ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 302 ยังอยากจะลองดูอีกสักตั้ง

เธอนั่งข้างๆเขาและหยิบแก้วที่ยังไม่ได้ดื่ม รินไวน์ที่มีกลิ่นหอมจนไวน์ใกล้จะล้นแก้วเธอก็หยุด

ซังอวิ๋นมองเธอด้วยหน้าตาบึ้งตึงและพูดเตือน: “ไวน์แดงเมาง่ายถ้าคุณเมาผมจะไม่ไปส่งคุณ”

ฉันรู้แล้ว

รู้แล้ว แต่ยังอยากลอง

ประโยคนี้ทำให้ความเชื่อมั่นในตัวเขาลดลง แต่เธอก็อดกลั้นไว้ในใจ ไม่ได้พูดอะไรออกไป

เธอกระดกไวน์ในคำเดียวและเมื่อไวน์แดงรสเปรี้ยวอมหวานกลืนเข้าไปในลำคอของเธอสิ่งที่เธอได้ลิ้มรสก็คือความขมขื่น

เมื่อมองไปที่ซังอวิ๋นที่ไม่สนใจอะไรเลยมีร่องรอยของการประชดฉายในดวงตาของเธอราวกับว่าเธอกำลังหัวเราะเยาะตัวเอง

เป็นเวลานานแล้วที่เธอไม่ได้พูดอย่างสบายๆ: “ฉันเพิ่งเจอคนที่คุณเก็บไว้อยู่ในใจตลอดเวลา บอกตามตรง เธอไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย ฉันไม่เข้าใจทำไมคุณถึงไปชอบเธอได้”

เดิมทีซังอวิ๋นจะปล่อยให้เธอพูดไร้สาระ แต่พอเธอพูดถึงเฉินเฉียว เขาก็เปลี่ยนเป็นสีหน้ากังวลทันที

เขาเลยทำการส่งแขก

“วันนี้คุณมาที่ตระกูลเหยียน ไม่ใช่เพราะคุยเรื่องเก่าๆกับผมหรอกนะ ผมเห็นว่าพ่อคุณมองหาคุณตั้งนานแล้ว ถ้าคุณยังไม่ไปล่ะก็ เกรงว่าเขาจะเดินมาหาคุณเอง”

มั่วอวี่ลุกขึ้นยืนและเธอก็หัวเราะเยาะ: “ซังอวิ๋น คุณยังเป็นเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ โกรธอยู่ชัดๆแต่ท่าทางทำเป็นสงบนิ่ง เมื่อไหร่คุณจะถอดหน้ากาก เมื่อก่อนตอนฉันเจอคุณครั้งแรกคุณไม่ได้เป็นแบบนี้นิ คุณรักเธอไม่ใช่หรอ? งั้นคุณก็แย่งเธอกลับมาสิ อย่าทำตัวน่าสงสารทั้งวัน ดูไม่จืดเลยนะ ”

มั่วอวี่หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาชิดไวน์ที่ติดอยู่ที่ริมฝีปาก เดินจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมามอง

จนกระทั่งเธอเดินออกไปซังอวิ๋นจึงเงยหน้าหันไปมอง เห็นร่างเธอเดินจากไปไกล แล้วก็มองเห็นเฉินเฉียว ใบหน้าเธอมีรอยยิ้มที่ถึงแม้จะรู้จักเธอมาสามปีก็ยังไม่เคยเห็น

เธอที่มีความสุขแบบนี้ เขาจะพรากมันไปจากเธอได้อย่างไร

ความรักที่เขามีต่อเธอไม่ใช่ความรักแบบหวงแหนอีกต่อไป

ตอนที่เขาเห็นเธอที่หายใจรวยรินมากับตา เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะต้องอยู่กับเขา

หลังจากดื่มไวน์แก้วสุดท้ายแล้วซังอวิ๋นก็เดินไปทางพ่อของเหยียนเหล่า กะว่าจะกลับ

ในตอนท้ายของงานเลี้ยงเฉินเฉียวจูงเด็กไว้ที่ทั้งสองมือ

ซังหลินจวินพูดกับคนที่อยากคุยกับเขาว่าวันนี้ติดธุระแล้วก็เดินตามหลังเฉินเฉียวไป คอยอยู่ข้างๆเธอ เดินไปที่ประตูใหญ่

ตอนไปถึงประตู เห็นฉากเด็ดอยู่ที่หน้าประตู

เจียงฉยงฉยงยืนอยู่ที่ประตูด้วยใบหน้าที่ร้อนรน

หลังจากที่เธอเห็นเจียงอี้ฝานกับกู้ซีอยู่ด้วยกัน

เฉินเฉียวมองไปที่หลินจวินอย่างรวดเร็ว

ซังหลินจวินรู้ว่าเธอจะไปช่วย

มือหนึ่งวางอยู่บนไหล่ของโย่วอี เดิมทีโย่วอีที่ลิ้มรสความรู้สึกที่ได้สัมผัสมือแม่ ก็ตัวสั่นและปล่อยมืออย่างรวดเร็ว

“ พ่อมีอะไรเหรอ?”โย่วอีมองพ่อที่จ้องเขา ก็รู้ว่าพ่อเขากลัวว่าจะพูดอะไรออกไป

ซังหลินจวินมองโย่วอีและรู้สึกขบขันในใจ

แต่ใบหน้ายังคงมีความเย็นชาอยู่ หลังจากเห็นเฉินเฉียวจูงเหมิงเหมิงเดินไปข้างหน้าเลยพูดว่า: “แม่ครับรอก่อนมีเรื่องนิดหน่อย แม่พาน้องกลับไปก่อนนะ”

โย่วอีในใจอยากรู้ว่าแม่จะทำยังไง ในใจเขาคันเหมือนโดนยุงกัน

โชคดีที่เขาคิดออกอย่างรวดเร็ว ไหนๆพ่อจะจับเขากับน้องสาวแยกกันเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้พวกเขารู้

แค่พยักหน้า: “โอเค ผมจะไปแล้ว”

เห็นโย่วอีวิ่งไปทางเฉียวเฉียวก็พูดอีกสองสามคำ แล้วซังหลินจุนเห็นเฉียวเฉียวเอามือของเหมิงเหมิงวางไว้ที่มือของโย่วอี ดูเหมือนว่าจะกำชับพวกเขาสองสามคำแล้วลูบหัว ชี้ให้เดินไป

เมื่อซังหลินจวินเดินผ่าน ถามอย่างสงสัย: “เมื่อกี้นี้คุณพูดอะไร?”

“ ฉันไม่บอกหรอก”เฉินเฉียวที่เพิ่งพูดกับโย่วอี ก็ส่ายหัว และเดินไปหาฉยงฉยง

เมื่อฟังเสียงฝีเท้าที่อยู่ข้างหลังเฉินเฉียวรู้สึกว่าโย่วอีรู้จักซังหลินจวินดีจริงๆ

จริงๆแล้วตะกี้โย่วอีพูดกับเธอว่า พ่อไม่อยากให้เขากับน้องสาวเป็นก้างขวางคอ เลยให้พวกเขากลับไปก่อน

เฉินเฉียวคิดได้ว่าเดี๋ยวต้องไปฟังเรื่องของฉยงฉยง เลยไม่อยากให้เด็กสองคนอยู่ฟัง

เลยไม่ได้ปฏิเสธ

เมื่อเฉินเฉียวและซังหลินจวินเดินไปถึง ทั้งสาเดินไปที่ทั้งสามคนพวกเขาก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาของเจียงอี้ฝาน

“ไร้สาระ เจียงฉยงฉยงมีสถานะเป็นลูกสาวตระกูลเจียง ทำไมถึงมายุ่งกับพวกไม่มีหัวนอนปลายเท้า ยังไม่รีบกลับบ้านกับฉันอีก”

เจียงฉยงฉยงที่กินแตงโมอยู่เงียบๆโดนเอ่ยชื่อก็แอบยิ้มที่มุมปาก

เธอคิดเรื่องนี้มาตลอดแม้ว่าเธอจะมีความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมกับพี่ชายในอดีตของเธอก็ตาม

แต่พวกเขาเป็นพี่น้องกัน ตอนนี้เขาลืมไปแล้ว สำหรับพวกเขาไม่ใช่เรื่องดีอะไร

เธอสามารถเป็นน้องสาวของเขาต่อไปได้บางทีเธออาจต้องเว้นระยะห่างไว้บ้าง

เธอคิดว่าเธอทำได้

แต่ตอนนี้เธอรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดของเขา เจียงฉยงฉยงกอดแขนกู้ซี แล้วพูดว่า : “พี่คะ ฉันโตแล้วนะ ไม่ต้องคอยมาจัดการชีวิตฉันหรอก ฉันมีสิทธิ์ที่จะมีแฟน .”

“พูดว่าอะไรนะ?”ดวงตาของเจียงอี้ฝานหรี่ลง

เมื่อเห็นว่าดูเหมือนได้ยินไม่ชัดเจน เจียงฉยงฉยงจึงบอกเขาทีละคำ: “ฉันบอกว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะมีแฟนแล้วกู้ซีเป็นแฟนของฉันและเราจะแต่งงานกันในอนาคต”

เฉินเฉียวที่กำลังจะไปประณีประณอมได้ยินแบบนี้ก็ไม่อยากจะเชื่อฉยงฉยง

เธอคิดว่าฉยงฉยงต้องโกรธแน่ๆเลยพูดอะไรแบบนี้ออกมา

จุดสนใจของซังหลินจวินกับเฉินเฉียวไม่เหมือนกัน เขาเพิ่งจะสังเกตว่าเจียงอี้ฝานสนใจแฟนของเจียงฉยงฉยงมากเกินไป

หรือว่า…

เขายังไม่ทันจะนึกออก

ก็มีโทรศัพท์เข้ามา

เมื่อเขาเห็นหมายเลขที่คุ้นเคยซังหลินจวินก็ก้าวถอยหลังและเดินไปข้างๆ

จนกระทั่งเฉินเฉียว และคนอื่น ๆ อยู่ห่างออกไปจนไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าในที่สุดซังหลินจวิน ก็รับสาย

“ มีข่าวอะไรไหม?”ซังหลินจวินเข้าเรื่องทันที

ซู้เหยี้ยนได้ยินก็มองไปที่บันทึกที่อยู่ในมือและกล่าวว่า:“ ผมได้ตรวจสอบบันทึกการออกของ ปู้อี้เฉินในสามปีมานี่และพบว่าไม่มีชื่อของเขาขอโทษจริงๆนะครับผมอาจจะช่วยคุณไม่ได้ ”

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset