ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 262 โอบคุณไว้ในอ้อมกอด

แต่เธอก็ยังคงปฏิเสธ: “ฉยงฉยง ฉันรู้ว่าเธอดีกับฉันมากและฉันก็หวังว่าจะได้ร่วมงานกับเธอ แต่ฉันลืมวิธีการทำงานเหล่านั้นแล้วตอนนี้ฉันไม่เหมาะกับบริษัท ตอนนี้บริษัทต้องการเธอ ฉยงฉยงไม่ต้องแบ่งอะไรให้ฉันทั้งนั้น”

เจียงฉยงฉยงพูดไม่ออก

เธออยากจะตะโกนดังๆว่า อย่าโง่แบบนี้

อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นสายตาที่จริงใจของ เฉินเฉียวเธอทำได้เพียงแค่ยอมแพ้และพูดอย่างหงุดหงิดว่า“บริษัทมีส่วนของเธอเสมอ ฉันเชื่อว่าสักวันเธอต้องจำได้ รอถึงวันนั้นเรามาปกป้องบริษัทด้วยกันนะ”

เฉินเฉียวพยักหน้าโดยไม่ต้องการทำให้ความมั่นใจของฉยงฉยง ลดลง

ระหว่างทางบนรถที่กำลังกลับไปที่จิ้งหย่วน เฉินเฉียวถอนหายใจและรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ทิวทัศน์ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วด้านนอก

เธอไม่เคยรู้สึกว่าความจำเสื่อมจะไม่ดีขนาดนี้มาก่อน ยังไงซะมนุษย์ก็เสียความทรงจำได้ โดยปกติถ้าได้รับการกระตุ้นอย่างรุนแรง สิ่งเร้าเหล่านั้นจะไม่เป็นผลดี

ดังนั้นเฉินเฉียวไม่เคยบังคับให้ตัวเองนึกออก

แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเมื่อนึกถึโย่วอีซังหลินจวินและฉยงฉยงยังมีความทรงจำที่หายไป เป็นครั้งแรกที่เธอคิดเรื่องอดีตออก

ไม่มีอะไรอื่นมีแต่พวกเขาเท่านั้น

เมื่อเธอลงจากรถ เฉินเฉียวก็เห็นรถสองคันจอดอยู่หน้าบ้านของเธอเธอเลิกคิ้วสันนิษฐานว่ามีแขกมาที่บ้าน

เธอลังเลว่าจะเข้าไปหรือไม่นึกได้ว่าเหมิ้งเหมิ้งที่ยังอยู่ที่บ้านเธอก็กังวัลเดินเข้าไป

เหล่าฟู่นั่งอยู่ในรถมองร่างเธอเข้าไป เหล่าฟู่ก็โทรหานายเขาทันที

เมื่อเฉินเฉียวเข้าไปเธอพบว่าเหมิ้งเหมิ้ง ถูกหญิงชราผมสีเงินอุ้ม

เด็กมักจะอ่อนไหวอยู่ตลอดเวลาอาจเป็นเพราะเขารู้สึกได้ถึงลมหายใจของแม่ เหมิ้งเหมิ้งเงยหน้าขึ้นหลังจากเห็นแม่เธอก็ตะโกนอย่างมีความสุขทันที: “แม่กลับมาแล้ว”

มุมปากของ เฉินเฉียวยิ้ม: “เหมิ้งเหมิ้งอยู่บ้านดื้อไหม”

ไม่ค่ะเหมิ้งเหมิ้งพยักหน้า

คุณหญิงที่ถูกทอดทิ้งมองเธอด้วยสายตาที่ซับซ้อน

“เฉินเฉียวไม่ได้เจอกันนานเลย”เมื่ออุบัติเหตุของเฉินเฉียวเกิดขึ้นถ้าไม่ใช่ว่าคุณหญิงพูดตั้งแต่แรก เรื่องคงจะไม่กลายเป็นแบบนี้

เฉินเฉียวไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหญิงต้องข้อโทษเธอ สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความสงสัย

เห็นได้ชัดว่าคุณหญิง รู้ว่าเธอความจำเสื่อมและเธอก็ไม่ได้พูดอะไรเธอแค่แนะนำตัวเองและพูดว่า: “ฉันเป็นแม่ของหลินจวินและยายของโย่วอีแน่นอนตอนนี้ฉันก็เป็นยายของเหมิ้งเหมิ้งที่น่ารัก”

คุณหญิงรักเด็กเสมอไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง

เหมิ้งเหมิ้งเป็นคนน่ารักและนุ่มนวลและได้รับความเอ็นดูอย่างมากจากผู้ใหญ่เสมอมา

ในขณะนี้อีกด้านพ่อของซังหลินจวินที่กำลังคุยกับโย่วอีบนโซฟาก็พูดแทรก

“ไหนๆก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว อย่าจากหลินจวินไปไหนอีกเลย อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว รีบๆจัดงานแต่งให้เสร็จๆไป ให้ฉันตายตาหลับเถอะ”

อาจเป็นเพราะยิ่งแก่ยิ่งเห็นค่าของครอบครัว ซังหลีหย่วนไม่ได้กีดกันเฉินเฉียวอีกต่อไป ยังไงซะลูกชายเขาก็หัวรั้น

แม้ว่าคนเราจะตายไปแล้ว ถ้าไม่รีบทำดี มีแต่จะทำร้ายทั้งสองฝ่าย

เฉินเฉียวตกตะลึงเธออยากจะพูดว่า พวกเธอยังไปไม่ถึงขั้นนั้น

แต่เมื่อมองไปที่โย่วอีเก้าขวบและเหมิ้งเหมิ้งสามขวบก็เป็นหลักฐานชัดเจน

เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้า

เมื่อซังหลินจวินกลับมาในตอนเย็นป้ามั่วก็เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างวัน

ซังหลินจวินคิดว่าครอบครัวของเขากลับมาฉุดรั้งเขาไว้อีกครั้งไม่คาดคิดว่าครั้งนี้พวกเขาจะมาช่วยเขาจริงๆ

เขายิ้มอย่างร่าเริง

เขาเดินออกไปเคาะประตูห้องเฉินเฉียว

เฉินเฉียวที่ยังไม่ได้นอนหอบเสื้อผ้าออกมาจากห้อง ค่อยๆปิดประตู หันมาเจอซังหลินจวินเธอตกใจ:“ดึกขนาดนี้แล้ว มาหาฉันทำไม”

“ ผมได้ยินคนบางคนบอกว่าจะแต่งงานกับผม”ซังหลินจวินยืนตัวตรงกดดันแต่เขาก็ยังรู้สึกประหม่า

“เปล่า ไม่มีอะไร.”เฉินเฉียวรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเธอไม่คิดมาก่อนเลย ว่าคำพูดขอไปทีของเธอ เขาจะจริงจัง

เมื่อเห็นเฉินเฉียวก้มศีรษะลงหูของเธอก็เป็นสีชมพูแล้ว ซังหลินจวิน รู้ว่าเธออายเขาก้าวเข้าไปใกล้เธอและถามว่า “เปล่าหรอ แต่ผมจริงจัง”

อะไรนะเฉินเฉียวเงยหน้าขึ้นพร้อมกับแสดงความงง

ซังหลินจวินรู้ว่าตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่ปล่อยให้ความรู้สึกของเขาหยุดอยู่ที่นี่ดังนั้นเขาจึงไม่ปิดบังความไม่พอใจเขากอดเธออยู่ในอ้อมแขนศีรษะของเขากดลงกับลำคอเนียนๆของเธอเขาพูดทุกคำ เหมือนกับการตีกลองในหัวใจของเธอ

“เฉียวเฉียวผมคิดว่าผมรอได้อให้คุณจดจำอดีตของเรารอให้คุณตกหลุมรักผม แต่เมื่อฉันได้ยินคุณสัญญาว่าจะแต่งงานกับผมผมก็ตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้ วันที่ผมรอเศร้าแค่ไหนผมรักคุณดังนั้นผมไม่อยากมองคุณจากระยะไกลทุกครั้งผมสัมผัสคุณไม่ได้ผมอยากจับมือคุณอย่างเปิดเผยครั้งหนึ่งเราเคยเป็นอย่างไร ผมจะทนได้ยังไงถ้าตอนนี้คุณอยู่ห่างจากผมหนึ่งเซ็นต์ ”

เสียงของเขาทุ้มมาก ดังในหูของเฉินเฉียว และมันดังก้องอยู่ในทุกมุมของหัวใจของเธอ

สัมผัสอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในหัวใจของเธอ

แต่สำหรับเธอ คิดว่ามันเป็นระยะที่เหมาะสมพอดี แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขา

เฉินเฉียวจ้องมองเขาเป็นเวลานาน

เมื่อมองไปที่ดวงตาคู่นั้น ตอนนี้มีความร้อนแผดเผา

เหมือนไฟที่ลุกโชนหัวใจของเธอจะละลายเป็นน้ำ

เธอสามารถได้ยินเสียงหัวใจของเธอในอกราวกับว่ามันเริ่มเต้นอย่างรวดเร็ว

เธอต้องการปกปิดเสียงหัวใจเต้น กลัวว่าเขาจะได้ยิน

ไม่คาดคิดว่าในเวลานี้เขายังคงพูดคำที่ทำให้เธอหัวใจเต้นเร็วขึ้น

“เมื่อเราแต่งงานกันจะไม่มีการหย่าร้างเมื่อเราอยู่ด้วยกันจะไม่มีการแยกจากกันความรักของผมที่มีต่อคุณจะไม่มีวันหายไปเฉียวเฉียวสัญญากับผมแต่งงานกับผมโอเคไหม”

เขาวางมือบนคอของเธออย่างใจดีและปลายนิ้วหนาทำให้อุณหภูมิในตัวเธอร้อนขึ้น

เฉินเฉียวผลักเบา ๆ แต่ ซังหลินจวินไม่ยอมปล่อย

จนกระทั่งเสียงหัวใจเต้นแรงจนอีกฝ่ายที่อยู่ใกล้ก็ได้ยินเช่นกัน

เสียงอะไรเนี่ยซังหลินจวินได้ยินชัดเจน แต่ก็ยังคงแกล้งถาม

ฉันไม่รู้เฉินเฉียวยังคงยืนกราน

ซังหลินจวินยิ้ม เฉินเฉียว มึนงง แต่เขาก็ยังคงพูดว่า: “นั่นคือจังหวะการเต้นของหัวใจของผม เฉินเฉียวคุณเคยได้ยินไหมหัวใจของผมกำลังบอกคุณว่าผมรักคุณมาก”

“……”น่าไม่อายจริง มันเป็นเสียงหัวใจของฉันชัดๆ ในใจของเฉินเฉียวตีโพยตีพาย

แต่เธอไม่กล้าพูด ถ้าเธอพูดมันออกไป นั่นแสดงว่า ใจเธอหลงรักเขาไปแล้ว

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset