ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 263 ทำให้เธอดูโหดร้าย

โจวฝูทำเสียงกระแอม ชางหลิงหันไปมอง สายตาโจวฝูจ้องอยู่ที่แก้วน้ำชาที่ชางหลิงวางอยู่บนโต๊ะ
ชางหลิงเอียงคอ เข้าใจความหมายของเขาแล้ว
แต่ว่า เขาดื่มน้ำชาของจี้เหยากวงแล้วไม่ใช่เหรอ? ชางหลิงไม่เข้าใจความคิดของโหมวเจิ้งถิง แต่ก็ยกน้ำชาขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง ยกไปให้โหมวเจิ้งถิงด้วยความเคารพ
โหมวเจิ้งถิงมองเธออย่างเย็นชา แต่ไม่ได้รับน้ำชาจากเธอ
“พ่อแม่เธอล่ะ?” โหมวเจิ้งถิงพูดขึ้นกะทันหัน
“อือ?” ชางหลิงตอบสนองคำพูดของโหมวเจิ้งถิงที่พูดขึ้นกะทันหันไม่ทัน
“ฉันได้ยินว่า ตอนนี้เธอเป็นประธานของบริษัท ชางซื่อจื้อเย่ จำกัด?” โหมวเจิ้งถิงถาม
“อืม” ชางหลิงพยักหน้า
“คนที่ไม่รู้จักเคารพแม้แต่พ่อของตัวเอง ก็ไม่ได้คาดหวังที่เธอจะเคารพคนอื่นเลย”
ชางหลิงค่อยๆยึดตัวตรง
ในสายตาพวกเขา เธอยังเป็นลูกสาวของตระกูลชาง ชางหวยซูยังเป็นพ่อของเธอ เธออาศัยทรัพยากรจากโหมวยู่ แย่งตำแหน่งประธานมา ไล่ชางหวยซูไปบ้านพักคนชรา แน่นอนว่าเป็นเรื่องอกตัญญู
โหมวเจิ้งถิงไม่รู้ความลับในชีวิตของเธอ มีความเข้าใจผิดในตัวเธอแบบนี้ ก็เป็นเรื่องปกติ
“คุณลุง” จี้เหยากวงเห็นชางหลิงไม่ตอบ ลังเลไปครู่หนึ่ง “ถึงแม้ว่าหนูจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เคยเกิดอะไรกับพี่ชางหลิง แต่ว่าพี่ยู่ดีกับเธอมาก เขาให้ทั้งบ้านทั้งรถที่ดีขนาดนี้กับเธอ พี่ชางหลิงก็ต้องมีข้อดีในตัวแน่นอน พี่ยู่ถึงได้ชอบเธอขนาดนี้”
“อีกอย่าง อนาคตเธอยังจะได้เป็นเถ้าแก่ผู้หญิงของเซิ่งซื่อ อยู่กับพี่ยู่ เธอต้องยิ่งอยู่ยิ่งดีแน่นอน”
ในใจของชางหลิงอึ้ง จี้เหยากวงคนนี้ ดูแล้วเหมือนพูดช่วยเธอ แต่ทุกคำพูดนั้นสร้างศัตรูให้เธอชัดๆ
โหมวเจิ้งถิงคิดว่าเธอเข้าใกล้โหมวยู่เพื่อหวังผลประโยชน์อื่นอยู่แล้ว พอพูดแบบนี้ นั่นก็หมายถึงเธอเข้าหาโหมวยู่เพื่อเงินและตำแหน่งเถ้าแก่ผู้หญิงของเซิ่งซื่อเลยไหมล่ะ?
“เถ้าแก่ผู้หญิงเซิ่งซื่อ?” ตามนั้นจริง โหมวเจิ้งถิงถูกคำพูดของจี้เหยากวงทำให้โมโหแล้ว “เธอไม่รู้จักดูหรือว่าฐานะเธอคืออะไร เธอคู่ควรเหรอ?”
โหมวเจิ่งถิงจ้องไปทางชางหลิงตาเขม่น ความขยะแขยงแบบนั้นเกือบล้นออกมาแล้ว
“ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าไม่ว่ายังไงเธอก็น่าจะรู้จักเจียมตัว เธอคบกับโหมวยู่ฉันไม่อยากคัดค้าน เพราะว่าผู้หญิงบนโลกนี้มีมากมาย แต่เธอกลับหลอกล่อเขาจนจดทะเบียนแล้ว มีฉันอยู่ในสายตาบ้างไหม?”​
“เธอคิดว่าเธอแต่งงานกับเขาแล้วจะทำอะไรก็ได้? ฉันไม่ยอมรับลูกสะใภ้อย่างเธอ เธอก็ไม่มีวันได้เข้าไปอยู่ในบันทึกบรรพบุรุษวงศ์ตระกูลแน่นอน ทรัพย์สมบัติของฉัน เธอก็อย่าหวังจะได้แม้แต่บาทเดียว”
“ท่านประธาน” ชางหลิงเห็นเธอยิ่งพูดยิ่งอารมณ์ร้อน ก็ขมวดคิ้วขึ้น “หนูไม่เคยคิดอยากได้ทรัพย์สมบัติของตระกูลโหมวเลย สิ่งที่หนูชอบ มีเพียงโหมวยู่คนนี้เท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนของตระกูลโหมว ถึงแม้เขาจะไม่เหลืออะไรเลย หนูก็ยังคงจะอยู่กับเขา”
“ตอแหล” โหมวเจิ้งถิงตะโกน “เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรือว่าเธอเป็นคนยังไง?”
“นายท่าน” โจวฝูพูดเตือนคำหนึ่ง “ท่านสุขภาพไม่ดี อย่าใช้อารมณ์เลย”
ตอนแรกพวกเขาไม่ได้จะมาทะเลาะ แต่ว่า ชางหลิงก็เป็นคนมีเวทมนตร์แบบนี้ ต้องทำให้โหมวเจิ้งถิงโมโหกัดฟันทุกครั้ง
โหมวเจิ้งถิงเหล่ไปมองโจวฝูทีหนึ่ง จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เขามองไปที่นาฬิกาบนผนัง ใกล้ดึกแล้ว โหมวยู่ยังไม่กลับมา ความอดทนของเขาใช้หมดแล้ว
โหมวเจิ้งถิงหน้าดำเคร่งเครียด เขาจับไม้เท้าลุกขึ้นยืน ทำเสียงเย็นชาอย่างโมโห
“ช่างเถอะ กับคนอย่างเธอ ก็แค่เสียเวลาเท่านั้น” โหมวเจิ้งถิงพูดจบ ก็เดินไปที่ประตู
“ฉันขอเตือนเธอ ขอแค่ฉันยังมีชีวิตอยู่หนึ่งวัน ความโลภของเธอก็ไม่มีวันสำเร็จ จดทะเบียนแล้วยังไง ลูกชายตระกูลโหมวของฉัน ถึงจะแต่งงานรอบสอง ก็มีคนมากมายอยากได้”
ชางหลิงก้มหน้าไว้ตลอด ไม่ได้พูดอะไรเลย
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งๆที่โหมวเจิ้นถิงพูดจาไม่น่าฟัง แต่ว่าในใจเธอไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ
เธอเคยเห็นความโหดร้ายของเขา หากเขาอยากจัดการกับเธอ ไม่เข้ามาดูหมิ่นถึงบ้านแน่ ยิ่งไม่ยุ่งหาเรื่องเธอขนาดนี้แน่
ความรู้สึกแบบนี้……ทำไมถึงเหมือนคนแก่คนหนึ่งที่เป็นเพราะลูกชายลูกสะใภ้ไม่กลับบ้านในวันตรุษจีน จึงมาบ่นโดยเฉพาะ
“สวัสดีค่ะท่านประธาน” ชางหลิงคำนับอย่างมารยาท ยังคงท่าทางยิ้มแย้ม
โหมวเจิ้งถิงเหล่มองเธอ หันไปอย่างเย่อหยิ่ง เดินไปทางประตู
มองดูโหมวเจิ้งถิงจากไป รอยยิ้มบนหน้าของชางหลิงก็ค่อยๆหายไป เธอหันกลับไป มองไปที่จี้เหยากวง
“พี่สะใภ้” จี้เหยากวงยังคงกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา “เมื่อกี้ฉัน……พูดอะไรผิดไปใช่ไหม?”
“เธอว่าล่ะ?” ชางหลิงถามกลับไป
จี้เหยากวงก้มหน้า ไม่กล้าสบตาเธอ
“ความจริงเธอไม่ต้องทำแบบนี้” ชางหลิงนั่งอยู่บนโซฟา พูดกับจี้เหยากวง “ขอบางอย่าง ถ้าเป็นของเธอมันก็เป็นของเธอ เธอไม่ต้องแย่งมันก็ยังคงเป็นของเธอ”
“พี่ชายของเธอมีบุญคุณต่อโหมวยู่ นี่คือข้อได้เปรียบของเธอ คือข้อต่อรองของเธอ ขอแค่เธอเชื่อฟังดีๆ ถึงจะไม่มีสมบัติพันล้านแสนล้าน แต่ว่าร่ำรวยมีสุขก็ไม่ใช่ปัญหา ฉันกับโหมวยู่ถึงจะทุบหม้อขายเหล็กก็ต้องเลี้ยงดูเธอ เธอสามารถอยู่อย่างสบายได้ตลอดชีวิต อยากทำอะไรก็ได้”
“แต่ว่า……ถ้าหากเธอยังจะท้าทายขีดจำกัดของฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันรู้สึกว่า ผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะ ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด เพราะว่าเธอก็รู้…….”
“เพื่อให้ได้อยู่กับโหมวยู่ ฉันสามารถส่งน้องสาวแท้ๆของฉันเข้าคุก และสามารถทำให้คู่หมั้นของเขาหายไปจากโลกนี้ได้ ฉันไม่ได้มาถึงจุดนี้ง่ายๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้คนอื่นมาทำลายง่ายๆ”
จี้เหยากวงสีหน้าซีดเซียว สายตาของเธอมีความหวาดกลัว ร่างกายสั่น
“ฉัน ฉันรู้แล้ว” เธอพยายามพูดเสียงนิ่ง “พี่สะใภ้ ฉันจะเชื่อฟังพวกพี่แน่นอน”
ชางหลิงหัวเราะเย็นชา ไม่ได้มองเธออีก จี้เหยากวงกล้าๆกลัวๆ ถอยตัวออกไป “งั้นฉันกลับห้องแล้ว”
จี้เหยากวงรีบขึ้นห้องไป ฝีเท้าเร็วและไม่กล้าทำให้เกิดเสียงดัง กลัวทำให้ชางหลิงรำคาญ
“ทำไมต้องพูดแบบนี้?” ป๋ายจื๋อขมวดคิ้ว “ทำให้ดูเหมือนเธอโหดเหี้ยมมาก”
“แหม” ชางหลิงอ้าปาก หัวเราะเหอะเหอะ “ล้อเล่นเท่านั้น ขู่เธอไว้บ้าง”
ถ้าหากจี้เหยากวงรู้จักถอย เก็บความคิดที่ไม่สมควรของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะเล่นบทคนโหดเหี้ยมก็คุ้มค่าแล้ว

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset