ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 325 สัญญา

ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกันแบบนี้มานานมากแล้ว ต่างคนต่างไม่คุ้นชินกัน ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องอะไรกันต่อดี
หลังจากเงียบงันกันมาสักพัก โหมวยู่ก็เรียกทนายข้างนอกให้เข้ามาด้านใน พร้อมทั้งเอาเอกสารทั้งหมดวางยาวกันเป็นแถวต่อหน้านายท่านโหมว “เซ็นชื่อเถอะ”
“ตารอง …..”
นายท่านโหมวอยากจะเกลี้ยกล่อมลูกชายอีกครั้ง นี่เขาจะยอมปล่อยวางทุกอย่างไปแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม? ทำไมตารองดูไม่ดีใจ แล้วเขาจะดีใจไปได้อย่างไรกัน
โหมวยู่เบนสายตาหนี ไม่ได้จ้องมองแววตาที่แสนเศร้าโศกของนายท่านโหมว
หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน นายท่านโหมวก็ถอนหายใจออกมายาวๆ อย่างเบื่อหน่าย พลางเซ็นชื่อตรงจุดที่ควรจะเซ็นด้วยอาการมือสั่นเทา
หลังจากเซ็นชื่อเสร็จแล้ว เขาก็ทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างทิ้งตัว หน้าดำคร่ำเครียด ดวงตาหม่นหมองไร้แววตา ราวกับแก่ลงกว่าเดิมอีก 10 กว่าปีในชั่วขณะนั้น
เมื่อมองเห็นชายชรานั่งอยู่บนโซฟาอย่างโดดเดี่ยว เป็นครั้งแรกที่โหมวยู่รับรู้ได้อย่างชัดเจน ที่แท้เขาก็แก่แล้ว เขาเองก็อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป ทว่าไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขาสองคนยังสามารถพูดอะไรได้ จนสุดท้ายแล้วได้แต่พูดคำพูดห้วนๆอย่างมะนาวไม่มีน้ำออกไป “รักษาสุขภาพ”
โหมวยู่สาวเท้าก้าวยาวๆเดินออกไปทางด้านนอก พร้อมทั้งส่งสัญญาณให้หลินจื้อที่อยู่ด้านนอกมาดูสุขภาพร่างกายของนายท่านโหมว หลินจื้อที่เพิ่งก้าวเท้าเข้าห้องรับแขก ด้านในก็มีเสียงนายท่านโหมวตะโกนแหกปากด้วยความโกรธเคืองเต็มที่ดังออกมา “ไสหัวออกไป!”
ตอนที่ด่าทอคนมีพลังขนาดนี้ ดูแล้วสุขภาพร่างกายของนายท่านโหมวจะดีกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
เมื่อออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลโหมวแล้ว ตอนแรกโหมวยู่คิดไว้คือไปหาชางหลิงทว่าเกิดอาการลังเลอยู่ชั่วครู่ ตอนนี้สภาพร่างกายของจี้เหยากวงก็ดีขึ้นพอสมควรแล้ว เขาต้องไปดูอาการด้วยตนเองให้เห็นกับตาสักหน่อย แล้วค่อยสั่งการต่อ
เพราะว่าเขาเป็นญาติเพียงคนเดียวของหัวหน้าหน่วยจี้ เขาไม่สามารถที่จะปล่อยปละละเลยไม่ถามไถ่สักคำ
······
ช่วงที่โหมวยู่เปิดเครื่องเป็นครั้งแรกนั้น หน้าจอคอมพิวเตอร์ของป๋ายจื๋อก็ปรากฏจุดสีเขียวเล็กๆ ให้เห็น หนึ่งจุด ในเวลานั้นเขารีบแจ้งสถานการณ์ตอนนั้นให้ชางหลิงรับรู้ทันที
ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกันแบบนี้มานานมากแล้ว ต่างคนต่างไม่คุ้นชินกัน ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องอะไรกันต่อดี
หลังจากเงียบงันกันมาสักพัก โหมวยู่ก็เรียกทนายข้างนอกให้เข้ามาด้านใน พร้อมทั้งเอาเอกสารทั้งหมดวางยาวกันเป็นแถวต่อหน้านายท่านโหมว “เซ็นชื่อเถอะ”
“ตารอง …..”
นายท่านโหมวอยากจะเกลี้ยกล่อมลูกชายอีกครั้ง นี่เขาจะยอมปล่อยวางทุกอย่างไปแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม? ทำไมตารองดูไม่ดีใจ แล้วเขาจะดีใจไปได้อย่างไรกัน
โหมวยู่เบนสายตาหนี ไม่ได้จ้องมองแววตาที่แสนเศร้าโศกของนายท่านโหมว
หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน นายท่านโหมวก็ถอนหายใจออกมายาวๆ อย่างเบื่อหน่าย พลางเซ็นชื่อตรงจุดที่ควรจะเซ็นด้วยอาการมือสั่นเทา
หลังจากเซ็นชื่อเสร็จแล้ว เขาก็ทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างทิ้งตัว หน้าดำคร่ำเครียด ดวงตาหม่นหมองไร้แววตา ราวกับแก่ลงกว่าเดิมอีก 10 กว่าปีในชั่วขณะนั้น
เมื่อมองเห็นชายชรานั่งอยู่บนโซฟาอย่างโดดเดี่ยว เป็นครั้งแรกที่โหมวยู่รับรู้ได้อย่างชัดเจน ที่แท้เขาก็แก่แล้ว เขาเองก็อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป ทว่าไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขาสองคนยังสามารถพูดอะไรได้ จนสุดท้ายแล้วได้แต่พูดคำพูดห้วนๆอย่างมะนาวไม่มีน้ำออกไป “รักษาสุขภาพ”
โหมวยู่สาวเท้าก้าวยาวๆเดินออกไปทางด้านนอก พร้อมทั้งส่งสัญญาณให้หลินจื้อที่อยู่ด้านนอกมาดูสุขภาพร่างกายของนายท่านโหมว หลินจื้อที่เพิ่งก้าวเท้าเข้าห้องรับแขก ด้านในก็มีเสียงนายท่านโหมวตะโกนแหกปากด้วยความโกรธเคืองเต็มที่ดังออกมา “ไสหัวออกไป!”
ตอนที่ด่าทอคนมีพลังขนาดนี้ ดูแล้วสุขภาพร่างกายของนายท่านโหมวจะดีกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
เมื่อออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลโหมวแล้ว ตอนแรกโหมวยู่คิดไว้คือไปหาชางหลิงทว่าเกิดอาการลังเลอยู่ชั่วครู่ ตอนนี้สภาพร่างกายของจี้เหยากวงก็ดีขึ้นพอสมควรแล้ว เขาต้องไปดูอาการด้วยตนเองให้เห็นกับตาสักหน่อย แล้วค่อยสั่งการต่อ
เพราะว่าเขาเป็นญาติเพียงคนเดียวของหัวหน้าหน่วยจี้ เขาไม่สามารถที่จะปล่อยปละละเลยไม่ถามไถ่สักคำ
······
ช่วงที่โหมวยู่เปิดเครื่องเป็นครั้งแรกนั้น หน้าจอคอมพิวเตอร์ของป๋ายจื๋อก็ปรากฏจุดสีเขียวเล็กๆ ให้เห็น หนึ่งจุด ในเวลานั้นเขารีบแจ้งสถานการณ์ตอนนั้นให้ชางหลิงรับรู้ทันที
สิ่งที่น่ายินดีเพียงอย่างเดียวก็คือ ไม่ว่าเธอจะกินอย่างไร แขนขาก็ยังเพรียวบางอยู่เช่นนั้น ขนาดแก้มที่ชอบป่องอยู่ตลอดยังไม่ออกแก้มเลย แถมหน้าตายังดูสดใสมีน้ำมีนวล และยังมีพลังอีกมากมายก่ายกองขึ้น ลูกในท้องก็เชื่อฟังเป็นเด็กดีมาก
การดูแลร่างกายเป็นอย่างดี อารมณ์ที่ไม่ดีที่มาจากตัวของโหมวยู่ก็ค่อยๆ ลดลงไปไม่น้อย ถ้าตอนนี้โหมวยู่กลับมาอีกครั้ง เธอก็น่าจะฟังคำอธิบายของเขาได้อย่างสงบใจว่าตกลงแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ชางหลิงนั่งกอดเข่าตากแดดอยู่บนโซฟาอย่างขี้เกียจ ไม่นานนักเธอก็เห็นจุดสีเขียวบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เริ่มขยับอีกครั้งแล้ว
ตอนที่เธอใจจดใจจ่อดีใจเฝ้ารอคอยโหมวยู่ให้มาหาเธอที่คอนโด พลันเกิดอาการประหลาดใจขึ้นมาแทนเพราะพบว่าทิศทางที่โหมวยู่ไปไม่ใช่คอนโดเธอ แต่เป็นวิลล่าหนานวานที่จี้เหยากวงพักอาศัยอยู่ในเวลานี้
หัวใจของชางหลิงเริ่มกระวนกระวายใจ จู่ๆ ก็มีความรู้สึกผิดหวังและน้อยใจถาโถมเข้ามาจนทำให้เบ้าตาของเธอนั้นเริ่มน้ำตาคลอเบ้า
โหมวยู่ คุณอย่าอยู่ที่วิลล่าหนานวานนานเกินควรนะ ไม่งั้นก็ไม่ต้องมาหาฉันที่นี่อีกเลย
วิลล่าหนานวาน โหมวยู่รีบร้อนลงจากรถ แถมไม่สนใจจี้เหยากวงที่กำลังรินน้ำชาให้อย่างขะมักเขม้นที่อยู่ข้างๆเลย พลางเรียกหมอเจ้าของไข้ที่รักษาจี้เหยากวงมาเพื่อสอบถามอาการถึงสภาพร่างกายของจี้เหยากวงในเวลานี้ จากนั้นก็สั่งการออกไปไม่กี่ประโยค เพื่อให้ต่อไปจี้เหยากวงมีชีวิตอยู่ดีมีสุข จากนั้นก็สาวเท้าก้าวยาวๆ เดินจากไปเลย
จี้เหยากวงจ้องมองแผ่นหลังของโหมวยู่ด้วยสายตาที่ผิดหวัง พลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ในที่สุดเธอก็มองเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นมันเหินห่างกันมากเหลือเกิน พฤติกรรมความพยายามทุกอย่างของเธอก่อนหน้านี้ในสายตาของโหมวยู่ก็แค่ตัวตลกที่สร้างความอัปยศอดสูให้กับตัวเองเท่านั้นเอง
เธอค่อยๆจิบชาที่เตรียมไว้ให้โหมวยู่ ตอนที่ดื่มเข้าปากนั้นขมเล็กน้อย จากนั้นก็หวาน รสชาติอร่อยมาก การได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวทำให้เธอค้นพบอย่างประหลาดใจมาก ที่แท้การที่ไม่มีโหมวยู่อยู่ด้วย ชีวิตของเธอมันสบายมากขึ้นกว่าเดิม
ชางหลิงจ้องมองจุดสีเขียวที่ปรากฏอยู่ในจุดของวิลล่าหนานวานแค่ 3 นาทีสั้นๆเท่านั้นเอง หางตาที่มีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ของชางหลิงคลี่รอยยิ้มออกมาทันที
ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกันแบบนี้มานานมากแล้ว ต่างคนต่างไม่คุ้นชินกัน ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องอะไรกันต่อดี
หลังจากเงียบงันกันมาสักพัก โหมวยู่ก็เรียกทนายข้างนอกให้เข้ามาด้านใน พร้อมทั้งเอาเอกสารทั้งหมดวางยาวกันเป็นแถวต่อหน้านายท่านโหมว “เซ็นชื่อเถอะ”
“ตารอง …..”
นายท่านโหมวอยากจะเกลี้ยกล่อมลูกชายอีกครั้ง นี่เขาจะยอมปล่อยวางทุกอย่างไปแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม? ทำไมตารองดูไม่ดีใจ แล้วเขาจะดีใจไปได้อย่างไรกัน
โหมวยู่เบนสายตาหนี ไม่ได้จ้องมองแววตาที่แสนเศร้าโศกของนายท่านโหมว
หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน นายท่านโหมวก็ถอนหายใจออกมายาวๆ อย่างเบื่อหน่าย พลางเซ็นชื่อตรงจุดที่ควรจะเซ็นด้วยอาการมือสั่นเทา
หลังจากเซ็นชื่อเสร็จแล้ว เขาก็ทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างทิ้งตัว หน้าดำคร่ำเครียด ดวงตาหม่นหมองไร้แววตา ราวกับแก่ลงกว่าเดิมอีก 10 กว่าปีในชั่วขณะนั้น
เมื่อมองเห็นชายชรานั่งอยู่บนโซฟาอย่างโดดเดี่ยว เป็นครั้งแรกที่โหมวยู่รับรู้ได้อย่างชัดเจน ที่แท้เขาก็แก่แล้ว เขาเองก็อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป ทว่าไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขาสองคนยังสามารถพูดอะไรได้ จนสุดท้ายแล้วได้แต่พูดคำพูดห้วนๆอย่างมะนาวไม่มีน้ำออกไป “รักษาสุขภาพ”
โหมวยู่สาวเท้าก้าวยาวๆเดินออกไปทางด้านนอก พร้อมทั้งส่งสัญญาณให้หลินจื้อที่อยู่ด้านนอกมาดูสุขภาพร่างกายของนายท่านโหมว หลินจื้อที่เพิ่งก้าวเท้าเข้าห้องรับแขก ด้านในก็มีเสียงนายท่านโหมวตะโกนแหกปากด้วยความโกรธเคืองเต็มที่ดังออกมา “ไสหัวออกไป!”
ตอนที่ด่าทอคนมีพลังขนาดนี้ ดูแล้วสุขภาพร่างกายของนายท่านโหมวจะดีกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
เมื่อออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลโหมวแล้ว ตอนแรกโหมวยู่คิดไว้คือไปหาชางหลิงทว่าเกิดอาการลังเลอยู่ชั่วครู่ ตอนนี้สภาพร่างกายของจี้เหยากวงก็ดีขึ้นพอสมควรแล้ว เขาต้องไปดูอาการด้วยตนเองให้เห็นกับตาสักหน่อย แล้วค่อยสั่งการต่อ
เพราะว่าเขาเป็นญาติเพียงคนเดียวของหัวหน้าหน่วยจี้ เขาไม่สามารถที่จะปล่อยปละละเลยไม่ถามไถ่สักคำ
······
ช่วงที่โหมวยู่เปิดเครื่องเป็นครั้งแรกนั้น หน้าจอคอมพิวเตอร์ของป๋ายจื๋อก็ปรากฏจุดสีเขียวเล็กๆ ให้เห็น หนึ่งจุด ในเวลานั้นเขารีบแจ้งสถานการณ์ตอนนั้นให้ชางหลิงรับรู้ทันที

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset