ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 14 คุณพ่อผู้ไม่ทันคน

เฉินอันคาดไม่ถึงว่าเธอจะพูดถึงเรื่องอดีต สีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ เรื่องพวกนี้บอกไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ ลูกร่างกายไม่แข็งแรงก็เลยวูบไป แม้แต่หมอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เอกซเรย์แล้วก็ไม่พบข้อบกพร่องใดๆ ส่วนสาเหตุที่เจ็บอวด พ่อก็ไม่แน่ใจนัก อาจจะตอนล้มแล้วเอวกระแทกก็เป็นได้”

คำตอบที่คลุมเครือของเฉินอันก็เหมือนเดิมที่เคยพูดในอดีต

เฉินเฉียวจ้องมาที่เขา “พ่อ คิดว่าคำพวกนี้จะหลอกหนูได้หรอ”

ตอนที่เพิ่งฟื้นเฉินเฉียวจำเรื่องราวหลังจากนั้นไม่ได้ พวกเขาพูดแบบนี้ เธอยิ่งจะเชื่อ

แต่หลังจากนั้นหลายปีเธอมักจะฝันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานั้น ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดปกติ

เฉินอันทนสายตาของลูกสาวไม่ไหว เขาลูกสึกผิดมาก

“เฉียวเฉียว รีบลงมากินผลไม้เร็ว”ตอนที่ประตูห้องถูกเปิดออกและลู่ลี่ลี่โผล่หัวเข้ามา

เจอภรรยารู้สึกเหมือนกับว่าเขารอดแล้ว เฉินอันรีบพูดว่า “ไปกินผลไม้ก่อนนะ พูดมาตั้งนาน คอแห้งหมดแล้ว ”

ขณะที่เขาพูดเขาเดินไปที่ประตู

เมื่อมองไปที่ด้านหลังของพ่อ เฉินเฉียวรู้สึกอ้างว้างในใจ

เธอไม่อยากให้เรื่องที่เธอเป็นลมเกี่ยวข้องกับเฉินอัน เธอคิดไม่ออกว่ามีเหตุผลอะไร ทำไมพ่อต้องทำให้เธอสลบ แต่ตอนนี้ดูจากปฏิกิริยาเหมือนว่าที่ผ่านมาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาเลย

————

วันนี้.

ทันทีที่เฉินเฉียวมาถึงบริษัท หลี่ชิงยื่นพัสดุมาให้ “ผู้อำนวยการครับ มีพัสดุมาส่งครับ”

ซองเอกสารธรรมดาๆ เบาๆ

เฉินเฉียวคิดเพียงว่ามันเป็นเอกสารของบริษัท เธอเดินมุ่งไปที่ห้องแกะซองไปเดินไป

เปิดผนึกซองออกกระดาษสองสามแผ่นปลิวออกมา เธองงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเก็บกองเอกสารตรวจร่างกายขึ้นมา

เอกสารตรวจร่างกายนี้ ละเอียดกว่าของเธอเองเสียอีก ไม่เพียงแต่ตรวจกามโรค แม้แต่ตับไต หูตาจมูกปากก็ยังตรวจด้วย

เฉินเฉียวไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่สุดท้ายเห็นลายเซ็นบนช่อง พินิจพิจารณาอย่างละเอียด มันคือ ‘ซัง’

คือนายซังที่คลับอะหรอ

แต่ว่าเขารู้ได้ยังไงว่าเธอคือใคร แม้แต่ที่อยู่บริษัทก็ยังรู้

เฉินเฉียวคิดอยู่พักหนึ่ง น่าจะเพราะคืนนั้นเมามากจนทำบัตรประชาชนตัวเองหล่น ยังไงก็ช่าง ผู้ชายคนนี้น่าสนใจ ระหว่างเขากับเธอไม่มีอะไรเกินเลย ทำไมต้องสนใจสภาพร่างกายเขาด้วยล่ะ ทำไมต้องลำบากตรวจซะละเอียดขนาดนี้ แล้วยังจะส่งมาหาเธออีก

เฉินเฉียวขำ อ่านรายละเอียดของผลตรวจทั้งหมดโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่จะใส่ลงในลิ้นชัก

หลังเลิกงาน เฉินเฉียวพาคนจากแผนกประชาสัมพันธ์สองคนไปพบแขก สถานที่รับประทานอาหารตั้งอยู่ที่ ‘ไป่ฮวาซินฮุ่ย’

บนโต๊ะอาหารทุกคนดื่มกันอย่างเริงร่ายิ่งดื่มมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสบายอารมณ์เพิ่งจะสามทุ่มกว่าบนโต๊ะก็นำแผ่นวงกลมใหญ่ๆมาตั้ง เฉินเฉียวก็ไม่สู้ดีนัก เธอดื่มเหล้าขาวไปหลายแก้ว รู้สึกมึนๆ เธอถือโอกาสตอนที่แขกไปเข้าห้องน้ำ เปิดประตูไปสูดอากาศข้างนอก

เธอเดินตัวลอยๆ ราวกับอยู่บนก้อนเมฆ

ไม่ทันได้ระวัง เท้าไปเตะเข้ากับอะไรนิ่มๆ

ก้มหัวลงไปมอง เห็นเด็กผู้ชายนั่งกุมกระเป๋านักเรียนอยู่ที่หน้าประตูห้อง โดนเธอเตะแบบนี้ หนูน้อยก็ตัวหดลงไปอีกแล้วเงยหน้าขึ้น

เด็กน้อยท่าทางอายุไม่เกินสี่ห้าขวบ ภายใต้หมวกมีดวงตาเป็นประกายเหมือนกับดาวระยิบระยับ

เฉินเฉียวรู้สึกผิด :“ขอโทษนะ เตะโดนตรงไหนบ้าง”

เด็กน้อยขมวดคิ้วและถูเข่าของเขา

เฉินเฉียวคิดว่าตัวเองเตะโดนเด็กน้อยเสียแล้ว เธอนั่งยองๆลง“ เตะโดนตรงนี้ใช่ไหม ไหน ยืนขึ้นให้ฉันดูหน่อย ”

เด็กน้อยมองเธอสักพัก อุ้มกระเป๋าหนังสือยืนขึ้น

เฉินเฉียวม้วนขากางเกงขึ้นและมองใกล้ ๆ ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็น แต่พอดูดีๆแล้วถึงกับตกใจ

เห็นรอยช้ำที่หัวเข่า

เด็กน้อยตัวเล็กๆดูท่าทางหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

“โดนคนรังแกมาหรอ”เฉินเฉียวถามด้วยความประหลาดใจ ทุกวันนี้มีการทารุณกรรมเด็กเยอะแยะไป

หนูน้อยผู้เหย่อหยิ่งไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของเธอ “ใครจะกล้ารังแกผม”

“แล้วรอยฟกช้ำพวกนี้มาจากไหน”

เขาเบะปากและพูดความจริง: “ทะเลาะกับคนอื่นมา”

หนุ่มน้อยวางกระเป๋านักเรียนไว้ข้าง ๆ ก้มตัวลงและจับเอาขากางเกงลง

เฉินเฉียวหัวเราะ“ตัวแค่นี้รู้จักไปทะเลาะกับคนอื่นด้วยหรอ”

เมื่อโดนสบประมาทเด็กน้อยฮึดฮัดสองที พร้อมกล่าว: “มันกวนตีน แต่พ่อผมบอกแล้วว่า เด็กอย่างผมถ้ามีเรื่องให้บอกผู้ปกครอง ถ้าครั้งต่อไปเขามายั่วผมอีกผมจะให้พ่อไปจัดการ ”

“……”เฉินเฉียวอยากจะขำถึงขั้นสุด

ขำอะไรเด็กน้อยจ้องมองเธออย่างเอาเรื่อง

“ ฉันขำหรอ”เฉินเฉียวยิ้มให้พร้อมหยิบกระเป๋านักเรียนยื่นให้เขา“ อย่าอยู่ในที่แบบนี้คนเดียวรีบกลับไปหาพ่อเร็วเข้า ตรงนี้คนผ่านไปผ่านมาเยอะแยะวุ่นวาย ”

“ ผมยังไปไม่ได้”เด็กน้อยส่ายหัว “พ่อของผมไม่ทันคน คุณยายเลยให้ผมมาคอยดูพวกเขากัน”

“……”เฉินเฉียวถอนหายใจ: “ต้องให้เด็กน้อยมากำกับเนี่ยนะ งั้นพ่อของเธอคงไม่ทันคนจริงๆแหละ”

“ งั้นคุณน้าก็คงไม่ทันคนเหมือนกับพ่อของผม”

ยังไง

“ คุณยายบอกว่าผู้หญิงห้ามดื่มเหล้า เป็นอันตรายต่อร่างกาย”ขณะที่เด็กน้อยพูดเขาโน้มหัวเล็กๆไปที่ผมยาวๆของเธอพร้อมสูดดมจากนั้นย่นจมูกเล็กน้อยด้วยท่าทีรังเกียจ “ดื่มหนักเกินไปแล้ว,คุณน้าขี้เมา”

นี่เป็นครั้งแรกที่ เฉินเฉียวถูกเด็กสั่งสอน

ตะลึง.

น่าขำที่สุด

มีความอบอุ่นในใจ

เธอลูบหัวของเด็กน้อย “น้าขี้เมาจะเข้าไปดื่มต่อแล้ว หนูก็รีบกลับไปหาคุณพ่อที่อ่อนต่อโลกของหนูเถอะ”

เด็กน้อยเบ้ปากเล็ก “คุณน้าก็เหมือนกับพ่อของผมแหละ”

เฉินเฉียวหัวเราะ ไม่อยากจะทิ้งเด็กน้อยน่ารักคนนี้ไปเลย แต่เสียดายไม่ใช่ลูกตัวเอง

หลังจากบอกลาเด็กน้อยแล้วเธอก็ดันประตูจะเข้าห้อง ข้างหลังเธอก็มีเสียง ‘ตุบ—-‘ เสียงอะไรบางอย่างกระทบลงกับพื้น

เฉินเฉียวหยุดก้าวชั่วคราวและหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ภาพตรงหน้าของเธอทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป

เด็กน้อยที่เมื่อกี้ยังดีๆอยู่ ตอนนี้กลับล้มลงบนพื้น

เฉินเฉียวรู้ดีว่าตัวเธอเองไม่ใช่คนรักเด็กขนาดนั้น แต่เห็นสภาพเด็กน้อยแบบนั้น มันก็บีบหัวใจเธอ

เธอสร่างเมาไปมากกว่าครึ่ง อุ้มเด็กไปที่ด้านนอก

คนขับที่รออยู่ข้างนอกเห็นเธอออกมาจึงรีบเปิดประตู เมื่อได้เห็นเด็กน้อยในอ้อมแขนของเธอ ก็ยิ่งประหลาดใจ

“ผู้อำนวยการ นี้คือ….. ”

“ อย่าถามมากไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ขับเร็วหน่อยหลังจากที่เฉินเฉียวพูดย้ำเขาก็โทรหาเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างในเพื่อฝากงานที่เหลือ

เมื่อถึงโรงพยาบาลแพทย์ได้ให้เด็กเข้าห้องฉุกเฉิน

เฉินเฉียวหยิบโทรศัพท์มือถือของเด็กน้อยขึ้นมา แต่ไม่รู้รหัสผ่านจึงติดต่อครอบครัวของเขาไม่ได้แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นได้เวลาพอดี

คำว่า ‘คุณพ่อ ‘ปรากฏบนหน้าจอ

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset