ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 35 ความว่างเปล่าที่ละเลยไม่ได้

แต่เขารู้เรื่องที่เธอถูกตบได้อย่างไร?

เฉินเฉียวไม่กล้าคิดว่าชายคนนี้เป็นคนเหนือธรรมชาติหรือเป็นคนใส่ใจเรื่องของเธอมากเกินไป

ในใจของเธอมีความผันผวนหลายครั้งและในที่สุดความสงบก็กลับคืนมา

หลังจากนั้นเธอก็ไม่หันกลับมามอง

ราวกับว่าเธอไม่ได้ยินมันแสร้งทำเป็นเดินเงียบๆออกจากห้องแม่ลูกอ่อน

ทันทีที่เธอออกไปโทรศัพท์มือถือของซังหลินจวินก็ดังขึ้น

มันเป็นสายของอวี้เฟย

“ ท่านครับ ประธานถังตามหาท่านอยู่ครับ”

“อื้อ เดี๋ยวไป”ซังหลินจวินวางสายและเฝ้าดูเงาที่หายไปก่อนที่เขาจะละสายตาไปและยิ้มอย่างขมขื่น

ดูเหมือนว่าเขาจะตีกอล์ฟต่อไม่ได้แล้ว ความรู้สึกทรมานด้วยตัณหามันแย่จริงๆ

เฉินเฉียวยังคงอยู่ในภวังค์นั่งอยู่ในรถ

ผ่านมานานแล้วแต่ดูเหมือนว่ายังมีลมหายใจของชายคนหนึ่งติดอยู่ที่ริมฝีปากของเธอ แม้แต่ที่สะโพกของเธอ เหมือนกับว่ามือเขายังคงจับอยู่

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องแปลกสำหรับเธอและมันทำให้เธอสั่นอย่างแปลกๆว่างเปล่า

ว่างเปล่าหรอ?

เธอกัดริมฝีปากด้วยความอาย

ไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน

แต่เธอต้องเผชิญหน้ากับมัน

ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ภายใต้การเร้าโลมที่ถึงใจแบบนั้นถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรก็คงจะเป็นการโกหก

ยิ่งกว่านั้นซังหลินจวินผู้ชายคนนั้นลีลาไม่ใช่เล่นๆ

เธอตบแก้มตัวเองและถอนหายใจเฮือกใหญ่

อย่าฟุ้งซ่าน ถึงจะลีลาเด็ดแค่ไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ ระหว่างเธอกับปู้อี้เฉินเป็นเหมือนเชือกป่านจะตัดยังไงก็ตัดไม่ขาด แล้วจะไปยั่วผู้ชายคนอื่นได้ยังไง

เธอเริ่มมีสติมากขึ้นสตาร์ทรถและไปที่บริษัท

ปู้อี้เฉินโทรมาเธอคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงจะกดรับ เธอชิงพูดก่อน “พัสดุเมื่อวานคุณเป็นคนส่งมาหรือเปล่า”

ปู้อี้เฉินตอบแบบงงๆ “พัสดุอะไร?”

แน่นอนว่าไม่ใช่เขา

“ไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันวางก่อนนะ”เฉินเฉียวไม่ต้องการพูดอะไรกับเขาอีกเพียงแค่กดปุ่มวางสาย

เห็นได้ชัดว่าปู้อี้เฉินยังพูดไม่ทันจบทันทีที่เธอวางสายเขาก็โทรมาอีก

เฉินเฉียวตัดสายและปิดเครื่อง

ในที่สุดก็สงบเสียที

เธอขับรถไปคิดเรื่องปู้อี้เฉินไป

เห็นกับตาว่าเขากับโหยวจิ้งหลีทำอะไรกัน เธอเองก็ไม่ถึงขนาดว่าไม่รู้สึกอะไรเลย

มันยังเจ็บอยู่

ไม่สบายใจ

ชีวิตของเธอไม่เคยล้มเหลวแบบนี้

คราวนี้แพ้ยับเยิน

ยิ่งเรื่องเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้เธออยากที่จะหย่ากับผู้ชายคนนี้มากขึ้น

อย่างไรก็ตามหาก ปู้อี้เฉินไม่เซ็นหย่าเธอก็ไม่สามารถหาเงินสามร้อยล้านมาชดใช้ได้

ขับรถจนมาถึงบริษัท

เธอเดินตรงขึ้นไปชั้นบนและเข้าไปในห้องทำงานของเธอ

หลี่ชิงเดินตาม “ผู้อำนวยการคะทุกคนพร้อมแล้วสามารถเริ่มประชุมได้เลย”

เฉินเฉียวพยักหน้า “อืม ฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้าแปปนะ”

หลี่ชิงมองไปที่เธอและพูดด้วยรอยยิ้ม: “วันนี้ผู้อำนวยการสวยเป็นพิเศษนะคะ ดูมีน้ำมีนวล”

หรอ?

“แต่จะสวยกว่านี้ถ้าทาปากใหม่ เลอะหมดแล้วค่ะ”หลี่ชิงเปรียบเทียบริมฝีปากของเธอด้วยรอยยิ้ม หลังจากพูดเสร็จเธอก็ออกจากห้องทำงาน

เฉินเฉียวยืนอยู่หน้ากระจก ส่องกระจก

ตอนนี้บนหน้าเหมือนมีแป้งบางๆอยู่

ริมฝีปากเลอะ และบวมแดง ดูแล้วแปลกๆ

ดูก็รู้ว่าโดนจูบมา

ตะกี้รีบเดินซะจนไม่ได้ส่องกระจกเลย

เฉินเฉียวเปลี่ยนชุดกีฬาเป็นเสื้อเชิ้ตหยิบลิปสติกมาทาใหม่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ทิ่งร่องรอยใดๆไว้ แล้วออกจากห้องพัก

ตอนหยิบเอกสาร นึกขึ้นได้เปิดลิ้นชักที่โต๊ะทำงาน

หลอดยาวางอยู่ในนั้นยังใหม่อยู่

คิดสักพัก หลอดยาก็ถูกยัดเข้าไปในลิ้นชักอีกครั้ง

ของบางอย่างไม่ได้เป็นของตัวเองก็อย่าไปเปิดจะดีกว่า

——

หลังจากรู้ความสัมพันธ์ของโหยวจิ้งหลีกับซังหลินจวิน คนในทีมทั้งหมดของเฉินเฉียวก็ถอดใจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากประสบเหตุการณ์ในวันนี้เฉินเฉียวก็ยิ่งไม่อยากเจอเขาอีกและไม่รู้ว่าจะสู้หน้าเขาอย่างไร

ปรับแผนให้เหมาะสมเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้นจากนั้นรอผลลัพธ์

ไม่กี่วันต่อมา ทางด้านเฉินเฉียวทุกคนไม่สู้ดีนัก

โครงการของรื่ออันการแพทย์โดนโหยวจิ้งหลีคว้าไป

ทางด้านฝั่งเธอ ชนะอย่างภาคภูมิใจ

ในด้านของเฉินเฉียวมันเป็นอีกฉากหนึ่ง

ทั้งห้องทำงานบรรยากาศอึมครึม

“ มันแย่จริงๆ! เสียเวลาทำตั้งสามเดือนเพื่อให้คนอื่นชุบมือเปิบ “มีคนบ่น.

“ คนของรองผู้อำนวยการจัดงานฉลองที่นี้คงอยากจะให้พวกเราเห็น เธอเก่งนะ เพื่อจะเข้ามาทำงานก็ได้ผลงานชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ”

“ในอนาคตโครงการของพวกเราจะไม่โดนเธอเอาไปหมดหรอ” พวกเธอนางในต่อสู้กันในที่ลับ ทั้งสองไม่มีใครบาดเจ็บ คนที่แย่ก็คือพวกเรา โบนัสก้อนนี้มันเพียงพอที่จะให้ฉันจ่ายค่าบ้านได้หลายเดือนเลยนะ แต่ตอนนี้มันล้มเหลวไม่เป็นท่า ”

เฉินเฉียวเข้ามาพร้อมกับถ้วยน้ำชาและได้ยินสิ่งที่พวกเขาบ่น

หลี่ชิงเดินตามเข้ามาข้างหลังเธอ

จริงๆแล้วเธอแปลกใจมากทำไมงานโครงการนี้อยู่ๆก็หายวับ

ตอนแรกท่าทีที่ประธานซังมีต่อผู้อำนวยการมันไม่ใช่ธรรมดา เธอคิดว่าโครงการนั้นพวกเขาเอาไปได้แล้ว

ทุกคนเงียบเมื่อเห็นเฉินเฉียว

มองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนจะกลับมานั่งที่

บรรยากาศค่อนข้างน่าหดหู่

เฉินเฉียวก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกันเธอไม่ต้องการแพ้โหยวจิ้งหลีต่อหน้าใคร แต่ในขณะนี้การเรียกขวัญกำลังใจของทหารนั้นสำคัญที่สุด

เธอยืนอยู่หน้าของหลี่ชิงมองไปรอบ ๆ และพูดอย่างเรียบๆ : “ทุกคนอย่าหมดกำลังใจ งานที่พวกคุณลงแรงทำทั้งหมด ฉันจะรายงานให้ท่านประธานกรรมการได้ทราบ ให้พวกคุณได้รับสวัสดิการตอบแทนไม่น้อยหน้ากว่าฝั่งรองผู้อำนวยการ ถ้าบริษัทไม่จ่ายเงินในส่วนนี้ ฉันจะเป็นคนจ่ายเอง ”

คำพูดเหล่านี้มีความชัดเจนและทรงพลังและยังรับรู้ถึงผลงานของทุกคน

ทุกคนต่างมุ่งมั่นทำงานหนักก็เพื่อชีวิตตัวเอง เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดทุกคนก็นั่งลง

“ขอบคุณผู้อำนวยการ”

“ผู้อำนวยการกล่าวเช่นนี้พวกเราก็เบาใจ ผู้อำนวยการครับ ไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นพวกเราจะทำตามอย่างไม่มีข้อยกเว้น ”

“ ผู้อำนวยการครับ คืนนี้เราทานมื้อค่ำกันเถอะ ห้องข้างๆกำลังฉลองกัน พวกเราก็ฉลองบ้าง งานนี้คือน้ำพักเราแรงของพวกเรา เราต้องภูมิใจ”

เฉินเฉียวยิ้มและตอบ“ได้เลยงั้นคืนนี้ฉันเลี้ยงเหล้าเอง เลือกสถานที่มาเลย”

โอเคครับ เจอกันคืนนี้! ”

เมื่อเห็นทุกคนผ่อนคลายเล็กน้อยเฉินเฉียวก็กลับไปที่ห้องทำงาน

ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ผู้บริหารเธอรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้

เธอปลอบความล้มเหลวของทุกคน แต่ความล้มเหลวของเธอไม่ได้พูดออกมาสักคำ

เหมือนแบกเขาทั้งลูกอยู่บนอก ไม่สามารถระบายออกมาได้

ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ สรุปว่าเธอแพ้โหยวจิ้งหลี…

เฉินเฉียวถอนหายใจและหลับตา

โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่น

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset