ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 322 พลังอันยิ่งใหญ่หมดลงแล้ว

ทำไมเธอถึงนอนหลับลึกขนาดนี้ไปได้เนี่ย?
เมื่อคืนวานทั้งๆที่เธออยากจะรอให้โหมวยู่กลับมาแล้วลองถามอะไรสักอยากได้บ้าง ทำไมพอเอนหลังนอนลงก็หลับสนิทเลยล่ะ?
ชางหลิงรีบจัดการกับตัวเองอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เดินไปยังห้องรับแขก ก็ไม่เห็นร่างกายอันคุ้นเคย เธอตามหาตัวภายในคอนโดมาแล้วหนึ่งรอบ มันเวิ้งว้างว่างเปล่า โหมวยู่ออกไปแล้ว
ชางหลิงโทรศัพท์หาซูเสี่ยวเฉิงทันที “เสี่ยวเฉิงจื่อ คนที่แกหามานั้นรู้ไหมว่าโหมวยู่ไปไหน?”
“ห๊ะ? คุณชายรองโหมวออกไปแล้วเหรอ? ฉันไปถามแป๊บหนึ่งนะ”
ซูเสี่ยวเฉิงกำลังนั่งดูแฟชั่นโชว์อยู่ที่บ้าน พอโดนชางหลิงถามมาจนหน้าเสีย เลยรีบติดต่อเด็กอ้วนที่อยู่ชั้นบนทันที
ไม่นานนักเธอก็ได้ข้อความตอบกลับมา “คนที่สะกดรอยตามคุณชายรองโหมวพูดว่าเขาไปที่เป่ยเม้าโก๋จี้ แต่ว่าตึกนั้นมีแค่พนักงานเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ เขาเองก็ไม่รู้รายละเอียดว่าคุณชายรองโหมวไปพบเจอกับใคร”
เป่ยเม้าโก๋จี้ ที่นั่นเป็นศูนย์การแพทย์ของหลินจื้อไม่ใช่เหรอ?
โหมวยู่แอบลับๆ ล่อๆ หนีเธอไปเช่นนี้ ร่างกายของเขาต้องเกิดปัญหาขึ้นมาเป็นแน่
เมื่อเห็นทุกครั้งที่เขาออกไปและกลับมาถึงบ้านด้วยท่าทางสภาพอิดโรยเช่นนั้นแล้ว และด้วยการเตรียมตัวทำงานเหล่านั้นด้วย ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาอาการหนักเอาการมากแล้วเหรอ?
ให้ตายสิ เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ทำไมถึงปิดได้อย่างมิดชิดไม่มีพิรุธใดๆได้ขนาดนี้ ยังคิดว่าเธอเป็นคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาไปชั่วชีวิตหรือเปล่าเนี่ย
เธอระงับกับความเจ็บปวดที่อยู่ในใจ พลางใช้น้ำเสียงอันสงบนิ่งพูดกับซูเสี่ยวเฉิง “โอเค ฉันรู้เรื่องแล้ว ลำบากเพื่อนอย่างแกด้วยนะ งั้นให้เขามาที่ใต้ตึกบ้านฉันตอนกลางคืนมาดูโหมวยู่สักหน่อยว่าทำอะไรอยู่ใต้ตึก?”
“อื้อ เสี่ยวหลิงหลิงแกอย่าเพิ่งใจร้อนเกินเหตุนะ ระวังสุขภาพร่างกายของตัวเอง หรือว่าให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยกับแกเอาไหม”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องให้แกมาหรอกลำบากเปล่าๆ”
ตอนนี้ในหัวสมองของชางหลิงสับสนไปหมด ไม่มีความคิดจะมาคุยอะไรกับซูเสี่ยวเฉิงจริงๆ เรื่องส่วนตัวระหว่างเธอกับโหมวยู่ก่อนหน้านี้เธอไม่อยากให้เพื่อนสนิทรู้มากเกินควร
“ได้ งั้นพวกเราค่อยนัดกันวันหลัง” หลังจากซูเสี่ยวเฉิงกดวางสายแล้วก็ถอนหายใจยาวๆออกมา
ทำไมเธอถึงนอนหลับลึกขนาดนี้ไปได้เนี่ย?
เมื่อคืนวานทั้งๆที่เธออยากจะรอให้โหมวยู่กลับมาแล้วลองถามอะไรสักอยากได้บ้าง ทำไมพอเอนหลังนอนลงก็หลับสนิทเลยล่ะ?
ชางหลิงรีบจัดการกับตัวเองอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เดินไปยังห้องรับแขก ก็ไม่เห็นร่างกายอันคุ้นเคย เธอตามหาตัวภายในคอนโดมาแล้วหนึ่งรอบ มันเวิ้งว้างว่างเปล่า โหมวยู่ออกไปแล้ว
ชางหลิงโทรศัพท์หาซูเสี่ยวเฉิงทันที “เสี่ยวเฉิงจื่อ คนที่แกหามานั้นรู้ไหมว่าโหมวยู่ไปไหน?”
“ห๊ะ? คุณชายรองโหมวออกไปแล้วเหรอ? ฉันไปถามแป๊บหนึ่งนะ”
ซูเสี่ยวเฉิงกำลังนั่งดูแฟชั่นโชว์อยู่ที่บ้าน พอโดนชางหลิงถามมาจนหน้าเสีย เลยรีบติดต่อเด็กอ้วนที่อยู่ชั้นบนทันที
ไม่นานนักเธอก็ได้ข้อความตอบกลับมา “คนที่สะกดรอยตามคุณชายรองโหมวพูดว่าเขาไปที่เป่ยเม้าโก๋จี้ แต่ว่าตึกนั้นมีแค่พนักงานเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ เขาเองก็ไม่รู้รายละเอียดว่าคุณชายรองโหมวไปพบเจอกับใคร”
เป่ยเม้าโก๋จี้ ที่นั่นเป็นศูนย์การแพทย์ของหลินจื้อไม่ใช่เหรอ?
โหมวยู่แอบลับๆ ล่อๆ หนีเธอไปเช่นนี้ ร่างกายของเขาต้องเกิดปัญหาขึ้นมาเป็นแน่
เมื่อเห็นทุกครั้งที่เขาออกไปและกลับมาถึงบ้านด้วยท่าทางสภาพอิดโรยเช่นนั้นแล้ว และด้วยการเตรียมตัวทำงานเหล่านั้นด้วย ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาอาการหนักเอาการมากแล้วเหรอ?
ให้ตายสิ เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ทำไมถึงปิดได้อย่างมิดชิดไม่มีพิรุธใดๆได้ขนาดนี้ ยังคิดว่าเธอเป็นคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาไปชั่วชีวิตหรือเปล่าเนี่ย
เธอระงับกับความเจ็บปวดที่อยู่ในใจ พลางใช้น้ำเสียงอันสงบนิ่งพูดกับซูเสี่ยวเฉิง “โอเค ฉันรู้เรื่องแล้ว ลำบากเพื่อนอย่างแกด้วยนะ งั้นให้เขามาที่ใต้ตึกบ้านฉันตอนกลางคืนมาดูโหมวยู่สักหน่อยว่าทำอะไรอยู่ใต้ตึก?”
“อื้อ เสี่ยวหลิงหลิงแกอย่าเพิ่งใจร้อนเกินเหตุนะ ระวังสุขภาพร่างกายของตัวเอง หรือว่าให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยกับแกเอาไหม”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องให้แกมาหรอกลำบากเปล่าๆ”
ตอนนี้ในหัวสมองของชางหลิงสับสนไปหมด ไม่มีความคิดจะมาคุยอะไรกับซูเสี่ยวเฉิงจริงๆ เรื่องส่วนตัวระหว่างเธอกับโหมวยู่ก่อนหน้านี้เธอไม่อยากให้เพื่อนสนิทรู้มากเกินควร
“ได้ งั้นพวกเราค่อยนัดกันวันหลัง” หลังจากซูเสี่ยวเฉิงกดวางสายแล้วก็ถอนหายใจยาวๆออกมา
พอกินไปได้สองคำเธอก็ไม่รู้สึกอยากอีกแล้ว กระทั่งจนเกิดอาการตีกลับขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าเธอจู่ๆก็หยุดกิน โหมวยู่เลยถามกลับ “หลิงเอ๋อคุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่สบายตรงไหนไหม ผมจะไปเรียกให้หลินจื้อมาเดี๋ยวนี้เลย”
ชางหลิงรีบห้ามทันที “ไม่ต้องหรอก เมื่อกี้กินเยอะไปหน่อย ตอนนี้กินไม่ลงแล้ว เค้กอร่อยมากค่ะ คุณก็ลองชิมดูนะ”
“ได้สิ”
เรื่องที่อยู่ในใจนั้นมันเยอะเหลือเกิน โหมวยู่ลืมว่าไปเสียสนิทว่าตนเองแทบไม่แตะต้องของหวานเลย เขารับเค้กคำนั้นที่ชางหลิงป้อนให้เขาตามปกติ จนจับสัมผัสได้ว่าแววตาของชางหลิงที่มองมาที่เขานั้นผิดปกติไป เลยหยุดกินและถามกลับ
“ทำไมเหรอ? บนหน้าผมมีอะไรเหรอ?”
“เปล่า เค้กอร่อยไหม?”
ชางหลิงฝืนให้ตัวเองยิ้มออกมา พลางถามกลับอย่างอ่อนโยน
“อร่อย”
โหมวยู่พยักหน้า พร้อมทั้งตอบกลับอย่างจริงจัง
โหมวยู่ที่รังเกียจการกินของหวานที่สุดจะรู้สึกกับเค้กที่ทั้งเลี่ยนขนาดนี้ให้เป็นของอร่อยไปได้อย่างไรกัน?
เห็นการแสดงออกอย่างจริงจังของเขาไม่เหมือนว่ากำลังโกหกแม้แต่น้อย โหมวยู่ไม่จำเป็นต้องดูถูกพูดโกหกมาเพื่อเอาใจเธอแบบนี้
ทำไมเธอถึงนอนหลับลึกขนาดนี้ไปได้เนี่ย?
เมื่อคืนวานทั้งๆที่เธออยากจะรอให้โหมวยู่กลับมาแล้วลองถามอะไรสักอยากได้บ้าง ทำไมพอเอนหลังนอนลงก็หลับสนิทเลยล่ะ?
ชางหลิงรีบจัดการกับตัวเองอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เดินไปยังห้องรับแขก ก็ไม่เห็นร่างกายอันคุ้นเคย เธอตามหาตัวภายในคอนโดมาแล้วหนึ่งรอบ มันเวิ้งว้างว่างเปล่า โหมวยู่ออกไปแล้ว
ชางหลิงโทรศัพท์หาซูเสี่ยวเฉิงทันที “เสี่ยวเฉิงจื่อ คนที่แกหามานั้นรู้ไหมว่าโหมวยู่ไปไหน?”
“ห๊ะ? คุณชายรองโหมวออกไปแล้วเหรอ? ฉันไปถามแป๊บหนึ่งนะ”
ซูเสี่ยวเฉิงกำลังนั่งดูแฟชั่นโชว์อยู่ที่บ้าน พอโดนชางหลิงถามมาจนหน้าเสีย เลยรีบติดต่อเด็กอ้วนที่อยู่ชั้นบนทันที
ไม่นานนักเธอก็ได้ข้อความตอบกลับมา “คนที่สะกดรอยตามคุณชายรองโหมวพูดว่าเขาไปที่เป่ยเม้าโก๋จี้ แต่ว่าตึกนั้นมีแค่พนักงานเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ เขาเองก็ไม่รู้รายละเอียดว่าคุณชายรองโหมวไปพบเจอกับใคร”
เป่ยเม้าโก๋จี้ ที่นั่นเป็นศูนย์การแพทย์ของหลินจื้อไม่ใช่เหรอ?
โหมวยู่แอบลับๆ ล่อๆ หนีเธอไปเช่นนี้ ร่างกายของเขาต้องเกิดปัญหาขึ้นมาเป็นแน่
เมื่อเห็นทุกครั้งที่เขาออกไปและกลับมาถึงบ้านด้วยท่าทางสภาพอิดโรยเช่นนั้นแล้ว และด้วยการเตรียมตัวทำงานเหล่านั้นด้วย ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาอาการหนักเอาการมากแล้วเหรอ?
ให้ตายสิ เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ทำไมถึงปิดได้อย่างมิดชิดไม่มีพิรุธใดๆได้ขนาดนี้ ยังคิดว่าเธอเป็นคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาไปชั่วชีวิตหรือเปล่าเนี่ย
เธอระงับกับความเจ็บปวดที่อยู่ในใจ พลางใช้น้ำเสียงอันสงบนิ่งพูดกับซูเสี่ยวเฉิง “โอเค ฉันรู้เรื่องแล้ว ลำบากเพื่อนอย่างแกด้วยนะ งั้นให้เขามาที่ใต้ตึกบ้านฉันตอนกลางคืนมาดูโหมวยู่สักหน่อยว่าทำอะไรอยู่ใต้ตึก?”
“อื้อ เสี่ยวหลิงหลิงแกอย่าเพิ่งใจร้อนเกินเหตุนะ ระวังสุขภาพร่างกายของตัวเอง หรือว่าให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยกับแกเอาไหม”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องให้แกมาหรอกลำบากเปล่าๆ”
ตอนนี้ในหัวสมองของชางหลิงสับสนไปหมด ไม่มีความคิดจะมาคุยอะไรกับซูเสี่ยวเฉิงจริงๆ เรื่องส่วนตัวระหว่างเธอกับโหมวยู่ก่อนหน้านี้เธอไม่อยากให้เพื่อนสนิทรู้มากเกินควร
“ได้ งั้นพวกเราค่อยนัดกันวันหลัง” หลังจากซูเสี่ยวเฉิงกดวางสายแล้วก็ถอนหายใจยาวๆออกมา

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset