ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 465 จูบอย่างอาลัยอาวรณ์

แม้ว่าเธอจะรู้ตั้งนานแล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาแต่เธอก็ค่อนข้างแปลกใจที่ได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา ที่บริษัทฮวาเจิ้งเอนเตอร์เทนเมนท์จะเป็นอย่างไรในอุตสาหกรรมบันเทิงนะ? มันเป็นเพียงตำแหน่งของผู้นำ

ฮวาเจิ้งพูดมาหนึ่งประโยค บริษัทที่เหลือใครจะกล้าพูดคำว่า”ไม่” ?

และคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเธอคือชู่จี้ประธานฮวาเจิ้งที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นอัจฉริยะอายุ 25 ปีที่เริ่มทำงานอย่างหนักเมื่ออายุสิบสามและตอนนี้ครอบครองส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งของวงการบันเทิง!

ในขณะเดียวกันเขาก็ยังเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์อีกด้วย!

ซังอี๋คิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆมากมายและถอนความคิดของเธอออกไปสายตาของเธอจับจ้องไปที่มือที่สวยงามของชายคนนั้นด้วยข้อนิ้วที่เด่นชัดเรียวและทรงพลัง

ราวกับเขารับรู้การจ้องมองของผู้หญิงคนนั้น ชู่จี้ยิ้มอย่างนุ่มนวลมุมปากของเขาโค้งมนอย่างน่าหลงใหลและแม้แต่คนอย่างซังยี๋ที่ไม่เคยตกหลุมรักใครก็ยังตะลึง

“ถึงแล้ว”ชู่จี้อุ้มซังอี๋ลงจากรถเธอแค่อยากจะละจากอ้อมกอดของเขาแต่เขาสั่ง: “อย่าดิ้นสิ เชื่อผม”

หลังจากตรวจร่างกายอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้าจากภายในสู่ภายนอกไม่พบปัญหาใดๆ เมื่อชู่จี้ต้องการสั่งให้หมอตรวจซังอี๋อีกครั้งเธอกล่าวว่า “ไม่ต้องตรวจแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรอีกถ้าจะให้พูดน่าจะเป็นเพราะว่าระดับเทคโนโลยียังไม่ถึง”

ทันใดนั้นเขาก็บีบมือน้อยๆที่อ่อนนุ่มของซังอี๋”ผมจะรักษาคุณเอง”

ประโยคนี้เหมือนสัญญาที่หนักแน่น

หัวใจของซังอี๋อบอุ่นขึ้นทันที เมื่อมองดูผู้ชายดีๆ ตรงหน้าเธอหัวใจของเธอก็เต้นแรง

“คุณพักที่ไหน? เดี๋ยวผมไปส่ง”ฝ่ามืออันอบอุ่นของเขาโอบมือเธอทำให้จิตใจของซังอี๋สงบ

บางทีน่าจะลอง …

เธอตอบชายคนนั้นทันทีโดยชักมือกลับจากเขา “หลินเจียงเสี่ยวอู”

เป็นทำเลที่ดีใกล้กับมหาวิทยาลัยมาก ไม่ง่ายเลยที่ซังอี๋จะเช่าบ้านนี้ได้ถึงแม้จะชอบบ้านนี้มากแต่เธอไม่อยากจะใช้เงินพ่อแม่ซื้อมันมา ถ้าซื้อมาได้ด้วยความพยายามของเธอเธอจะรู้สึกมีความสุขมาก

ความสุขแผ่ซ่านไปทั่วร่างพวกเขาทั้งสอง

“ไม่ชวนผมเข้าไปเหรอ?”ชู่จี้ยืนอยู่ที่ประตูและชายคนนั้นพิงอยู่กับประตู

ซังอี๋อดหัวเราะไม่ได้ “งั้นก็ได้ ฉันจะเลี้ยงชาคุณหนึ่งถ้วย” เธอหันร่างของเธอไปด้านข้างและหลีกทางให้

ชู่จี้ก้าวเข้ามาในห้องและสิ่งที่เขาเห็นคือบ้านที่มีสีเบจโรแมนติกและอบอุ่น

เขานั่งตัวตรงบนโซฟานุ่มๆและชมว่า “อืม คุณตาถึงเลยทีเดียว”

ซังอี๋เทชาร้อนหนึ่งถ้วยให้ชู่จี้ “ค่อยๆดื่มนะคะ ฉันไปทำอาหารก่อน”ไปทำโน่นทำนี่จนตัวเองก็หิวแล้ว

ทันใดนั้นเขาก็คว้าข้อมือเธอและถามว่า “ผมขออยู่กินข้าวด้วยได้ไหม”

ถ้าเป็นเรื่องปกติเธอจะไม่รั้งใครไว้ที่นี่เพื่อกินอาหารเย็นแต่ในตอนนี้เธอลังเล “คุณไม่กลัวฉันวางยาพิษเหรอ”

ฝีมือการทำอาหารของซังอี๋ไม่ได้แย่นักในทางกลับกัน ทักษะการทำอาหารของเธอดีมากเธอแค่ต้องการให้ชู่อี๋ออกไปโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องอื่นๆขึ้น

เขาจ้องไปที่ดวงตาของผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาแล้วพูดว่า “อย่ากลัวเลย” เขากล่าว “วางใจได้ผมจะไม่แตะต้องคุณ ถ้าคุณไม่อนุญาต”

ซังอี๋เข้าไปในครัวทันที

หูแดงหน้าแดง นึกไม่ถึงว่าเธอจะโดนผู้ชายคนนี้แซวครั้งแล้วครั้งเล่า

เธอหายใจออกมาด้วยลมร้อนและจากนั้นรู้สึกว่าอุณหภูมิร้อนบนใบหน้าของเธอจางลงเล็กน้อยและเธอก็เริ่มเตรียมส่วนผสมเพื่อเตรียมอาหารมื้อเย็นง่ายๆ

ซู่จี้นั่งสบายๆบนโซฟาพลิกอ่านหนังสือบนโต๊ะกาแฟและทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ไปเห็นภาพถ่ายที่อยู่ในนั้น

สาวสวยในภาพกำลังสวมชุดเจ้าหญิงน่ารักตาโตสีดำสดใส เธอเป็นเจ้าหญิงน้อยในชีวิตจริง

ชู่จี้ดูรูปด้วยความสนใจ

นี่น่าจะเป็ยซังอี๋เธอดูน่ารักมากเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก แต่เมื่อโตขึ้นเธอยังจะสวยเหมือนเจ้าหญิงอีก

ซังอี๋เดินออกจากครัว “ฉันทำก๋วยเตี๋ยว คุณลองกินดูนะ”เธอวางชามไว้ข้างหน้าชู่จี้

โรยหน้าด้วยต้นหอม ผักชี และไข่เจียวแต่มีกลิ่นฉุน

เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาชิมเส้นอย่างช้า ๆ ก็เปรียบเสมือนมื้ออาหารของชนชั้นสูง ขั้นตอนการกินทั้งหมดไม่มีเสียงออกมา

“รสชาติดีนิ”ชู่จี้ชมโดยไม่ลังเล

เมื่อเห็นชู่จี้กินอย่างอร่อยซังอี๋ก็รู้สึกได้ถึงความสำเร็จ เธอยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว

ในชามก๋วยเตี๋ยวเห็นก้นชามโดยไม่รู้ตัวและเขากินน้ำซุปที่อยู่ด้านล่างของชามแม้แต่น้ำซุปก็อร่อยมาก

“อีกชามไหม?”ซังอี๋ถาม

“โอเค” ชู่จี้รู้สึกพึงพอใจเป็นครั้งแรกที่รู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน

น่าตลกสิ้นดีเขาไม่ได้ขาดเงินไม่ได้ขาดอำนาจแต่มีบางอย่างที่เขาซื้อด้วยเงินไม่ได้อยู่ดี

แม้ว่าเขาจะเป็นประธานของฮวาเจิ้งแต่เขาไม่เคยรู้สึกพอใจ

การต่อสู้ในครอบครัวของชู่ทั้งหมดต้องก้าวข้ามผ่านผู้คนมากมาย เขาไม่มีวันลืมว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของเขาได้ผลักไสเขาออกไปในช่วงเวลาวิกฤติเพราะเหตุนี้กลายเป็นไฟแค้นที่อยู่ในใจ

แต่คนร้ายคือบิดาผู้ให้กำเนิดและคุณนายฉี

ไม่ช้าก็เร็วเขาจะทำให้พวกเขาชดใช้ทีละนิดๆ

แม่เขาเป็นนักแสดงตอนที่เจอพ่อ แม่ก็กำลังดังแต่ก็ทิ้งหน้าที่การงานและตามพ่อไปมีชีวิตใหม่

ในที่สุดก็พยายามอย่างหนักเพื่อค้นหาชีวิตของตัวเอง แต่พ่อเขาไปมีคนรักคนใหม่ แม่ของเขาทำชุดแต่งงานให้เธอแต่สุดท้ายโดนพ่อของเขากับคนรักใหม่ฆ่าตาย

ชู่จี้หลับตาและพยายามอย่างหนักเพื่อระงับอารมณ์ทั้งหมดที่พลุ่งพล่านขึ้นมาแต่คิ้วขมวดเล็กน้อยของเขาเผยให้เห็นอารมณ์ของเขาในขณะนั้น

ซังอี๋เข้ามาใกล้ชู่จี้ “คุณไม่สบายหรือเปล่า”กลิ่นหอมจางๆของร่างกายของเธอส่งผ่านเข้าไปในจมูกของเขาซึ่งทำให้อารมณ์หดหู่ของชู่จี้หายไปมาก

“ไม่มีอะไรหรอกแค่นึกถึงเรื่องบางเรื่องเฉยๆหัวใจของเขาแข็งกระด้างมาหลายปีแล้วและเขาไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจได้อีกอย่างไรก็ตามผู้หญิงคนนี้เป็นข้อยกเว้น

เมื่อเห็นชู่จี้เงียบ ซังอี๋ก็ไม่อยากถามอะไรมาก “ก๋วยเตี๋ยวเย็นหมดแล้วรีบกินตอนร้อนๆจะอร่อยกว่านะ”

ชู่จี้คว้าแขนของซังอี๋ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา”อย่าขยับสิ ให้ผมจูบได้ไหม?”

ลมหายใจร้อนระอุถูกพ่นลงบนผิวบอบบางของซังอี๋

ชายคนนั้นทำเธอตกตะลึง ชายคนนั้นใช้ช่วงเวลาที่เธอตกตะลึงแง้มฟันของเธอและดูดที่ปลายลิ้นของเธอราวกับว่าจะดูดกลืนวิญญาณของเธอไป

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset