ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 114 ไปเยี่ยมเขากลางดึก

—— ผมยังไม่นอน! พี่เฉียวคิดถึงผมแล้วหรอ?

เสียงออดอ้อนของเด็กน้อยดังมาจากข้อความเสียง เฉินเฉียวฟังแล้วรู้สึกอบอุ่น

– อื้อ ฉันคิดถึงคุณแล้ว งั้น…ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?

เธอตอบข้อความเด็ก โดยใช้ข้อความเสียง เมื่อพูดคุยกับเด็กน้ำเสียงของเธออ่อนโยนมาก

ในอีกด้านหนึ่งในห้องผู้ป่วย

ซังหลินจวินครึ่งเอนกายบนเตียงและพลิกดูเอกสารในขณะที่เด็กน้อยนั่งอยู่บนโซฟาและแทะแท่งช็อคโกแลตของเขาช็อคโกแลตชิพร่วงลงทั่วตัวและเสื้อสเวตเตอร์สีขาวก็เลอะเป็นรอยดำๆ

มืออีกข้างถือโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กของเขาใบหน้าเล็ก ๆ ของเขายิ้มสดใสเหมือนดอกไม้

ในขณะนี้เสียงแผ่วเบาของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากโทรศัพท์

อ่อนนุ่ม

ในค่ำคืนเช่นนี้ฟังดูแล้วอ่อนหวานเหมือนขนมสายไหม

นุ่มและหวาน

ซังหลินจวินไม่ได้พูดอะไรแต่ยังคงอ่านเอกสารต่อไป

เสียงที่นุ่มนวลและน่ารักของคนตัวเล็กดังขึ้น: “ผมกำลังดูแลพ่ออยู่ที่โรงพยาบาลเหรินหมิน! รินน้ำชาให้แล้วก็อาบน้ำถูหลังให้ พี่เฉียว พ่อบอกว่าผมดูแลคนเก่งมาก พี่อย่าอยู่กับคุณลุงนิสัยไม่ดีคนนั้นนะ โอเคไหมครับ? ในอนาคตถ้าพี่ป่วยผมจะไปดูแลพี่ ”

“……”มุมริมฝีปากของซังหลินจวินกระตุก

เด็กน้อยคนนี้พูดอะไรกัน?

เขามีอาการไอเป็นไข้และติดเชื้อเล็กน้อยปอดเขาดูแลตัวเองไม่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่และทำไมต้องให้เด็กเล็กอย่างเขามาปรนนิบัติดูแล

นอกจากนี้ไปยกย่องเขาเมื่อไหร่

เฉินเฉียวฟังเด็กพูดแบบนั้นแล้วไหนจะประโยคสุดท้ายอีก ในใจเต็มไปด้วยความกังวล

“ พ่อของคุณอาการหนักหรือเปล่า”

ซังโย่วอีได้ยินคำถามนี้เขากำลังจะตอบกลับว่า “อันที่จริงมันไม่ได้ร้ายแรงอะไรมาก” แต่จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงไอ

“ พ่อไออีกแล้วหรอ”ในที่สุดเด็กน้อยก็สังเกตเห็นใครบางคนที่อยู่ข้างๆเขา

“มานี่สิ.”เขาพูดสั้นๆ

“รอผมส่งข้อความนี้ก่อน”ซังโย่วอีวางมือถือ

“ เอาโทรศัพท์มานี่ เร็วเข้า “ซังหลินจวินขมวดคิ้ว

ดูท่าทางอารมณ์เสีย!

ซังโย่วอีไม่กล้าที่จะขัดใจและรีบเลื่อนตัวลงจากโซฟา ซังหลินจวินปัดเสื้อสเวตเตอร์สีขาวสกปรกของเขาแล้วตบข้างเตียง “นั่งนี่”

ซังโย่วอีปีนขึ้นไปบนเตียงอย่างเชื่อฟังและนั่งลง

“โทรศัพท์ให้พ่อ”

ทำไมหรอครับซังโย่วอีจ้องมองพ่อของเขาอย่างอธิบายไม่ถูก

ซังหลินจวินไม่ได้พูดอะไรและหยิบโทรศัพท์มือถือของเด็กไป

————

เฉินเฉียวรอด้วยความกระวนกระวาย – ทำไมเด็กน้อยไม่ตอบกลับในช่วงเวลาสำคัญ?

หลังจากคิดได้เธอก็ส่งเสียงอีก

– โย่วอี เขาอาการหนักมากจริงๆหรอ? ทำไมไม่ตอบกลับฉัน?

คราวนี้ส่งข้อขาวเร็วมาก

อย่างไรก็ตามไม่ใช่เสียง แต่เป็นข้อความ

“เป็นหนักจริงๆ พ่อนอนก็นอนไม่หลับ กินก็กินไม่ได้ น่าสงสารมาก ”

เฉินเฉียวมองไปที่คำเหล่านี้และหัวใจของเธอก็กระอักกระอ่วน

“ หมอว่าไงบ้าง”

ผมไม่รู้ พี่เฉียว พี่ต้องถามพ่อถึงจะรู้ ”

ถามเขา……

เฉินเฉียวกัดริมฝีปาก

พิมพ์ข้อความอีกว่า “เขาหลับหรือเปล่า”

เปล่า พ่อป่วยหนักขนาดนี้ยังทำงานอยู่เลย! ลุงหมอบอกว่าถ้าเป็นแบบนี้กลัวจะไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลอีกเป็นเดือน อย่างไรก็ตามตายายของผมและผมเกลี่ยกล่อมพ่อไม่ได้ ”

เมื่อเห็นคำพูดนี้เฉินเฉียวก็ถอนหายใจ

เขาไม่ดูแลตัวเองเลยจริงๆ

เป็นหวัดไม่ยอมไปหาหมอต้องรอให้ปอดอักเสบถึงจะไปได้ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลก็ทำร้ายตัวเองอีก

เธอนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาสองวินาทีวางโทรศัพท์ลงยกผ้าห่มขึ้นและลุกจากเตียง

ประตูห้องถูกผลักให้เปิดออก

เจียงฉยงฉยงโผล่หัวเข้ามาและเห็น เฉินเฉียว เปิดตู้เสื้อผ้า”ดึกขนาดนี้แล้วยังจะออกไปข้างนอกอีกหรอ”

เฉินเฉียวตอบ “ใช่”

“ไปโรงพยาบาลหรอ?”

“ฉันจะไปพบหมอไปถามอาการสักหน่อย”

“เขาอยู่ที่โรงพยาบาลเหรินหมิน”เจียงฉยงฉยงกล่าวว่า: “พี่ฉันช่วยถามให้ได้นะ ถ้าเธออยากไปดูอาการเขา ฉันว่าเธอรีบไปเถอะ ถ้าเลยสามทุ่มครึ่งแล้วทางโรงพยาบาลคงไม่ให้เยี่ยม ตอนนี้สองทุ่มสิบห้าแล้ว ”

ทันทีที่เฉินเฉียว ได้ยินเรื่องนี้เธอก็ไม่รออีกต่อไปดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ดึงเสื้อผ้าออกจากตู้และรีบเปลี่ยน

อีกด้าน

ซังหลินจวินรอและรอ แต่โทรศัพท์เงียบ

ซังโย่วอีนั่งอยู่ข้างเตียงเขียนการบ้านจนง่วงหง่าวหาวนอน

จากนั้นได้ยินคนถามว่า: “โทรศัพท์ละ เอามาให้พ่อดูซิ”

“พ่อ ยังไม่มีข้อความมาเลย”.เด็กน้อยหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้เขา“ ผมบอกแล้วไม่ให้พ่อตอบข้อความให้! พี่เฉียวฉลาดขนาดนั้น ต้องรู้แน่ๆว่าไม่ใช่ผมตอบ แต่เป็นพ่อตอบแทนผม ”

“ถึงแม้เธอรู้ว่าพ่อตอบแทน แต่ก็ไม่ควรไม่ตอบแบบนี้”

ซังโย่วอีถอนหายใจและมองไปที่พ่อของเขาด้วยความเห็นใจ“ ดูเหมือนว่าพี่เฉียวจะไม่ชอบพ่อจริงๆ รู้ว่าพ่อเป็นคนตอบข้อความก็ไม่สนใจผมเลย ”

“……”ซังหลินจวินหน้าบึ้ง

ขนาดนั้นเลยหรอ

หรือว่าเธอไม่เป็นห่วงเขาเลยสักนิด?

แต่เมื่อกี้เขาพูดว่าอาการหนักมากนะ

————————

เฉินเฉียวนั่งแท็กซี่ไปที่ โรงพยาบาลเหรินหมิน และตรงไปยังแผนกผู้ป่วนพิเศษ

เมื่อมาถึงชั้นหนึ่งกำลังจะไปถามเลขห้อง แต่ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาแต่ไกล

“ขอโทษนะคะ รบกวนช่วยหาเลขห้องของประธานซังหลินจวินได้ไหมคะ เป็นพนักงานของเขา! ฉันเป็นห่วงเขามาก

มันกลายเป็นเฉินอิน! เธอมาเยี่ยมหรอ?

เฉินเฉียวถึงกับผงะ

โอเคค่ะ สักครู่นะคะ”เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกำลังช่วยเธอตรวจสอบ

เฉินอินถือดอกไม้ไว้ในมือและรออย่างใจจดใจจ่อ สายตาของเธอมองไปรอบ ๆ โดยไม่รู้ตัว

เฉินเฉียวต้องการกลับ แต่เห็นได้ชัดว่ามันสายเกินไปในขณะนี้

พี่เฉินอินเห็นเธอแล้ว

เฉินเฉียวพยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธ เดินเข้าไปหาเธอแล้วถาม: “ดึกดื่นขนาดนี้เธอมาทำอะไรที่นี้?”

เฉินอินถือดอกไม้ในมือและกระติกน้ำร้อนในมืออีกข้าง

เมื่อได้ยินคำถามของเฉินเฉียวความเขินอายก็ปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของเธอ

และนี่คืออะไร?สายตาของเฉินเฉียวจ้องบนกระติกน้ำร้อน

เฉินอินซ่อนกระติกน้ำร้อนไว้ข้างหลังเธอ “…ซุปไก่ที่ฉันเคี่ยว. ”

อย่างนี้นิเอง

เฉินเฉียวมองไปที่เฉินอิน “หลายปีมานี่ฉันไม่เคยเห็นเธอลงมือเข้าครัวเอง”

ดังนั้นสิ่งที่เธอคิดกับซังหลินจวินไม่ใช่เล่นๆแน่นอน

“ เธอมาเยี่ยมประธานซังหรอ?”เฉินเฉียวถาม

เฉินอินพยักหน้า “ใช่ แต่พี่รู้ได้อย่างไร? ”

เฉินอินมองไปที่เฉินเฉียวอย่างสงสัย“ พี่ ดึกขนาดนี้แล้วมาที่นี้ไม่ใช่ว่ามาเยี่ยมประธานซังหรอกนะ”

สายตาของเฉินอินแบบนั้นทำให้เฉินเฉียวรู้สึกผิด

แต่เธอพยักหน้าว่า “ใช่”

“ พี่กับประธานซังมีความสัมพันธ์กันอย่างไร? เขาป่วยเข้าโรงบาล พี่จะมาดูอะไร “

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset