ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 324 เปลี่ยนเป็นทางร้าย

การแต่งงาน เป็นวิธีการขอโทษของเขาเหรอ?
ถ้าโหมวยู่สามารถอธิบายรอยลิปสติกที่อยู่บนเสื้อได้อย่างชัดเจน แถมยังมีงานแต่งงานอันแสนเซอร์ไพรส์อีก งั้นเธอก็น่าจะฝืนทนยกโทษให้เขาสักครั้ง
“โหมวยู่ให้ฉู่ฉือไปเตรียมงานแต่งตั้งแต่ตอนไหนกัน?” พวกเขาไม่ได้เจอหน้าโหมวยู่
กันมานานแล้วไม่ใช่เหรอ?
“ตั้งแต่ตอนกลับมาจากมิลานนั่นแหละ”
“อ้อ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันผิดหวังของชางหลิง ถงเอินอยากจะตบปากตัวเองสักฉาด การอยู่กับตอไม้ไม่รู้สึกรู้สมอะไรอย่างฉู่ฉือนานเกินไปแล้ว จนทำให้ EQ ของเธอก็ถดถอยลงเหมือนถอดปลั๊กเลย
“คุณอย่าเพิ่งร้อนใจไป ฉันจะไปถามข่าวคราวเรื่องโหมวยู่มาให้พอได้ความแล้วจะมาแจ้งกับแกทันทีเลย”
“ขอบใจนะ”
หลังจากวางสายจากถงเอินแล้ว ชางหลิงเงยหน้าจับจ้องฝ้าเพดานอย่างไร้ความหมาย ตกลงแล้วโหมวยู่ไปอยู่ที่ไหนกันนะ?
หลินจื้อ?
จู่ๆ สมองของเธอผลันผุดชื่อนี้กระเด้งออกมาทันที
ถ้าโหมวยู่เกิดป่วยขึ้นมาจริงๆ เขาเชื่อใจหลินจื้อขนาดนั้น ตอนนี้ก็น่าจะอยู่ที่ศูนย์การแพทย์ของหลินจื้อนั่นแหละ
เมื่อคิดถึงผู้ชายที่ดูเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้คนนั้น ชางหลิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างไร้ซึ่งเหตุผลขึ้นมาทันที
ชางหลิงเดินไปหยุดหน้าห้องของป๋ายจื๋อ “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ป๋ายจื๋อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องก็รีบเปิดประตูทันที
“ป๋ายจื๋อ ช่วยตรวจสอบหลินจื้อให้หน่อย คุณสามารถแฮกเข้าไปในข้อมูลระบบการรักษาพยาบาลของเขาได้ไหม”
ป๋ายจื๋อพยักหน้าให้ พร้อมทั้งพาชางหลิงมายังห้องทำงานที่อยู่นอกห้องนอนของเขา พูดว่าห้องทำงานแต่ความจริงแล้วมันคือโต๊ะขนาดใหญ่ที่วางหนังสือแถมยังมีหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่อีกสามเครื่อง
นิ้วเรียวยาวขาวเกลี้ยงของป๋ายจื๋อเคาะแป้นพิมพ์ไม่หยุดราวกับกำลังเต้นระบำอยู่ ไม่นานนักก็ปรากฏรหัสตัวเลขที่ยาวเป็นแถวเด้งออกมาจนชางหลิงไม่เข้าใจ
หลังจากเปิดรายชื่อคนไข้ของหลินจื้อดูรอบหนึ่งแล้ว ป๋ายจื๋อได้แต่ส่ายหน้าไปมา “ระเบียนผู้ป่วยของโหมวยู่ไม่ได้อยู่ด้านใน”
การแต่งงาน เป็นวิธีการขอโทษของเขาเหรอ?
ถ้าโหมวยู่สามารถอธิบายรอยลิปสติกที่อยู่บนเสื้อได้อย่างชัดเจน แถมยังมีงานแต่งงานอันแสนเซอร์ไพรส์อีก งั้นเธอก็น่าจะฝืนทนยกโทษให้เขาสักครั้ง
“โหมวยู่ให้ฉู่ฉือไปเตรียมงานแต่งตั้งแต่ตอนไหนกัน?” พวกเขาไม่ได้เจอหน้าโหมวยู่
กันมานานแล้วไม่ใช่เหรอ?
“ตั้งแต่ตอนกลับมาจากมิลานนั่นแหละ”
“อ้อ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันผิดหวังของชางหลิง ถงเอินอยากจะตบปากตัวเองสักฉาด การอยู่กับตอไม้ไม่รู้สึกรู้สมอะไรอย่างฉู่ฉือนานเกินไปแล้ว จนทำให้ EQ ของเธอก็ถดถอยลงเหมือนถอดปลั๊กเลย
“คุณอย่าเพิ่งร้อนใจไป ฉันจะไปถามข่าวคราวเรื่องโหมวยู่มาให้พอได้ความแล้วจะมาแจ้งกับแกทันทีเลย”
“ขอบใจนะ”
หลังจากวางสายจากถงเอินแล้ว ชางหลิงเงยหน้าจับจ้องฝ้าเพดานอย่างไร้ความหมาย ตกลงแล้วโหมวยู่ไปอยู่ที่ไหนกันนะ?
หลินจื้อ?
จู่ๆ สมองของเธอผลันผุดชื่อนี้กระเด้งออกมาทันที
ถ้าโหมวยู่เกิดป่วยขึ้นมาจริงๆ เขาเชื่อใจหลินจื้อขนาดนั้น ตอนนี้ก็น่าจะอยู่ที่ศูนย์การแพทย์ของหลินจื้อนั่นแหละ
เมื่อคิดถึงผู้ชายที่ดูเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้คนนั้น ชางหลิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างไร้ซึ่งเหตุผลขึ้นมาทันที
ชางหลิงเดินไปหยุดหน้าห้องของป๋ายจื๋อ “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ป๋ายจื๋อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องก็รีบเปิดประตูทันที
“ป๋ายจื๋อ ช่วยตรวจสอบหลินจื้อให้หน่อย คุณสามารถแฮกเข้าไปในข้อมูลระบบการรักษาพยาบาลของเขาได้ไหม”
ป๋ายจื๋อพยักหน้าให้ พร้อมทั้งพาชางหลิงมายังห้องทำงานที่อยู่นอกห้องนอนของเขา พูดว่าห้องทำงานแต่ความจริงแล้วมันคือโต๊ะขนาดใหญ่ที่วางหนังสือแถมยังมีหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่อีกสามเครื่อง
นิ้วเรียวยาวขาวเกลี้ยงของป๋ายจื๋อเคาะแป้นพิมพ์ไม่หยุดราวกับกำลังเต้นระบำอยู่ ไม่นานนักก็ปรากฏรหัสตัวเลขที่ยาวเป็นแถวเด้งออกมาจนชางหลิงไม่เข้าใจ
หลังจากเปิดรายชื่อคนไข้ของหลินจื้อดูรอบหนึ่งแล้ว ป๋ายจื๋อได้แต่ส่ายหน้าไปมา “ระเบียนผู้ป่วยของโหมวยู่ไม่ได้อยู่ด้านใน”
ก่อนหน้านี้หลินจื้อเคยพูดมาแล้ว ร่างกายของเขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงอันทรงพลังแล้ว จนถึงขั้นสามารถเป็นลมล้มพับไปแล้วไม่สามารถฟื้นกลับขึ้นมาได้อีก เพื่อให้ชางหลิงใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นดีขึ้นจากนี้บ้าง เขาจำเป็นต้องช่วยจัดการปัญหาทางฝั่งของนายท่านโหมวให้กับเธอ
“คุณชายรองโหมว ตอนนี้สภาพร่างกายของคุณทำได้แค่พักรักษาตัวนิ่งๆเข้าไว้”
“ไปจ่ายยามา”
โหมวยู่ทำเหมือนไม่ได้ยินคำตักเตือนของหลินจื้อ ร่างกายของเขาอยู่ในสภาพไหนเขาย่อมเข้าใจมากที่สุด เพราะคำว่าเข้าใจอย่างชัดเจนนี่แหละ เขาถึงได้ต้องรีบทำในสิ่งที่ควรจะทำ
เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ในห้องอาบน้ำ หลินจื้อได้แต่เดินออกไปเงียบๆ
โหมวยู่มองเห็นยาที่เยอะกว่าเดิมจนเห็นได้ชัด แต่ไม่ได้ทำอะไร
หลินจื้อรีบอธิบายทันควัน “คุณชายรองโหมว ด้วยสภาพร่างกายของคุณในเวลานี้ต้องการเพิ่มปริมาณให้มากขึ้น”
โหมวยู่มองเม็ดยาที่กองเป็นภูเขาลูกย่อมๆหลากหลายสีต่อหนึ่งมื้อ จนขมวดหัวคิ้วอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“เทน้ำมา”
หลินจื้อตกใจจนเหงื่อเย็นไหลออกมา จนเกือบคิดว่าโหมวยู่จับสัมผัสเงื่อนงำอะไรได้ พลางรีบวิ่งเหยาะๆ อย่างตื่นตระหนกไปเทน้ำมาให้
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าอันสับสนไม่เป็นจังหวะของเขา นัยน์ตาอันลึกซึ้งของโหมวยู่ ช่วงไหนกันที่หลินจื้อเปลี่ยนเป็นคนเรื่อยเปื่อยไปได้ขนาดนี้นะ เขาเป็นเด็กที่แสนเข้มงวดละเอียดรอบคอบที่สุดในตระกูลเซิ่งมาตลอด ไม่งั้นคงไม่เลือกให้เขาไปเรียนทางการแพทย์หรอก
หลังจากที่หลินจื้อเทน้ำให้แล้ว โหมวยู่ทั้งกินยาและเอ่ยปากถามไปด้วย “มีเรื่องอยู่ในใจเหรอ?”
“ไม่ ไม่มี” หลินจื้อเงยหน้าขึ้นทันควัน รูม่านตาขยายกว้างขึ้น จนเขาสัมผัสกับอาการผิดปกติของตนเองได้ พลางก้มหน้าก้มตาเพื่อปิดบังแววตาพายุที่กำลังโหมกระหน่ำเต็มไปด้วยความอันตราย
“อย่าตื่นเต้น แค่ถามดูเฉยๆ ต่อไปมีปัญหาหนักๆอะไรก็ไปหาฉู่ฉือ เขาจะช่วยนายได้”
การแต่งงาน เป็นวิธีการขอโทษของเขาเหรอ?
ถ้าโหมวยู่สามารถอธิบายรอยลิปสติกที่อยู่บนเสื้อได้อย่างชัดเจน แถมยังมีงานแต่งงานอันแสนเซอร์ไพรส์อีก งั้นเธอก็น่าจะฝืนทนยกโทษให้เขาสักครั้ง
“โหมวยู่ให้ฉู่ฉือไปเตรียมงานแต่งตั้งแต่ตอนไหนกัน?” พวกเขาไม่ได้เจอหน้าโหมวยู่
กันมานานแล้วไม่ใช่เหรอ?
“ตั้งแต่ตอนกลับมาจากมิลานนั่นแหละ”
“อ้อ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันผิดหวังของชางหลิง ถงเอินอยากจะตบปากตัวเองสักฉาด การอยู่กับตอไม้ไม่รู้สึกรู้สมอะไรอย่างฉู่ฉือนานเกินไปแล้ว จนทำให้ EQ ของเธอก็ถดถอยลงเหมือนถอดปลั๊กเลย
“คุณอย่าเพิ่งร้อนใจไป ฉันจะไปถามข่าวคราวเรื่องโหมวยู่มาให้พอได้ความแล้วจะมาแจ้งกับแกทันทีเลย”
“ขอบใจนะ”
หลังจากวางสายจากถงเอินแล้ว ชางหลิงเงยหน้าจับจ้องฝ้าเพดานอย่างไร้ความหมาย ตกลงแล้วโหมวยู่ไปอยู่ที่ไหนกันนะ?
หลินจื้อ?
จู่ๆ สมองของเธอผลันผุดชื่อนี้กระเด้งออกมาทันที
ถ้าโหมวยู่เกิดป่วยขึ้นมาจริงๆ เขาเชื่อใจหลินจื้อขนาดนั้น ตอนนี้ก็น่าจะอยู่ที่ศูนย์การแพทย์ของหลินจื้อนั่นแหละ
เมื่อคิดถึงผู้ชายที่ดูเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้คนนั้น ชางหลิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างไร้ซึ่งเหตุผลขึ้นมาทันที
ชางหลิงเดินไปหยุดหน้าห้องของป๋ายจื๋อ “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ป๋ายจื๋อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องก็รีบเปิดประตูทันที
“ป๋ายจื๋อ ช่วยตรวจสอบหลินจื้อให้หน่อย คุณสามารถแฮกเข้าไปในข้อมูลระบบการรักษาพยาบาลของเขาได้ไหม”
ป๋ายจื๋อพยักหน้าให้ พร้อมทั้งพาชางหลิงมายังห้องทำงานที่อยู่นอกห้องนอนของเขา พูดว่าห้องทำงานแต่ความจริงแล้วมันคือโต๊ะขนาดใหญ่ที่วางหนังสือแถมยังมีหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่อีกสามเครื่อง
นิ้วเรียวยาวขาวเกลี้ยงของป๋ายจื๋อเคาะแป้นพิมพ์ไม่หยุดราวกับกำลังเต้นระบำอยู่ ไม่นานนักก็ปรากฏรหัสตัวเลขที่ยาวเป็นแถวเด้งออกมาจนชางหลิงไม่เข้าใจ
หลังจากเปิดรายชื่อคนไข้ของหลินจื้อดูรอบหนึ่งแล้ว ป๋ายจื๋อได้แต่ส่ายหน้าไปมา “ระเบียนผู้ป่วยของโหมวยู่ไม่ได้อยู่ด้านใน”

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset