ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 268 พวกเราไม่ได้ชนคน

ผมรู้สึกว่าจี้เหยากวงคนนี้ ไม่หวังดี” ป๋ายจื๋อพูดอย่างมั่นใจ “ยามจำเป็น เพื่อให้ความสัมพันธ์ของคุณและโหมวยู่ราบรื่น ควรใช้มาตรการพิเศษบางอย่าง”
ชางหลงหัวเราะ รู้สึกท่าทางของป๋ายจื๋อค่อนข้างน่ารัก
บอกว่าเขาเป็นคนทื่อ ดูเหมือนเขาก็เข้าใจทุกอย่าง หากบอกว่าไม่ทื่อ ทุกครั้งที่เขาพูดเรื่องจริงจังกับเธอ จะทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังทำเรื่องฆ่าคนพฤติกรรมผิดกฎหมายอย่างนั้น
รถขับเคลื่อนอยู่บนถนน ผ่านทางแยกพอดี แต่เวลานี้เอง มีคนวิ่งออกมาจากข้างทางคนหนึ่ง ป๋ายจื๋อรีบเบรกรถ เสียงล้อเสียดสีกับถนนจนดัง ร่างชางหลิงโน้มไปข้างหน้า ใจหายใจคว่ำไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว
“ชนคนแล้วเหรอ?” ป๋ายหลิงสีหน้าซีดเซียว
ป๋ายจื๋อมองไปที่กล้องหน้ารถ ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “แย่แล้ว”
“เป็นอะไร?” ชนคนจริงเหรอ? ชางหลิงตกใจมาก
ป๋ายจื๋อเปิดประตูรถเดินลงไป หน้ารถมีหญิงชราคนหนึ่งล้มอยู่ อายุประมาณหกสิบกว่า ณ ตอนนี้ อยู่ในอาการใกล้สลบ
“แม่เจ้า” ชางหลิงตกใจตัวสั่น รีบหยิบมือถือออกมา “รีบโทรเรียกรถฉุกเฉิน”
ป๋ายจื๋อก้มตัวลงไป ตรวจดูอาการหญิงชรา เพิ่งโดนไหล่ของเธอเท่านั้น ก็จับโดนสิ่งเหนียวหนึบ เขายกมือขึ้น เห็นเลือดสีแดงสด
“เป็นไปได้ยังไง…….” ป๋ายจื๋อขมวดคิ้ว เขามั่นใจมาก เขาเบรกรถทันเวลา ไม่ได้ชนเธอ แต่ว่าบาดแผลบนร่างกาย…….
“ป๋ายจื๋อ……” ชางหลิงเห็นเลือดในมือของป๋ายจื๋อ เธอก้มตัวลง จับมือของเขาไว้ “ชนคนแล้วเหรอ? พวกเราเป็นคนชนเหรอ?”
พวกเขาสองคนคุยกันบนรถ ไม่ได้คิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้ แม้แต่ชางหลิงก็สงสัย
“ไม่ใช่” ป๋ายจื๋อตอบเธอ เขายืนขึ้น มองไปรอบด้าน ซ้ายมือข้างหน้ามี ขวามือด้านหลังมีกล้องอยู่
“งั้นก็ดี……” ชางหลิงรู้สึกโล่งใจ “กล้องหน้ารถถ่ายไว้ไหม”
“กล้องหน้ารถมีคนเตะต้องแล้ว” ป๋ายจื๋อบอกเธออย่างโหดร้าย
“อะไรนะ?” ชางหลิงตกใจ
“ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้สังเกต เมื่อกี้ตอนเกิดเรื่องผมดูแล้ว มันถูกคนตั้งค่าไว้ สถานะทำงานอย่างเดียวไม่บันทึก”​ ป๋ายจื๋อตอบ
“นั่นหมายความว่า ภายนอกดูเหมือนถ่ายภาพอยู่ ให้รู้ว่ามันทำงานอยู่ แต่ความจริง ภาพทั้งหมดไม่ได้ถูกบันทึก” ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
ชางหลิงหันกลับไปดู กล้องตรงกระจกหน้ารถ
“รถคันนี้ โหมวยู่ซื้อให้ฉัน…….” ชางหลิงรีบคิดในสมองหนึ่งรอบ “​ก่อนหน้านี้จอดไว้ในลานจอดตลอด เมื่อวานเพิ่งขับครั้งแรก”
เพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยขับเลย เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้ตรวจสอบกล้องหน้ารถเลย?
“ไม่เป็นไร” ป๋ายจื๋อปลอบเธอ “ทางนี้มีกล้อง”
เสียงรถพยาบาลดังมา ป๋ายจื๋อและชางหลิงตามไปโรงพยาบาลด้วย
นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ชางหลิงจับมือถือไว้ คิดอยู่สักพัก ก็ยังโทรหาโหมวยู่ ผ่านไปสักพัก โหมวยู่ก็รีบเร่งมาถึง
“สถานการณ์ยังไง?” โหมวยู่มองเห็นเลือดบนตัวชางหลิงที่เปื้อนโดยไม่ได้ตั้งใจ สีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ฉันไม่เป็นไร” ชางหลิงตกใจมาก นี่มันชีวิตคนเป็นๆ คนไร้เดียงสาคนหนึ่ง ถ้าหากเกิดเรื่องเพราะเธอ เธอก็ต้องกลายเป็นนักโทษฆ่าคนแล้วเหรอ?
“น่าจะเป็นการกลหลอกลวง” ป๋ายจื๋อนิ่งเฉยกว่าชางหลิงมาก “พวกเราไม่ได้ชนคน”
กำลังพูดอยู่ หมดก็ออกมาจากห้องฉุกเฉิน “ญาติคนไข้หรือเปล่า?”
ชางหลิงรีบเดินเข้าไป “หมอ เธออาการเป็นยังไงบ้าง?”
“ซี่โครงหักไปสองท่อน หนึ่งในนั้นทิ่มเข้าปอด ทำให้เลือดตกใน ต้องทำการผ่าตัด พวกคุณใครเซ็นชื่อ”
ชางหลิงนิ่งอยู่กับที่
เธอหันไปมองป๋ายจื๋อ ยิ่งรู้สึกสงสัยตัวเองขึ้นมา
ไหนบอกว่าไม่ได้ชนไม่ใช่เหรอ? แต่อาการบาดเจ็บในร่างเธอ มาจากไหน?
เธอยังอึ้งอยู่ โหมวยู่เซ็นชื่อก่อนแล้ว ยื่นเอกสารคืนหมอ
ชางหลิงนั่งอึ้งอยู่บนเก้าอี้ ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี
“คนที่มาต้มตุ๋น จะทำให้ตัวเองบาดเจ็บขนาดนี้?” โหมวยู่ถามป๋ายจื๋อ
ป๋ายจื๋อขมวดคิ้ว เขามองไปที่ชางหนิง น้ำเสียงหนักแน่น “ผมมั่นใจ ว่าไม่ได้ชนเธอ เธอพุ่งออกมากะทันหัน”
“กล้องหน้ารถล่ะ?” โหมวยู่ถามต่อ
“กล้องหน้ารถมีปัญหา ไม่ได้บันทึกภาพไว้” ป๋ายจื๋อขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีก
“นั่นก็หมายความว่า ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าพวกคุณไม่ได้ชนคน?” โหมวยู่มองไปที่ชางหลิง
ทั้งสามคนเงียบ โหมวยู่ถอนหายใจยาว นั่งลงข้างชางหลิง
“ช่างเถอะ ชนหรือไม่ชนไม่สำคัญ จ่ายเงินรักษาให้หายก็พอ รอญาติของเขามา เจรจากันหน่อย เอาเท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้น”
ชางหลิงฟังคำพูดของโหมวยู่ รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ
“ทำแบบนี้ ไม่เท่ากับว่าพวกเรายอมรับว่าชนคนเหรอ?”
โหมวยู่ไม่ได้ตอบเธอ
ชางหลิงลุกขึ้น “เธอเจ็บหนักขนาดนี้ ฉันก็ไม่เข้าใจ และยิ่งสงสัย บาดเจ็บหนักขนาดนี้ ต้องเป็นการชนอย่างแรง แต่ว่าตอนนั้นฉันนั่งอยู่ในรถ ไม่ได้รู้สึกว่ามีเสียงชนอย่างรุนแรง อีกอย่างเธอล้มอยู่หน้ารถเรา ถ้าหากชนหนักขนาดนั้น เป็นไปได้ยังไงที่ล้มอยู่หน้ารถ?”
ไม่ก็ต้องกระเด็นไปไกล หรือไม่ก็ต้องถูกล้อทับ
โหมวยู่ไม่ได้พูด ในสายตาเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ดูเหมือนชางหนิงกำลังทำตัวไม่มีเหตุผล
“คุณพูดซิ” ชางหลิงเร่งเขา “ฉันรู้ว่าคุณมีเงิน คุณชดใช้เงินหลายล้านหรือสิบล้านขนหน้าแข้งก็ไม่ร่วง แต่ว่าเรื่องที่ฉันไม่ได้ทำ ทำไมต้องยอมรับ?”
“คุณไม่เข้าใจเหรอ?” โหมวยู่เงยหน้า “ผมรู้สึกว่ามันลำบากยุ่งยาก”
“ผมไม่ได้มีเวลาฟังคุณมาอธิบายทีละรอบว่าคุณขับรถชนคนหรือเปล่า และไม่อยากต้องไปฟ้องร้องเพราะเรื่องแบบนี้ ใช้เงินจัดการคือวิธีที่ง่ายที่สุด และซื้อบทเรียนให้คุณด้วย จากนี้ไปทำอะไรก็ใช้สมองบ้าง คิดดูว่าทำไมตัวเองถึงเจอแต่เรื่องวุ่นวายแบบนี้”
“เพี๊ยะ” เสียงตบหน้าดังกึกก้อง
ชางหลิงมองดูมือตัวเองที่ชาไปแล้ว แม้แต่ตัวเองยังไม่กล้าเชื่อว่าเธอตบหน้าโหมวยู่
โหมวยู่นิ่งเงียบ รู้สึกถึงความเจ็บบนหน้า สายตามืดมน
“ระบายจบหรือยัง? ถ้าจบแล้ว ก็กลับไปได้”
ชางหลิงน้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงลงมา เธอมองดูผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ทันใดนั้นรู้สึกว่าเขาทำไมถึงแปลกหน้าแบบนี้
“คนที่ชนคนคือผม เป็นความรับผิดชอบของผม” ป๋ายจื๋อยืนออกมา “ผมจะรับผิดชอบเอง จะชดใช้เงินหรือติดคุก ผมรับผิดชอบเอง ไม่รบกวนคุณโหมว”
“ใช่เหรอ?” โหมวยู่หัวเราะเย็นชา “ผมของผมโหมวยู่ ไม่รบกวนผม แต่กลับรบกวนคนนอกอย่างคุณเหรอ?”
“พอแล้ว” ชางหลิงตะโกน เธอมองโหมวยู่อย่างเย็นชา ควบคุมอารมณ์ “ฉันไม่ควรเรียกคุณมา คนที่ทัศนคติไม่ตรงกัน ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ขอตัว” โหมวยู่ไม่อยากอยู่ต่อ ลุกขึ้นเดินจากไป
ชางหลิงบังคับตัวเองไม่ไปมองร่างที่เดินจากไปของเขา กำมือสองข้างไว้แน่น แน่นจนเล็บจิกเนื้อในฝ่ามือ

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset