ เธอหยุดเดินมองไปที่ห้องผู้ป่วยด้านหลัง
“หวังว่าเธอจะหายเร็วๆนะ คนอย่างโหมวยู่ ความสุขหรือความโกรธก็อยู่ในที่เธอคนเดียว สถานการณ์ตึงเครียดช่วงนี้ จะทำให้พวกเราบ้าไปด้วยกันแล้ว”
ฉีจินหมิ่นกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดในรอบชิงแชมป์ แต่ถึงแม้จะพยายามขนาดนั้น โหมวยู่ก็ไม่เคยแยแสอะไรเลย ทุกคนก็ต่างคิดว่าชางหลิงถอนตัวจากการแข่งขันทำให้เขาโกรธมาก ก็ต่างหวาดกลัวกันหมด กลัวว่าทำผิดแล้วจะถูกยมทูตท่านนี้ฆ่าปาดคอเอา
ทั้งสองคนต่างก็มีสีหน้าเศร้าใจ พูดคุยกับจนหายไปจากทางเดิน
ภายในห้องผู้ป่วย ชางหลิงลืมตาขึ้นช้าๆ แววตาดูมีชีวิตชีวา เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียง ถอนสายที่ฉีดเข้ามือออกไปทั้งหมดอย่างใจเย็น ใช้สำลีกดตรงที่ถูกเจาะไว้ เธอลงจากเตียงและเปิดประตูห้อง
“คุณชาง” คนที่เฝ้าหน้าประตูก็โค้งคำนับให้เธออย่างเคารพ
“ฉันไปห้องข้างๆก่อนนะ” ไม่นานชางหลิงก็กลับมาทำตัวอ่อนแอ สีหน้าซีดขาวอีกครั้ง
ชายชุดดำไม่ได้ห้ามเธอ แค่เพียงไม่กี่ก้าว ล้วนแต่อยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด
ชางหลิงเดินไปอย่างไม่มีแรง เปิดประตูห้องของป๋ายจื๋อออกมา
เขากำลังนอนดูโทรทัศน์ พอเห็นเธอมา มือที่ถือรีโมทไว้ก็วางลง
ป๋ายจื๋อเงียบไม่พูดไม่จา ชางหลิงปิดประตูไว้แน่นแล้ว ก็เดินมาที่เตียงเขาช้าๆ
“นายเป็นยังไงบ้าง? แผลหายแล้วหรือยัง?” ชางหลิงถามเขา
วันก่อนป๋ายจื๋อยังมีสีหน้าซีดขาวอยู่เลย ตอนนี้สีหน้าดูมีสีสันขึ้นมาเยอะแล้ว
เขาจ้องเธอ คิ้วขมวดเบาๆ
เขาไม่พูดอะไร ชางหลิงก็ไม่รู้สึกเบื่อ เธอเดินไปนั่งเก้าอี้ข้างเตียง เอาศอกวางไว้ที่ข้างเตียงเขา มือเท้าคางมองเขา
“เธอน่าจะถามตัวเองนะ สิบวันแล้ว แผลเธอดีขึ้นหรือยัง?” ป๋ายจื๋อพูดอย่างเรียบเฉย

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset