ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 112 จูบของเขา

เธอกำลังจะลุกขึ้น แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเขาถามว่า: “คุณยังต้องการที่จะยั่วปู้อี้เฉินอีกหรอ?”

อะไรนะหัวข้อสนทนาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ เฉินเฉียวงง

ซังหลินจวินเอนหลังที่เก้าอี้และมองไปที่เธอ “ที่ชั้นล่างคุณไม่ได้พูดกับอดีตน้องสะใภ้แบบนี้หรอ?”

เฉินเฉียวเข้าใจในทันที

ปรากฎว่าเขาได้ยินมันจริงๆ

“ คุณแอบฟังคนคุยกัน”

“ คุณก็อยากกลับไปกินของเก่า”ซังหลินจวินตอบเธอ

เฉินเฉียวพูดห้วนๆ“ ที่ฉันพูดกับเธอมันก็แค่เรื่องไร้สาระ กว่าจะหย่าได้มันยากมาก ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น ”

เขาดูผ่อนคลายมากขึ้น แต่น้ำเสียงของเขายังคงเคร่งขรึม“ เรื่องไร้สาระแบบนี้วันหลังอย่าพูดดีกว่าจะได้ไม่เข้าใจผิด”

“ไม่หรอก จบก็คือจบ”

“ ผมหมายถึงตัวเอง”เขามองเธอและเสริมว่า: “ผมจะเข้าใจผิด”

คำๆนั้นเหมือนไม้ตีกลองเคาะอยู่ในใจของเธอ

มีการเต้นในหัวใจของเฉินเฉียวหัวใจของเธอสั่นสะท้านหลายครั้งและเงียบอยู่พักหนึ่ง

ในขณะนี้ด้านนอกมีเสียงเคาะประตู เฉินเฉียวกลับมีสติและยืนขึ้นจากตักของเขา เธอเหลือบมองไปที่ประตูจากนั้นก็ไปที่เขา “ไหนๆก็ตื่นแล้วไปโรงบาลเถอะ”

คราวนี้ซางหลินจุนไม่ขัดเธออีกแล้ว ได้ยินเพียงเสียงของ อวี้เฟยดังอยู่ข้างนอก “ประธานซังครับ”

เข้ามาซังหลินจวินตอบ

อวี้เฟยเปิดประตูและเข้าไป เมื่อมองไปที่คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารและมองไปที่เฉินเฉียวข้างๆเขาด้วยสายตาเห็นได้ชัดว่าเขากำลังถามว่าเขาเชื่อหรือไม่

เฉินเฉียวพยักหน้าอวี้เฟยดูเหมือนจะโล่งใจ

“ ไปเตรียมรถเถอะ”ซังหลินจวินสั่งให้อวี้เฟยจัดการเอกสารบนโต๊ะ

อวี้เฟยตอบและเดินออกจากห้องทำงาน

เฉินเฉียวต้องการออกไปข้างนอกกับอวี้เฟยได้ยินเขาพูดว่า: “วันนี้คุณมาที่ หยวนเซิ่งเพื่อประมูลหรอ?”

หัวข้อสนทนาได้ผลเฉินเฉียวหยุดชั่วคราวมองกลับมาที่เขาแล้วพูด “อืม”

ซังหลินจวินลุกขึ้นและเคลียร์โต๊ะ

“ไม่ใช่ว่าผมจะดูถูกคุณนะ -” เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอเงียบ ๆ “บริษัท C&J ของคุณไม่มีคุณสมบัติที่จะประมูลโครงการใด ๆ ของหยวนเซิ่ง”

“ รื่ออันการแพทย์ร่วมมือกับฉัน ดังนั้นครั้งนี้ฉันไม่ได้มาที่นี่ในนามของ C&J ”

อย่างนี้นิเองเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดซังหลินจวินก็เลิกคิ้ว เป็นเวลานานที่สายตาจับจ้องไปที่ร่างของเฉินเฉียว

ท่าทางนั้นทำให้เฉินเฉียวลำบากใจเล็กน้อย

เธอรู้ว่าที่ได้รับความร่วมมือครั้งนี้จากรื่ออันการแพทย์ ทั้งหมดเป็นเพราะซังหลินจวิน

นี่ก็ถือเป็นผลประโยชน์ – จริงๆเธอสามารถบอกความสัมพันธ์ของเธอกับซังหลินจวินให้กับหลูตงซิ้งได้ แต่เธอไม่ได้ทำ แค่ตอบรับข้อเสนอกับซังหลินจวิน

เป็นเรื่องยากสำหรับ เฉินเฉียวที่จะคาดเดาว่าซังหลินจวิน จะคิดอย่างไรกับตัวเองในขณะนี้

“หลูตงซิ้งเป็นคนฉลาดมาตลอด”ผ่านไปนาน ซังหลินจวินพูดเพียงเท่านั้น หลังจากเก็บโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ก็ก้าวออกไป

เมื่อเดินผ่านเฉินเฉียวเขามองเธออย่างมีความหมายว่า “คุณควรเรียนรู้จากเขา”

“ เรียนอะไร”

“เรียนรู้วิธีเอาใจคน”ซังหลินจวินเปิดประตูห้องทำงานและเดินออกไป

“……”เฉินเฉียวตามมาพึมพำอยู่ข้างหลังเขา “ควรจะเรียนรู้วิธีที่จะทำให้ประธานซังพอใจใช่มั้ย?”

“คุณไม่ได้โง่ แต่คุณมักจะทำสิ่งที่คนโง่ทำ”เขาเหลือบมองกลับมาที่เธอ

เฉินเฉียวเบ้ปาก

สิ่งที่เขาหมายถึงคือการพยายามผลักเขาออกไปเป็นอะไรที่โง่เขลา?

เฉินเฉียวไม่ตอบอะไรอีก สองคนหยุดนิ่งอยู่หน้าลิฟต์ เฉินเฉียวจำได้ว่าเธอเคยเข้าไปในลิฟต์พิเศษของเขามาก่อนและรู้สึกเขินเล็กน้อยเธอจึงเอื้อมมือไปกดลิฟต์ธรรมดา

แต่ยังไม่ทันได้กดเขาก็พูดว่า”อย่าสิ้นเปลืองทรัพยากรบริษัทผม”

“……”นิ้วของเฉินเฉียวสั่นและหยุดลง

ประตูของลิฟต์พิเศษถูกเปิดออก ซังหลินจวินพยักหน้าให้เข้าไปในลิฟต์ “ทางนี่”

เฉินเฉียวถอนหายใจและขึ้นลิฟต์

ซังหลินจวินตามมาข้างหลังเธอ

ในลิฟต์มีคนสองคนยืนเคียงข้างกัน เหมือนก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ริเริ่มที่จะพูด ดูเหมือนเขาจะรู้สึกอึดอัดมากขึ้นและมือของเขาก็จับคิ้วเป็นครั้งคราว

เป็นอะไรไหมคะ

เฉินเฉียวอดไม่ได้ที่จะพูดก่อน

ซังหลินจวินเงยหน้าขึ้นมองเห็นใบหน้าที่เป็นกังวลและถามว่า: “คุณคิดว่าผมโอเคไหม?”

“ เวียนหัวหรือเปล่า”

“ นิดหน่อย”

เฉินเฉียวเข้าใกล้เขา “ถ้าคุณรู้สึกเวียนหัวให้พิงไหล่ของฉัน”

ซังหลินจวินไม่ตอบ

เฉินเฉียวหันหน้าไปรู้สึกว่าหน้าเขาแดงขึ้นเรื่อยๆด้วยพิษไข้

เขาหันกลับมาและวางมือข้างหนึ่งไว้ที่ผนังลิฟต์โดยกั้นเธอไว้ระหว่างผนังลิฟต์กับหน้าอกเขา

ขนตาของเฉินเฉียวสั่นไหวเบา ๆ คางเธอโดนสัมผัสโดนนิ้วของเขา

ริมฝีปากเย็นเฉียบของชายคนนั้นจูบที่ริมฝีปากของเธอ

เธอตัวสั่น

จับกระเป๋าแน่น

ชายคนนี้เชี่ยวชาญมากเมื่อได้พบเขาเขาก็สามารถทำให้จิตใจของผู้คนหลงใหลได้อย่างง่ายดาย เฉินเฉียวเข้าใจเหตุผลและเอื้อมมือไปกดไหล่ของเขาเพื่อผลักเขาออกไป

แต่

การผลักนั้นไม่ได้ใช้แรง แรงกดที่ปากคลายลงทีละน้อย

ยิ่งไปกว่านั้นความร้อนบนริมฝีปากของเขาก็เย็นลง

ไม่สิ

ผิดแล้ว!

ในทันใดนั้นริมฝีปากของชายคนนั้นก็เลื่อนออกไปจากริมฝีปากของเธอ

เขาโน้มตัวไปข้างหน้า

ซังหลินจวิน…

เฉินเฉียวกระซิบและโอบรอบเอวของชายคนนั้น และเขาก็หมดสติ

————

ลิฟต์ลงไปชั้นล่างสุด

อวี้เฟยรออยู่ข้างนอกเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก

เห็นภาพข้างในตกใจเลย

เฉินเฉียวกังวล “เขาเป็นลมรีบไปโรงพยาบาล!”

อวี้เฟยส่งกุญแจรถให้ เฉินเฉียว “คุณเฉินได้โปรดช่วยเปิดประตูรถให้ผมด้วย”

เฉินเฉียวใส่ส้นสูงวิ่งไปเปิดประตูรถ อวี้เฟยอุ้มเขาเข้ามาและปล่อยให้เขานอนราบที่เบาะหลัง

อวี้เฟยพูดกับเฉินเฉียว “คุณเฉินรบกวนคุณนั่งเบาะหน้าครับ”

เฉินเฉียวคิดสักพักแล้วส่ายหัว “พวกคุณรีบไปเถอะ ฉันไม่ไป”

อวี้เฟยคาดไม่ถึง

เฉินเฉียวกระซิบ:“ เขาป่วยหนักขนาดนี้คนจำนวนมากจากบริษัทจะมาเยี่ยมเขา ฉันจะไม่ทำให้คุณเดือดร้อนอีกต่อไป ”

เฉินเฉียวคิดอย่างรอบคอบ แต่มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

อวี้เฟยไม่พูดอะไรพยักหน้าและเข้าไปในรถ เฉินเฉียวกังวลและอยากจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรแค่มองดูอวี้เฟยขับรถผ่านมุมหนึ่งออกจากโรงรถและหายไปอย่างจากสายตาของเธอ

เฉินเฉียวยืนอยู่ที่นั่นสักพักก่อนที่จะเดินออกจากโรงรถอย่างช้าๆ

เมื่อนึกถึงตะกี้ที่เขาอ่อนแอก็มีความเศร้าและความวิตกกังวลที่ไม่สามารถบรรยายได้ในใจของเธอ

.

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset