ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 32 เจ็บก็ไม่ต้องฟัง

คำพูดของโหยวจิ้งหลีจิกกัดอย่างชัดเจน,“ฉันเพิ่งรู้นะว่าที่แท้พวกเธอสองสามีภรรยารักกันขนาดนี้”

น้ำเสียงของปู้อี้เฉินอ่อนลงและถามว่า: “เป็นอะไรไป โกรธหรอ ฉันทำกับเธอแบบไหน ทำกับคุณยังไง คุณก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ”

“เปล่าไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจ”เสียงนุ่มนิ่มของโหยวจิ้งหลี ถึงแม้เป็นแค่คำบ่น แต่ว่าฟังแล้วก็ทำให้คนสงสาร “ฉันกำลังทำเพื่อปู้ซื่อของพวกคุณนะ เพื่อต่อลมหายใจให้คุณ ฉันถึงไปแย่งโครงการนั้นของเฉินเฉียวมา ไม่งั้นฉันไปทำงานที่ไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเธอหรอ ”

“ผมรู้คุณทำเพื่อผม ผมเลยยอม เอาล่ะเราจะไม่พูดถึงมันอีกแล้ว”ปู้อี้เฉินง้อโหยวจิ้งหลี

จากนั้นทั้งสองคนดูเหมือนจะจูบกัน

ปู้อี้เฉินกระซิบ: “ไปข้างในเถอะ ที่นี้ไม่สะดวก ”

โอเคโหยวจิ้งหลีเสียงหลง

ทั้งสองคนคุยกันเดินเข้ามาทางห้องน้ำ

ทางฝั่งนี้ซังหลินจวินขมวดคิ้วและเอนตัวไปมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา

เธอดูเหมือนว่างเปล่าไร้อารมณ์ อย่างไรก็ตามมือที่สั่นเทาและขนตาที่สั่นไหวบนอ่างล้างมือล้วนเผยให้เห็นอารมณ์ของเธอในขณะนี้

“เธออยากดูการแสดงของพวกเขาที่นี้หรอ”ซังหลินจวินถาม

ดูเหมือนเธอจะกลับมามีสติอีกครั้งเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างงง ๆ

ซังหลินจวินถอนหายใจอย่างจดปัญญา”ยัยทึ่ม”

เขาโอบเอวเธอไว้ด้วยมือข้างเดียวและผลักเปิดประตูห้องแม่ลูกอ่อนพาเธอเข้าไป

ซังหลินจวินเป็นคนที่ระมัดระวังตัวเขากึ่งๆกอดพาเธอเดินตรงเข้าไปในช่องด้านในปิดประตูอย่างเบามือ

เมื่อเฉินเฉียวกลับมามีสติทั้งสองก็เบียดกันในซอกเล็กๆ

มือของเขายังอยู่ที่เอวของเธอ

ทั้งร่างเธออยู่ในอ้อมกอดเขา

ที่ปลายจมูกของมีกลิ่นหอมจาง ๆ จากเขา

ร่างสูงมากกว่า 185 ซม. กอดเธอไว้แนบอก

เฉินเฉียวยืนอยู่ที่นั่นตัวแข็งทื่อและได้ยินการเต้นของหัวใจที่ทรงพลังในอกของเขาอย่างชัดเจน

แต่เสียงหัวใจของเธอ “ตึก ตึก” กลับเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเลย

พื้นที่แคบและเล็กเช่นนี้อันตรายเกินกว่าที่เฉินเฉียวจะจัดการกับตัวเองได้

เธอก้าวถอยหลังรักษาระยะห่างจากเขาและเปิดประตูเพื่อออกไป

แต่เธอก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวและถูกเขาลากกลับไป

ชูวว์…เขากดนิ้วลงบนริมฝีปากของเธอ

ทันใดนั้นเองเฉินเฉียวก็ได้ยินเสียงประตูห้องแม่ลูกอ่อนถูกผลักให้เปิดออกจากด้านนอก

จากนั้นก็มีเสียงหอบและคร่ำครวญของชายและหญิงดังขึ้น

“ อี้เฉิน …เบาๆหน่อย ”

เสียงนี้มาจากโหยวจิ้งหลี

เสียงออดอ้อนแบบนี้ทำให้ผู้ชายปกติทั่วไปยากที่อดใจไหว

“ โอย มันเจ็บ ”

มีเสียงครางอีกครั้ง

เฉินเฉียวมองผ่านรอยแตกของประตูและเห็นชายและหญิงจูบกันเหมือนไฟที่โหมกระหน่ำอยู่ข้างนอกมันยากที่จะแยกออกจากกัน

ขาของผู้หญิงพับอยู่บนเอวของผู้ชายและเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอขาดเผยให้เห็นไหล่ขาวๆของเธอ

เธอเอนตัวไปข้างหลังเผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์และสวยงามนั้นเต็มไปด้วยความสุขสม

มองจากทิศทางของ เฉินเฉียวจะเห็นเพียงปู้อี้เฉินจากด้านหลังเท่านั้น แต่เธอสามารถได้ยินเสียงของเขาอย่างชัดเจน

ร่างกายของเฉินเฉียวแข็งทื่อเธอราวกับถูกต่อยมีอาการจุกและเจ็บปวด

ปกติเวลาเธอเห็นภาพแบบนี้ เธอยังคงรักษาใบหน้าให้เรียบเฉยได้

แต่วันนี้มันช่างแตกต่าง…

ในขณะนี้ซางหลินจุนยืนอยู่ข้างหลังเธอ

ความอับอายทั้งหมดของเธอต่อหน้าผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรต้องปิดบัง

เจ็บมั๊ย?ข้างหลังเธอเสียงของชายคนนั้นฟังดูแผ่วเบา

ร่างกายของเฉินเฉียวเหยียดตรงหมัดของเธอกำแน่น

หลังจากนั้นไม่นานเธอค่อยๆหันกลับมาและยกริมฝีปากขึ้นแสร้งทำเป็นยิ้ม “ไม่เจ็บ”

ชายคนนั้นมองเธอจากหัวจรดเท้าด้วยความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา แต่ว่าดวงตานั้นมองออกทะลุทุกอย่าง

ราวกับว่าต้องการมองทะลุผ่านการเสแสร้งของเธอ

เฉินเฉียวรู้สึกหนักใจเล็กน้อย

เธออยากจะหนีทันที!

อย่างไรก็ตามฉากที่น่าอับอายด้านนอกทำให้เธอไม่สามารถก้าวออกไปได้

ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้นปิดหูของเธอ

“ เจ็บปวดนักก็อย่าไปฟัง”

ประโยคนั้นปลอบใจเธอ

แต่มันไปโดนส่วนที่นิ่มที่สุดของหัวใจเธออย่างแม่นยำดวงตาของเธอแดงก่ำและจมูกรู้สึกแสบ

เธอกำลังจะร้องไห้

เธอไม่ได้ทำเพื่อคนเลวๆอย่างปู้อี้เฉิน แค่ทำเพื่อชีวิตที่เธอสูญเสียไป

ซังหลินจวินมองไปที่ดวงตาที่แดงก่ำของเธอเลิกคิ้วของเขาและเอื้อมแขนยาวกอดเธอไว้ในอ้อมแขน

“ร้องทำไม”

“……ฉันไม่ได้ร้องไห้ถึงจะพูดแบบนั้้นก็เถอะ แต่ว่าเสียงกลับสะอึกสะอื้น

คนเป็นสัตว์ที่แปลก

ตอนไม่มีใครสนใจแม้ว่าจะเจ็บแค่ไหนก็ทนได้ แต่เมื่อมีคนถามถึงอาการบาดเจ็บขึ้นมาแล้วล่ะก็ความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยก็ดูเหมือนจะทนไม่ได้

อย่างไรก็ตามซังหลินจวิน เป็นสุภาพบุรุษมากและไม่ได้ซ้ำเติมเธอ

โชคดีที่เธอไม่ใช่คนที่สูญเสียการควบคุมอารมณ์ง่ายๆ

ซบตรงอกด้านหน้าเขาอารมณ์เธอก็สงบลงอย่างรวดเร็ว

เธอตระหนักได้ว่าไม่รู้ตัวเองเข้าไปซบอกเขาตั้งแต่ตอนไหน

ราวกับว่าเขาและเธอทั้งสองไม่ได้มีความประหม่า เธอกระซิบเบาๆ : “คุณว่า ถ้าพวกเราออกไปตอนนี้แล้วแฉว่าพวกเขาคบชู้กัน พวกเขาจะทำหน้ายังไง”

“คบชู้”เขามองเธอและถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “แล้วคุณจะอธิบายให้พวกเขาฟังว่าอะไรที่พวกเรามาซ่อนตัวที่นี้”

เธอยังมีอารมณ์ล้อเล่น แสดงว่าอารมณ์เธอไม่ได้แย่มากนัก

เฉินเฉียวลืมคิดถึงตัวเอง เมื่อเขาเตือนเธอจึงได้สติ

เขาและเธอสองคนแอบซ่อนลับๆล่อๆแบบนี้ถึงแม้ไม่ได้ทำอะไร แต่คนอื่นก็ต้องคิดอยู่แล้ว

ถ้าโดนจับได้ละก็ ชักแม่น้ำทั้งห้ายังไงก็ฟังไม่ขึ้น

“อ๊า…..“อี้เฉิน….อย่าจับตรงนั้น….”ทันใดนั้นเสียงของโหยวจิ้งหลีก็ดังอีกครั้ง

คราวนี้ยิ่งดังกว่าตะกี้

เธอครางเป็นระยะๆ เสียงสั่นเครือสุดท้ายทำให้คนคิดจินตนาการไปไกล

เฉินเฉียวรู้สึกชาที่หัว เธอมองออกไปข้างนอก

“ ไม่ชอบให้ฉันจับหรอ”ปู้อี้เฉินถามอย่างเจ้าเล่ห์

โหยวจิ้งหลีเม้มริมฝีบอก เหมือนอายๆแต่ตอบกลับว่า “ชอบสิ……”

“เราเปลี่ยนท่าเถอะ”ปู้อี้เฉินคึกคะนอง จับเธอวางลงบนโซฟาในห้องแม่ลูกอ่อน พร้อมออกคำสั่ง: “คุกเข่าลง!”

โหยวจิ้งหลีงงแต่เธอก็ทำตามโดยดี คุกเข่าตรงระหว่างขาของชายคนนั้น

เธอใช้วิธีที่เร้าร้อนที่สุดเอาใจผู้ชายคนนั้น

ปู้อี้เฉินร้องครางพลางเอนหลังบนโซฟาโดยใช้ฝ่ามือวางบนศีรษะของเธอ

ในชั่วขณะหนึ่งราวกับว่าคลื่นความร้อนถูกพามาในห้อง อากาศในห้องทั้งหมดร้อนราวกับจะมอดไหม้

ตัณหาก็เหมือนกับอากาศที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมห้อง

แม้ว่าปู้อี้เฉินจะเคยจงใจแสดงต่อหน้าเธอ แต่ส่วนมากก็แค่แกล้งทำท่า ไม่ได้เหมือนกับการออกสนามรบจริงๆในครั้งนี้

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset