ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 227 มีนายอยู่ ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

หลังจากที่เฉินเฉียวเลิกงานก็นั่งรถไปที่โรงพักทันที

พอไปถึงข้างใน เธอไม่รู้จักตำรวจสักคน แต่พอเห็นตำรวจหญิงจึงเอ่ยถาม “ขอโทษนะคะ ฉันขอถามหน่อยได้ไหมคะ คนที่พวกคุณเพิ่งพาตัวมาเมื่อวันก่อนตอนนี้ปล่อยตัวหรือยังคะ?”

ในมือตำรวจหญิงอุ้มเอกสารไว้ มองผู้หญิงตรงหน้าที่ใบหน้าสวยงามอย่างมึนงง “ที่โรงพักมีคนเข้ามาเยอะแยะ ไม่ทราบว่าคุณพูดถึงคนไหนคะ”

เฉินเฉียวรู้ว่าเธอพูดไม่ชัดเจนเอง จึงบอกรายละเอียดแล้วก็ชื่อคนที่หากับเธอ

ตำรวจหญิงที่นิสัยดีไปช่วยเธอถาม

เฉินเฉียวพยักหน้าแล้งเอ่ย “ขอบคุณนะคะ”

ผ่านไปสักพัก ตำรวจหญิงกลับมาบอกเธอว่า “เพื่อนของคุณถูกประกันตัวออกไปแล้วค่ะ คุณลองโทรถามเขาสิคะ”

พอเฉินเฉียวได้ยิน จึงเอ่ยขอบคุณกับตำรวจหญิง “ขอบคุณคุณตำรวจมากเลยนะคะ”

ตำรวจส่ายหน้าเอ่ย “เป็นตำรวจก็ต้องทำแบบนี้อยู่แล้วค่ะ แต่ว่า อีกหน่อยคุณอย่ามาที่แบบนี้ดีกว่าค่ะ”

เฉินเฉียวเข้าใจความหมายเธอ เพราะที่โรงพักก็ไม่ใช่ที่ที่น่ามา

พอรู้ว่าซังอวินไม่เป็นอะไรแล้ว ในใจเฉินเฉียวค่อยโล่งใจ

เพราะเห็นเพื่อนตัวเองโดนพาตัวไปแบบนั้น แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้ นี่เลยทำให้เธอรู้สึกผิด

พอออกจากโรงพัก เฉินเฉียวก็เรียกรถกลับไปที่จิ้งหยวน

พอกลับถึงจิ้งหยวน ซังหลินจวินกลับมาก่อนเธออย่างไม่น่าเชื่อ

เฉินเฉียวมองเขา ในใจรู้สึกผิด ทั้งๆที่เธอบอกว่าจะรีบกลับมาดูแลโยว่อี แต่กลับมาช้ากว่าเขาอีก

ยังดีที่ซังหลินจวินไม่ได้เอ่ยถามอะไร

แต่หลังจากที่เธอกินข้าวเสร็จ จึงบอกข่าวที่ทำให้เธออารมณ์ดี

“เฉินเฉียว เธอไม่ต้องรู้สึกผิดที่กลับมาช้า วันนี้ที่ฉันกลับมาเร็วเพราะป้ามั่วบอกอะไรกับฉันถึงกลับมาก่อน” ซังหลินจวินเห็นเฉินเฉียวขมวดคิ้ว จึงเดาได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่

ยังไงก็ต้องมองออกอยู่แล้วว่าเธอรู้สึกผิด

เพราะฉะนั้น เขาเลยบอกเธอว่า ไม่ใช่เพราะเธอกลับมาช้า แต่เขาต่างหากที่กลับมาเร็ว

เฉินเฉียวไม่พูดไม่ได้เลยว่า พอซังหลินจวินอธิบายกับเธอแล้ว ในใจเธอก็รู้สึกดีขึ้น แต่เธออยากรู้ว่าเพราะเรื่องอะไร ถึงทำให้เขายอมทิ้งงานที่บริษัทแล้วรีบกลับบ้าน

ทีแรกซังหลินจวินอยากให้เธอเดา แต่พอเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา เลยถอนหายใจแล้วพูดตรงๆ “วันนี้ป้ามั่วบอกฉันว่า วันนี้โยว่อีรู้สึกตัวแล้ว”

“จริงเหรอ?” เฉินเฉียวดีใจจนลุกขึ้นจากโซฟา แล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที

ซังหลินจวินก็ตามขึ้นไปด้วย

พอเดินไปถึงห้องของโยว่อี เลยเห็นสายตาที่ผิดหวังของเฉินเฉียว

เขาเดินไปกอดเธอแล้วปลอบใจเธอ “ป้ามั่วบอกว่า โยว่อีแค่ขยับนิ้ว ป้าคิดว่าโยว่อีจะฟื้นเลยโทรหาฉัน พอคุณหมอมาแล้วบอกว่า โยว่อีน่าจะรู้สึกกับโลกภายนอกแล้ว อาการของเขาก็เริ่มดีขึ้น เพราะฉะนั้นอย่าเสียใจนะ เธอควรจะคิดว่า รอเขาฟื้นแล้ว จะเซอร์ไพรส์เขายังไงดีกว่า”

เฉินเฉียวกระพริบตา สีหน้าเริ่มดีขึ้นแล้วพยักหน้า “ใช่สิ โยว่อีบอกว่าอยากไปฮันนีมูนกับเรา หลินจวินครั้งหน้าเราไม่ต้องจัดงานแต่ง เราไปฮันนีมูนเลยดีกว่า เราจะได้พาโยว่อีไปด้วย”

ความจริงในใจเฉินเฉียวเริ่มรู้สึกกลัวงานแต่ง เธอกลัวว่าครั้งหน้าจะเกิดเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า

เธอไม่อยากเสียคนที่เธอแคร์แม้แต่คนเดียว

ซังหลินจวินอยากปฏิเสธ แต่พอเห็นสายตาที่อ้อนวอนของเฉินเฉียว เลยต้องตกลง

ทั้งสองเฝ้าโยว่อีข้างเตียงไปอีกสักพัก ค่อยกลับไปที่ห้องตัวเอง

ทั้งสองไปบริษัทเหมือนปกติ

แต่ว่าเฉินเฉียวยังไม่ทันได้เข้าห้องทำงาน หลีชิงก็รีบลุกขึ้นวิ่งไปจับมือเธอ “เฉียวเฉียว เธอต้องเตรียมใจไว้นะ คุณปู้นั่นมาอีกแล้ว”

ทีแรกเฉินเฉียวคิดว่าเกิดเรื่องอะไรสักอีก พอได้ยินว่าเป็นปู้อี้เฉิน เลยตบมือเธอเบาๆอย่างไม่ใส่ใจ “เธอไว้ใจเถอะ เขาไม่กล้าทำอะไรหรอก ถ้าเขากล้าทำอะไรที่ไม่ดี ในห้องมีถังดับเพลิงอยู่”

หลีชิงรู้สึกอึ้ง

สักพักเธอค่อยดึงสติกลับมาได้ จากนั้นก็รู้สึกว่าเฉินเฉียวเท่มาก

พวกถังดับเพลิง ทำไมเธอคิดไม่ได้ล่ะ

ในเมื่อเฉินเฉียวเตรียมใจไว้แล้ว หลีชิงเลยไม่ห้ามเธอ เพราะตอนนี้เป็นเวลางาน เธอยังมีงานต้องทำ

เฉินเฉียวเหยียบรองเท้าส้นสูงเข้าไปในห้องทำงาน จึงเห็นปู้อี้เฉินนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเธออย่างหน้าด้าน

เธอถือกระเป๋าไว้แล้วเคาะโต๊ะทำงานเตือนเขา “บอสปู้ คุณลืมเหรอคะว่าที่นี่ที่ไหน อยากจะนั่งเก้าอี้สบายๆก็กลับไปนั่งที่บริษัทตัวเองสิ บริษัทเราคงต้อนรับบอสอย่างคุณไม่ไหว”

ทีแรกที่ปู้อี้เฉินเห็นเฉินเฉียวยังดีใจอยู่ พอโดนเธอแขวะ จึงมองเธอด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็กัดฟันพูดออกมาทีละคำ “เฉินเฉียว เธอจะพูดกับฉันแบบนี้เหรอ?”

เฉินเฉียวไม่สนใจเธอ

จนเธอรู้สึกว่าเธอไม่เอากระเป๋าฟาดหัวเขา ก็ถือว่าให้เกียรติเขาแล้ว

ทั้งชีวิตนี้ เฉินเฉียวเกลียดคนที่ไม่จริงจังกับความรู้สึก ไม่ดูแลลูกแบบนี้ที่สุด

ที่บังเอิญคือ ปู้อี้เฉินเข้าข่ายหมด

พอเห็นเฉินเฉียวไม่อยากมองเขา สีหน้าปู้อี้เฉินก็ย่ำแย่กว่าเดิม เขาเลยต้องเอาเรื่องบริษัทมาคุย “ครั้งก่อนเรายังคุยงานกันไม่จบ คุยต่อวันนี้ละกัน”

เฉินเฉียวขมวดคิ้ว เหลือบมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “เรื่องครั้งก่อนตั้งหลายเดือนแล้ว ฉยงฉยงน่าจะคุยกับพวกคุณเรียบร้อยแล้ว คุณอย่าบอกนะ คุณรอฉันกลับมาโดยเฉพาะ เลยเลื่อนงานมาจนถึงตอนนี้”

สายตาเฉินเฉียวเย็นชา กำลังพูดเสียดสีว่าเขาเอาเรื่องส่วนตัวมายุ่งกับงาน

“เธอ……” ปู้อี้เฉินโมโหจนเกือบหายใจไม่ออก เขาไม่เข้าใจ ทำไมตอนนี้เธอถึงปากเก่งขนาดนั้น หรือว่า เพราะว่ามีซังหลินจวินหนุนหลัง ตอนนี้เลยไม่กลัวอะไรเลย

เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ ปิดประตูห้องทำงานเฉินเฉียวเสียงดัง เดินออกอย่างโมโหหัวร้อน

ผ่านไปครู่หนึ่ง มีศีรษะชะโงกมาจากประตู พอเห็นในห้องทำงานไม่มีคนที่เธอรังเกียจแล้ว ค่อยเดินเข้ามาอย่างสบายใจ

เฉินเฉียวมองเธอแล้วยิ้ม “ฉยงฉยง แกทำอะไรเนี่ย”

เจียงฉยงฉยงไขว้มือไว้ข้างหลัง แล้วเอ่ยอย่างสบายใจ “แมลงวันที่น่ารำคาญไปแล้ว ฉันอารมณ์ดี เฉียวเฉียว อารมณ์แกไม่ดีเหรอ?”

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก
Status: Ongoing
เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset