ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 401 ความฝันที่อธิบายไม่ได้

ซังเสี่ยนที่ถูกไล่ออกมาจากบริษัทมองหยวนเซิ่งด้วยแววตาอับอายอย่างไม่อาจคาดเดาได้

แต่ซังเหยาที่ถูกไล่ออกมาพร้อมกันกับเขากลับยิ้มเยาะมองเขา พูดขึ้นอย่างเหยียดหยาม “ไม่แปลกใจที่นายแพ้หลินจวินตลอด คนที่แพ้แล้วไม่ทบทวนตัวเองอย่างนาย ยังดึงคนอื่นลงน้ำอีก ก็ควรมีจุดจบแบบนี้แหละ”

ในทางกลับกันซังเสี่ยนก็เยาะเย้ยเธอ “ก็ไม่ดีเหมือนกัน เรามีผลได้ผลเสีย อย่าว่ากันเลย”

ซังเหยากลอกตาด้วยความโกรธ รีบย่ำส้นสูงเดินไปไกลเพื่อหยุดรถ

ซังหลินจวินแก้ไขปัญหาในบริษัททั้งหมดแล้ว เมื่อเหลือเพียงเขาและอวี้เฟยในห้องประชุม ก็ยื่นมือไปหาอวี้เฟยพูดว่า “เอาโทรศัพท์นายให้ฉันหน่อย”

อวี้เฟยทำหน้าสับสน แต่ก็เอาโทรศัพท์ให้คุณผู้ชายเป็นอย่างดี จากนั้นเขาก็เห็นคุณผู้ชายกดเบอร์สองสามที แล้วเปิดโทรศัพท์

ซังหลินจวินเอาโทรศัพท์คืนอวี้เฟย จากนั้นก็ตบบ่าเขาพูดขึ้น “ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามปิดโทรศัพท์ บทบาทของนายสำคัญมาก ฉันไม่อยากทำนายหายไป”

ขณะที่พูด ก็เดินไปทางห้องทำงานของเขา

อวี้เฟยที่ถูกชมกว่าจะได้สติกลับมาก็นานมาก เขาจิกฝ่ามือตัวเอง รู้สึกว่าฝ่ามือเจ็บ ถึงได้รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้คือเรื่องจริง คุณผู้ชายชมเขาจริงๆ และรู้สึกว่าขาดเขาไม่ได้ด้วย

ในใจมีความสุขมาก เปื้อนหางตาและคิ้วทันที

เพราะกลับมาเมื่อครู่นี้ ซังหลินจวินมีเรื่องมากมายต้องทำที่บริษัท กลับไปก็คาดว่าต้องดึกแล้ว เลยส่งข้อความหาเฉียวเฉียว ให้พวกเธอไม่ต้องเหลือข้าวให้เขา ทานกันไปก่อนเลย

เฉินเฉียวได้รับข้อความกำลังจะพับเสื้อผ้าโยนไว้ในตู้ก่อนจะออกไป

เห็นโทรศัพท์ดังติ๊งขึ้นมา ก็รีบหยิบมากดเปิดดู หลังจากพบว่าหลินจวินไม่กลับบ้านทานอาหารตอนเย็น ก็รีบส่งข้อความกลับหาเขา

งั้นให้ฉันเอาไปให้คุณไหม

ซังหลินจวินตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า ไม่ต้อง เดี๋ยวสั่งข้างนอก

เฉินเฉียวเบ้ปาก กำลังคิดว่าสั่งข้างนอกมันอร่อยที่ไหนกัน ทันใดนั้นก็เวียนศีรษะ ร่างโซเซสองสามครั้ง แล้วล้มลงกับพื้น

เพราะเฉียวเฉียวยังไม่ตอบข้อความกลับซังหลินจวินรอนานมาก ก็ไม่ได้รับข้อความเฉียวเฉียว ทำได้แค่ปล่อยวางความคิดวุ่นวาย โฟกัสที่งาน

เฉินเฉียวที่ล้มลงกับพื้นในตอนนี้ในหัวสมองมึนงงเห็นภาพแปลกประหลาดตรงหน้า

เธอเหมือนเป็นคนล่องหน เห็นฉากหลินจวินจูบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่โรงแรมด้วยตาตัวเอง เธออยากเข้าไปหยุด แต่พบว่าเธอสัมผัสพวกเขาไม่ได้ เห็นพวกเขาตอบสนองกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความรักที่ลุกโชนในดวงตาเขายิ่งลึกซึ้งขึ้นมากเท่าไร ความรู้สึกแย่ในใจเฉินเฉียวก็ยิ่งมากเท่านั้น เธอคิดว่าเธอจะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด แต่พบว่าเธอที่เป็นคนล่องหนไม่รู้สึกน้ำตาไหล

เห็นเขาพูดอย่างเย็นชาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่สนใจผู้หญิงคนนั้นแล้ว และออกตัวว่าจะไปหาหล่อนโดยไม่สนใจเธออีก

เฉินเฉียวรู้สึกว่าภาพเหล่านั้นมันคุ้นตามาก เมื่อคิดอย่างละเอียด มันไม่ใช่สิ่งที่หลินจวินแสดงออกกับตน

หลังจากภาพเหล่านั้นฉายไม่หยุด เฉินเฉียวก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคยมากมายปรากฏขึ้นในนั้นอย่างรวดเร็ว  เจียงอี้ฟานที่อ่อนโยนลึกซึ้ง ยังมีเยี่ยนเฟิงและลู้หมีปรากฏในนั้นด้วย

แม้แต่ปู้อี้เฉินที่พวกหลินจวินพูดถึงอยู่ตลอดก็อยู่ในนั้น แค่เขาในภาพหน้าตาไม่เหมือนตอนนี้ ที่เธอจำได้เพราะมีหญิงสาวสวยงามบริสุทธิ์ดวงตาหยิ่งผยองเรียกเขา

เฉินเฉียวมักรู้สึกว่าเธอรู้จักทุกคนด้านใน แต่เมื่อคิดอย่างละเอียด กลับนึกไม่ออกเลย

เธอรู้ว่าเธอสัมผัสคนด้านในไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงเหมือนกำลังดูละครใบ้

เมื่อภาพกลายเป็นงานแต่ง เธอเห็นโย่วอีและเจ้าสาวนั่งในรถ เห็นโย่วอีถูกรถชน เฉินเฉียวก็ตื่นขึ้นมาด้วยความหอบ

หลังจากเฉินเฉียวลืมตาขึ้นมา พบว่าตอนนี้เธอนอนบนพื้น โชคดีที่นอนติดกับพรม เธอเลยไม่เป็นหวัด

แค่มีเหงื่อผุดที่หน้าผาก หลังจากยืนขึ้นมา ก็หยิบกระดาษเช็ดมือจากโต๊ะข้างๆ มาเช็ดเหงื่อ

เฉินเฉียวกลับมานอนที่เตียง พยายามนึกย้อนฉากในฝันแต่ละฉาก พบว่าเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วนั้น ไม่สามารถจำมันได้เลย

หมดหนทาง ทำได้แค่ยอมแพ้

ตอนทานอาหาร เพราะหัวสมองยังคงคิดเรื่องนี้ตลอด เห็นโย่วอีนั่งฝั่งตรงข้ามทานอาหารช้าๆ เฉินเฉียวก็แอบมองเขาเป็นระยะๆ

แววตาเฉินเฉียวโจ่งแจ้งเกินไป แม้แต่เหมิงเหมิงที่นั่งทานอาหารข้างๆ ก็มองออก

แม่ใส่ใจพี่ชายแบบนี้ เหมิงเหมิงปวดใจ เบ้ปาก และไม่พอใจ

เด็กๆ มักสนใจว่าผู้ใหญ่ชอบใครมากกว่ากัน เหมิงเหมิงพบว่า ตั้งแต่พวกเขากลับมาที่บ้าน แม่ก็ยิ่งไม่สนใจตน ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ เหมิงเหมิงโกรธจนโยนตะเกียบไว้บนโต๊ะ หันตัววิ่งออกไป

เฉินเฉียวเมื่อเห็นการกระทำของเหมิงเหมิงก็ได้สติกลับมาทันที วางตะเกียบไว้บนชาม ก็ลุกขึ้นตามไป

โย่วอีที่รู้สึกเหมือนกันว่าแววตาแม่เหมือนหมาป่าก็คิดว่าแม่พบว่าเขาทำอะไรผิดอีกแล้ว ก็รีบกินข้าวให้เร็วขึ้น เมื่อพวกน้องสาวกลับมา เขาจะได้ลุกขึ้นหนีได้

เมื่อเฉินเฉียวไปตามหาเหมิงเหมิง พบว่าเด็กน้อยเอาสองมือกอดขาขดตัวเป็นวงกลม เห็นได้ชัดว่าไม่สบายใจ เดิมทีเฉินเฉียวอยากถามว่าทำไมจู่ๆ เหมิงเหมิงถึงได้อารมณ์เสียทันใดนั้นก็ใจอ่อน

เธอยื่นสองมือออกไป อยากกอดเหมิงเหมิงที่นั่งบนโซฟาไว้ในอ้อมแขน

แต่ขณะที่มือกำลังสัมผัส ก็ถูกมือเล็กนิ่มของเธอตีเข้า

เฉินเฉียวขมวดคิ้ว รู้สึกว่ามันแปลกมาก พยายามพูดด้วยเสียงอ่อนโยน ถามขึ้น “เหมิงเหมิงเกิดอะไรขึ้นลูก ทำไมจู่ๆ ไม่กินข้าว แถมยังตีแม่อีก”

เฉินเฉียวจงใจยื่นมือที่ถูกตีไปอีกครั้ง อยากให้เหมิงเหมิงดูสักหน่อย

สุดท้ายเหมิงเหมิงก็ไม่มอง แถมยังหันหลังให้ หันก้นให้เธอ

เฉินเฉียวรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เดิมทีเธอไม่ใช่คนกล่อมใครเก่ง เมื่อก่อนตอนอยู่อิตาลี อาอวินเป็นคนช่วยกล่อมเหมิงเหมิงทั้งนั้น เธอแทบไม่เคยเห็นเหมิงเหมิงทุกข์ใจเลย

คิดสักพัก เฉินเฉียวก็รู้สึกว่าโย่วอีน่าจะคุยกับเหมิงเหมิงได้ เธอหันตัวไป จะเดินไปที่ห้องโถงทานอาหาร

ทันทีที่ก้าวเท้าออกไป เสียงนุ่มนิ่มก็ดังขึ้นแผ่วเบา

“แม่ แม่รังแกหนู ไม่เคยกล่อมหนูเลย” เหมิงเหมิงส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว ขอบตาแดงก่ำ เมื่อบ่น คอก็ตั้งตรงดูสมเหตุสมผล

เฉินเฉียวสับสนนานมาก ถามขึ้น “แม่กล่อมคนไม่เป็นอ่า เมื่อกี้อยากกล่อมเหมิงเหมิง แต่เหมิงเหมิงไม่สนใจแม่เลยไม่ใช่เหรอ?”

“เปล่าสักหน่อย” เหมิงเหมิงแย้งอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

เฉินเฉียวถือว่ามองออก เหมิงเหมิงไม่ได้โกรธ ไม่ได้โวยวายเอาใจยาก แค่เอาแต่ใจเหมือนเด็กทั่วไป ต้องการให้คนกล่อมเธอ

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset