ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 427 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ซังหลินจวินกำลังประชุมประจำกับเหล่าพนักงานและเลขานุการจู่ๆ โดนลูกชายพูดถึง ทันใดนั้นก็คันจมูกและหาว

เดิมทีทุกคนรู้สึกว่าวันนี้ท่านประธานเข้มงวดและระมัดระวังเป็นพิเศษก็อึ้งในเวลาเดียวกัน จากนั้นได้สติกลับมา ก็แสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอดทีละคน

ไม่ต้องพูดถึงการหาวกะทันหันที่ทำให้พนักงานเหล่านี้ตกใจ แม้แต่ซังหลินจวินเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน

ปฏิกิริยาทางร่างกายที่ควบคุมไม่ได้ แต่ต้องการระงับมันก็ทำได้

แต่ครั้งนี้เขาก็ระงับมันไม่ทัน มันหาวออกมาแล้ว สีหน้าเขาก็มืดลงน่ากลัว

เห็นท่านประธานสีหน้าย่ำแย่ เห็นได้ชัดว่าโกรธแล้ว คนใส่ชุดสูทสีเทาหนึ่งในนั้นรีบยกมือพูดขึ้น “ท่านประธาน ครั้งนี้เจ้าชายซีซาร์มาเป่ยเฉิงกับเจ้าหญิง น่าจะสนใจสถานที่มีชื่อเสียงในเป่ยเฉิงของเรา ทำไมเราไม่ตามเจ้าชายซีซาร์ไปยังสถานที่ที่เขาอยากไป วาดเส้นทางเรียบง่าย จากนั้นก็จองโรงแรมระหว่างทางทั้งหมด หลังจากให้พวกเขามาเป่ยเฉิงแล้ว รู้สึกว่าเหมือนอยู่บ้าน แบบนี้จะทำให้เจ้าชายซีซาร์พึงพอใจ”

ซังหลินจวินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

เห็นพนักงานคนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย เป็นข้อเสนอที่ดีแต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทันใดนั้นซังหลินจวินก็ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงคนพวกนี้ในบริษัทไว้ทำไม หรือเพราะพวกเขายังถือว่ามีใบจบการศึกษา

แต่พวกเขาเหล่านี้เป็นคนที่เคยเรียนต่างประเทศ สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงหรือเรียนต่อปริญญาโท ก็ยังไม่ฉลาดเท่าพนักงานที่จบมหาลัยที่แย่ที่สุดเลย

เห็นแววตาลุกเป็นไฟของพนักงานที่เพิ่งเอ่ยข้อเสนอ จู่ๆ ซังหลินจวินก็รู้สึกว่าไม่ใช่แค่พนักงานลูกน้องเขาที่มีปัญหา แต่สายตาเขาก็มีปัญหาอย่างมากเช่นกัน

ไม่อย่างนั้น พนักงานคนหนึ่งที่สุขุมรอบคอบและฉลาดมาโดยตลอดทำให้เขาเงียบจนถึงตอนนี้ได้

“คนนั้น นายอยู่ต่อ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย คนอื่นๆ กลับไปประจำที่ตัวเองก่อนได้”

ที่ไม่ได้เรียกอวี้เฟย เพราะอวี้เฟยคราวก่อนแสดงออกได้ไม่เลวในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งก่อน มีความสุขในชั่วขณะหนึ่ง ได้เลื่อนตำแหน่งทันที

ส่งเขาไปที่สาขาเพื่อรับช่วงต่อรองประธานที่ระงับไว้ยาวนาน

ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก แค่อยากให้รางวัลที่เขาทำงานหนักแก่เขา ไม่คิดเลยว่าหลังจากส่งเขาออกไป บริษัทจะวุ่นวาย ไม่งั้นวันหยุดที่เขาให้ตัวเองคงไม่กลายเป็นหนึ่งวัน

ตอนนี้ตำแหน่งผู้ช่วยว่าง ซังหลินจวินอยากเลือกใครสักคนจากห้องเลขานี้มาทำตำแหน่งนี้

เดิมทีเขาคิดว่าห้องเลขามีคนเยอะมาก คาดว่าจะเลือกยากมาก ผลก็คือให้การทดสอบกับพวกเขา พบว่าคนที่สามารถใช้ได้จริงๆ มีแค่คนเดียว

ตานเหยียนถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังด้วยใบหน้าว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านประธานให้เขาอยู่คนเดียว

พนักงานคนอื่นแอบมองเขาด้วยแววตาอิจฉาริษยา

ตานเหยียนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองโดนคนอื่นโกรธก็มองท่านประธานที่ดูเหมือนจะลืมเขาไปแล้วด้วยความเคารพ ในใจก็มีความสุข

หลังจากเรียกเขาอยู่ต่อ ซังหลินจวินก็ไม่ได้สนใจเขาทันที เขาอยากดูว่าคนคนนี้อดทนได้มากแค่ไหน

สิบห้านาทีผ่านไป ตานเหยียนที่ยังยืนนิ่งเหมือนท่อนไม้ไม่ขยับไปไหนยังไม่ได้รับคำสั่งจากท่านประธาน และไม่ได้รบกวนท่านประธานที่กำลังอ่านเอกสารอยู่ ถึงแม้ตอนนี้ขาเขาจะยืนจนเหน็บชาแล้วก็ตาม

ซังหลินจวินที่ดูเหมือนกำลังอ่านเอกสารอย่างจริงจัง จริงๆ แล้วหางตากำลังมองสำรวจเขา ต้องบอกเลยว่า เขาชอบตัวเลือกคนนี้ ดูเข้มงวดและทึ่มเล็กน้อย คนแบบนี้เขาเต็มใจที่จะไว้ใจ

ซังหลินจวินวางปากกาที่ถือด้วยนิ้วชี้ลง จากนั้นสองมือก็ประสานกันพูดขึ้น “รู้ไหมว่าฉันเรียกนายมาทำไม? ”

ตานเหยียนส่ายหน้าอย่างทึ่มๆ แล้วพูดว่า “ไม่รู้ครับ”

ซังหลินจวินยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเขา ส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “แนะนำตัวเองกับฉันหน่อย”

ตานเหยียนไม่ได้คิดอะไรมาก เริ่มแนะนำตัวเองอย่างตรงไปตรงมา

“ผมชื่อตานเหยียน ตานที่มาจากคำว่าเรียบง่าย เหยียนที่มาจากคำว่าภาษา ความหมายของชื่อคือภาษาที่เรียบง่ายที่สุด”

ได้ยินตานเหยียนแนะนำตัวเองซังหลินจวินก็มุมปากกระตุก นานสักพักก่อนพูดขึ้น “นี่นายกำลังเล่าเรื่องตลกโง่ๆ ให้ฉันฟังเหรอ? ”

ตานเหยียนลูบศีรษะแล้วพูดขึ้น “ไม่ตลกเหรอครับ? คนอื่นชอบที่ผมพูดแบบนี้นะ”

เห็นตานเหยียนไม่อึดอัดและยังภูมิใจ ซังหลินจวินก็พยายามควบคุมมุมปากอย่างสุดความสามารถ กลัวว่าจะควบคุมไม่ได้จึงพูดออกมาแรงๆ “ใครบอกว่าชอบ”

ซังหลินจวินแทบไม่ต้องเดาก็รู้ ตัวต้นเหตุต้องเป็นคนในบริษัทแน่นอน แค่เขาไม่คิดว่า คนที่ทำแบบนี้มีเยอะมาก

ครั้งนี้ตานเหยียนมุมปากคร่ำครวญ นานมากหลังจากนั้นก็ส่ายหน้าพูดขึ้น “บอกไม่ได้ครับ”

คนทึ่มไร้เดียงสาแบบนี้ ซังหลินจวินไม่รู้ว่าเขาสามารถมีชีวิตจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ พูดจาระมัดระวัง

เป็นผู้ช่วยพิเศษ ก็เกินพอแล้ว

ยังไงก็คงไม่ได้ทำเป็นทุกอย่างเหมือนผู้ช่วยคนก่อนๆ ของเขา

ซังหลินจวินก็ไม่ได้บังคับเขา เปลี่ยนหัวข้อพูดขึ้น “นายคิดว่าผู้ช่วยคนก่อนเป็นยังไง”

ตานเหยียนที่โล่งใจไม่คิดว่าจะเจอคำถามยากเร็วขนาดนี้

เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายเป็นคำทางการอย่างไร แค่บอกคำพูดในใจเขา ใบหน้าก็กลายเป็นลังเลอย่างมาก

นานสักพัก ก็คิดเกี่ยวกับมันแล้วพูดขึ้น “ผู้ช่วยคนก่อนเป็นคนที่ไม่เลวทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการทำงานหรือทางโลก เมื่อคนในสำนักเลขาเจอปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ช่วยอวี้”

ถึงจะไม่เห็นสีหน้าของตานเหยียน ซังหลินจวินก็รู้ว่าหน้าเขาตอนพูดถึงอวี้เฟยนั้น ต้องเลื่อมใสศรัทธาอย่างแน่นอน

ต้องบอกเลยว่า ความสามารถทางการเจรจาต่อรองของอวี้เฟยนั้นเหนือความคาดหมายเขาจริงๆ

อย่างน้อยให้เขาคบหากับพวกที่ไม่มีประโยชน์ ถึงเขาจะหน้าตาบูดบึ้ง และยิ้มไม่ได้เลยก็ตาม

พูดเยอะขนาดนี้ ในที่สุดซังหลินจวินก็ตั้งใจจะพูดจุดประสงค์อย่างเป็นทางการที่เรียกเขามาที่นี่

“นายคิดยังไงกับตำแหน่งผู้ช่วย? ”

พูดจบ นิ้วก็เคาะเบาๆ ที่โต๊ะตามเดิม

อีกครั้งและอีกครั้ง เหมือนพายุฝนและคลื่นท้องฟ้าที่โหมกระหน่ำสู่หัวใจตานเหยียน

เขาปกปิดความหวาดกลัวในใจ ถึงเขาจะเป็นคนซื่อตรงมาตลอด แต่เขาคงไม่โง่จนฟังความหมายประโยคนี้ไม่ออก กลั้นเสียงหัวใจเต้นเร็วในใจเอาไว้ แกล้งทำเป็นใจเย็นแล้วถามเสียงเบา “ท่านประธานหมายความว่า? ”

ซังหลินจวินไม่ได้คาดหวังว่าคนซื่อสัตย์จะแกล้งทำแบบนี้กับเขา จึงอธิบายไปตรงๆ

“ฉันหมายความว่าจะให้นายรับตำแหน่งผู้ช่วยตำแหน่งนี้ นายก็รู้ว่าผู้ช่วยอวี้ไปที่บริษัทสาขาแล้ว ตอนนี้ข้างกายฉันขาดคน หลังจากเห็นนายหัวไว เลยอยากจะโอนให้นาย นายคิดว่าไง”

จริงๆ แล้วซังหลินจวินไม่จำเป็นต้องถามคำถามไม่จำเป็นประโยคนี้เลย เพราะเรื่องดีๆ แบบนี้ไม่ว่าจะให้ใคร อีกฝ่ายก็ต้องตกลงแน่นอน

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset