ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ – ตอนที่ 134 สิ้นเปลืองกว่า

“คืออย่างนี้พี่ใหญ่ ภารกิจปลายเทอมของนักเรียนหลายคนในสำนักศึกษาแคว้นชิงคือการมาแคว้นจื่อเยี่ยเพื่อประลองฝีมือกับพวกเรา เป็นผลให้ไม่มีใครในห้องเรียนระดับสูงเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ พวกเราถูกโจมตีพ่ายแพ้ยับเยิน” เยวี่ยซู่เล่า

แคว้นจื่อเยี่ยเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ เท่านั้น ความแข็งแกร่งของแคว้นชิงแข็งแกร่งกว่ามาก ดังนั้นความแข็งแกร่งของนักเรียนจากสำนักศึกษาแคว้นชิงจึงแข็งแกร่งกว่าพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

“พี่ใหญ่ต้องช่วยสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยของพวกเราให้ได้นะ!”

รองอาจารย์ใหญ่รีบกล่าวสำทับ “ใช่! นักเรียนมู่เฉียนซี สำนักศึกษาแคว้นชิงมาที่สำนักศึกษาของพวกเราทุกปลายเทอมเพื่อทําให้พวกเราอับอายขายหน้า เจ้าต้องช่วยล้างอายให้สำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยของพวกเราให้ได้  หากวันนี้ทำให้พวกมันวิ่งหนีไปได้  ข้า รองอาจารย์ใหญ่จะเพิ่มคะแนนปลายภาคให้เจ้า”

ชายหนุ่มที่อยู่บนเวทีมองใบหน้ามู่เฉียนซี  กล่าวว่า “ข้า เหวินตี๋เฟยจากสำนักศึกษาแคว้นชิง ได้ยินข่าวมาว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นจื่อเยี่ย ข้าอยากจะขอคําชี้แนะจากเจ้า”

ในเวลานี้ นางเพิ่งจะฝึกจนถึงจุดสูงสุดของจอมภูตระดับหนึ่ง ในเมื่อมีคู่ฝึกซ้อมมาหาถึงที่ มู่เฉียนซีจะไม่เกรงใจแล้ว

ร่างสีม่วงปรากฏประหนึ่งมาเพียงแวบ ๆ  พริบตาเดียวมู่เฉียนซีก็ขึ้นไปบนเวทีประลองอย่างสง่างาม ดวงตาดําขลับจ้องมองเหวินตี๋เฟย นางกล่าวว่า… “ข้า มู่เฉียนซี สำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ย”

เหวินตี๋เฟยเหลือบมองมู่เฉียนซี “คุณหนูตระกูลมู่  เมื่อข้าเริ่มการต่อสู้ ข้าจะไม่เห็นเจ้าเป็นสาวงามและจะลงมืออย่างเต็มที่ ดังนั้นเจ้าเอาอาวุธออกมาก่อนเถอะ”

มู่เฉียนซีไม่อยากสนใจ นางกล่าววาจาเย็นชา “อาวุธของข้า ข้าจะใช้มันเองเมื่อถึงเวลา เจ้าลงมือสิ”

“เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว” ทันทีที่เหวินตี๋เฟยกล่าวจบ พลังอันมหาศาลปกคลุมลงมา

จอมภูตระดับสาม พลังต่างจากอวิ๋นซินหรานและซวนหยวนชิงอวิ๋นไม่เท่าไหร่ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยถึงถูกเขากวาดล้างออกไป  ทุกคนรู้ว่าอวิ๋นซินหรานพ่ายแพ้ให้แก่มู่เฉียนซี ดังนั้นทุกคนจึงมีความมั่นใจในตัวนางมาก

เมื่อเหวินตี๋เฟยเข้ามาใกล้ มู่เฉียนซีหลบหลีกได้ราวกับนางเป็นควัน เขาตกใจเล็กน้อย “โอ้! รวดเร็วยิ่งนัก”

“รับกระบวนท่าของข้าให้ดี! …มังกรสังหาร!”

มู่เฉียนซีไม่หลบหลีกแต่อย่างใด มืองดงามของนางขยับ ปากก็ตะโกนเสียงเย็นชาตามแบบฉบับของนาง “ผนึกมังกรวารี!”

พลังธาตุวารีอันมหาศาลพุ่งเข้าใส่เหวินตี๋เฟย

— ปัง! —

เหวินตี๋เฟยจำต้องถอยหลังไปหลายก้าว สีหน้าของเขาหม่นลงก่อนจะกล่าววาจาประชดประชัน “เหอะ! จอมภูตระดับหนึ่ง จอมภูตธาตุวารี ดูเหมือนว่าราชสำนักแห่งแคว้นจื่อเยี่ยจะมีอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียว  …แต่ถึงกระนั้น ถ้าอยากเอาชนะข้าก็คงยังไม่พอ!”

เหวินตี๋เฟยดึงดาบยาวของเขาออกมา แสงดาบเย็นยะเยือกพุ่งออกมาจากทุกทิศทาง

ทุกคนอุทานอย่างตระหนกตกใจ “มู่เฉียนซีระวังตัวด้วย!”

“พี่ใหญ่…”

แสงสีฟ้าวาบขึ้น น้ำจากพลังวารีกระจายไปรอบตัวมู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีกัดริมฝีปาก กล่าวอย่างหงุดหงิด “บุปผาหลั่งสายฝน!”

เหวินตี๋เฟยมีปราณดาบที่น่าหวาดกลัว ขณะที่ธนูวารีของมู่เฉียนซีทั้งมากทั้งถี่

ทั้งสองปะทะกัน พลางหลบหลีกการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

หลังจากที่การโจมตีนี้ตกลงมา ร่างสองต่างครอบครองอีกฝั่งของเวทีประลองยุทธ์  สภาพของเจ้าหนุ่มแคว้นชิงนั้น เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงแล้ว  มีรูขาดหลายรูบนเสื้อคลุมของเขา ในขณะที่เสื้อคลุมของมู่เฉียนซียังคงเหมือนเดิม

มู่เฉียนซีค่อย ๆ กล่าวออกมาสามคํา “เจ้า แพ้ แล้ว”

เหวินตี๋เฟยกําด้ามกระบี่แน่น กล่าวว่า “ข้าจะแพ้จอมภูตระดับหนึ่งได้อย่างไร ? เจ้าพูดไร้…”

— ปัง! —

ขณะนั้นเขารู้สึกว่าดวงตาของเขามืดลง ก่อนที่ร่างจะล้มลงบนเวทีประลองยุทธ์ด้วยสภาพที่ร่างกายชาจนขยับไม่ได้ เขาเบิกตากว้าง คิดไม่ออกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?

‘เป็นอย่างไรล่ะจอมภูตระดับสามผู้เย่อหยิ่ง ? เหอะ!’ มู่เฉียนซีสุดเซ็ง เขาผู้นี้ไม่ได้ช่วยให้นางพัฒนาความแกร่งอะไรเลย นางสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่กําลังดูการแข่งขันครั้งนี้อยู่  คาดว่าทางสำนักศึกษาแคว้นชิงน่าจะส่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่านี้มา ดังนั้นนางจึงจัดการเจ้าหมอนี่อย่างรวดเร็ว ที่เหลือก็เพียงรอให้ปลาตัวใหญ่ติดเบ็ด

เดาไว้ไม่มีผิด ต่อมามีเงาร่างสีม่วงไม่ต่างจากมู่เฉียนซีมาปรากฏกายบนเวทีประลองยุทธ์ของสำนักศึกษา เขาผู้นี้เป็นอีกหนึ่งบุรุษแคว้นชิง เขาเหลือบมองเหวินตี๋เฟยก่อนจะกล่าวดูแคลน “อาเฟย เจ้าประมาทข้าศึกไปเสียแล้ว สตรีผู้นี้รับมือได้ยากนัก”

บุรุษในชุดม่วงดูหล่อเหลาเอาการ เขามองใบหน้ามู่เฉียนซีด้วยรอยยิ้มมีเสน่ห์

“สตรีผู้นี้คงเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นจื่อเยี่ย ผู้นําตระกูลมู่มู่เฉียนซี  ฉินเทียนอี้จากสำนักศึกษาแคว้นชิงมาขอคำชี้แนะ”

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเรียบ “อย่าพูดจามากความ ลงมือเถอะ”

“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า” เขาก้าวออกมาด้วยอำนาจแรงกดดันอันแข็งแกร่ง

ทุกคนตะลึงตาค้าง “จอมภูตระดับสี่ เสียสติไปแล้ว! ดูแล้วอายุเพียงยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองเท่านั้น กลับฝึกได้จนถึงขั้นนี้”

“ตอนนี้มู่เฉียนซีกำลังตกอยู่ในอันตราย  แล้ว… แล้วความแตกต่างมีมากถึงสามระดับขั้น โอ้! นางจะเอาชนะเขาได้หรือไม่ ?”

เมื่อเห็นว่าเสียงผู้คนดังเกินไป จู่ ๆ เยวี่ยซู่กล่าวเตือนขึ้นมา “พวกเจ้าทุกคนเงียบ ๆ ไปได้แล้ว พี่ใหญ่ของข้าไม่เคยแพ้ ระดับสามแล้วอย่างไร ? อีกเดี๋ยวถู ๆ ไถ ๆ ไปก็ได้เลื่อนระดับขั้นทันที”

“อ่า… เยวี่ยซู่ มู่เฉียนซีเป็นพี่ใหญ่ของพี่ชายเจ้า ดูเหมือนว่านางจะไม่ใช่พี่ใหญ่ของเจ้า” ใครคนหนึ่งกล่าวขึ้น

“พี่ใหญ่ของพี่ชายข้าก็เป็นพี่ใหญ่ของข้าด้วยไม่ใช่หรือ ?  พวกเจ้าพูดไร้สาระอะไรกัน ?”

— ตูม! —

เสียงหนึ่งดังขึ้น ฉินเทียนอี้ชิงลงมือก่อนแล้ว

“โล่วิญญาณวารี!” มู่เฉียนซีมีหรือจะนิ่งเฉยให้ผู้อื่นมาโจมตี แสงประกายน้ำจากพลังวารีนับไม่ถ้วนขวางตรงหน้านางไว้

ทว่าฉินเทียนอี้แข็งแกร่งกว่าบุรุษแซ่เหวินผู้นั้นมาก  พลังทั้งสองปะทะกัน แม้ว่ามู่เฉียนซีจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่นางก็ถอยหลังไปหลายก้าว

สถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้อันตรายอย่างมาก ผู้ชมทุกคนรู้สึกประหม่าขึ้นมา บางคนลุ้นจนมือขยุ้มเสื้อคลุมยับยู่ยี่

“ผนึกมังกรวารี!”

เมื่อมังกรวารีพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เข็มยานับไม่ถ้วนก็ลอยออกไปด้วย ฉินเทียนอี้เห็นดังนั้น เร่งปลดปล่อยพลังอันแข็งแกร่งออกมาสู้ เขาสะบัดเข็มยาที่ลอยเข้ามาใกล้ออกก่อนจะกล่าวว่า “เมื่อครู่นี้เจ้าฉวยโอกาสอาศัยสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้เอาชนะอาเฟยโดยไม่รู้ตัวได้  เสียใจด้วย มันไม่มีประโยชน์ต่อความแข็งแกร่งของข้า!”

มู่เฉียนซียิ้มเยาะ “จริงรึ ?”

เข็มยาที่กระเด็นออกมาจากการโจมตีเขา พลันระเบิดเข็มพิษขนาดเล็กนับไม่ถ้วนออกมา เข็มเล็กจิ๋วพลันพุ่งตรงไปที่เขา

— ตูม! —

เสียงหนึ่งดังขึ้น พลังวิญญาณบนร่างของฉินเทียนอี้ก่อตัวกลายเป็นกระแสน้ำวน  ในสถานการณ์คับขันนี้ มันไปขวางเข็มเล็ก ๆ เหล่านั้นไว้ได้

“มู่เฉียนซี  มันจบแล้ว กระบวนท่านี้ของเจ้ามันไร้ประโยชน์สําหรับข้า!”

“บุปผาหลั่งสายฝน!”

มู่เฉียนซีไม่ยอมแพ้ ปล่อยพลังธาตุวารีนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ฉินเทียนอี้

“หากเจ้าไม่แพ้ เช่นนั้นก็ไม่ถือว่าจบ”

— ปัง! —

เงาร่างสองร่าง  พละกําลังสองฝั่ง ปะปนกันบนเวทีประลองยุทธ์  ขณะที่กําลังต่อสู้กันอยู่ ทุกคนพบว่าลมปราณของมู่เฉียนซีแข็งแกร่งขึ้น

จอมภูตระดับสอง นางทะลวงผ่านแล้ว!

พวกเขาตบบ่าเยวี่ยซู่  ยิ้มและกล่าวขึ้นว่า “เยวี่ยซู่ เจ้าเองก็เก่งเกินไปแล้ว ถึงกับเดาออกว่ามู่เฉียนซีอีกประเดี๋ยวก็จะได้เลื่อนระดับขั้น”

ฉินเทียนอี้ “เหอะ! แค่เพียงระดับสองเท่านั้น คนแพ้ยังคงเป็นเจ้า!”

“วารีสะท้านสวรรค์!”

มังกรวารีพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มันพุ่งเข้าใส่ฉินเทียนอี้อย่างรุนแรง

เลือดสด ๆ ไหลออกจากมุมปากฉินเทียนอี้ เขารีบกลืนยารักษาอาการบาดเจ็บก่อนจะกล่าวว่า “เจ้านี่ไม่เลวเลย ต่อสู้ข้ามถึงระดับสองและยังสามารถรักษาไว้ให้คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทว่าการสิ้นเปลืองของจอมภูตระดับสองนั้นจะมากกว่าการสิ้นเปลืองพลังของข้า เมื่อถึงเวลาเจ้าต้องแพ้อย่างแน่นอน”

“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าโง่นี่เลือกที่จะแข่งการสิ้นเปลืองพลังกับพี่ใหญ่ รอวิ่งชนกำแพงฆ่าตัวตายได้เลยเจ้าโง่จากแคว้นชิง”

จะมาแข่งการสิ้นเปลืองพลังกับมู่เฉียนซีที่กินยาฟื้นฟูพลังแทนข้าว จุดจบฉินเทียนอี้ต้องเป็นเรื่องเศร้าแน่นอน

มู่เฉียนซีกล่าวกับฉินเทียนอี้ด้วยใบหน้าที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “ได้! เช่นนั้นมาดูกันเถอะว่าพลังวิญญาณของใครจะหมดก่อนกัน”

.

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

Score 7.8
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ นางคือหมอปีศาจผู้เหี้ยมโหดแต่กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงอ่อนแอไร้ความสามารถที่ผู้คนพากันรังเกียจ ทว่าหลังทำพันธสัญญากับเทพอสูรโบราณ ฝึกฝนบำเพ็ญเคล็ดวิชาต้านสวรรค์จึงเปล่งประกายเจิดจรัสจนผู้คนต้องหลบตาไปตาม ๆ กัน ทั้งยังครอบครองพิษหลายแขนง ใครที่กล้ามารังแกนาง นับว่ารนหาที่ตาย! โอสถเก้าสรรพคุณน่ะหรือ นั่นมันถั่วเคลือบน้ำตาลไว้ให้สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของนางกินเล่นต่างหากเล่า ปรุงยาเป็นก็ต้องเอาแต่ใจอย่างนี้นี่ล่ะ! -------------------------- เขาคือเยี่ยอ๋องรูปงามผู้เย้ายวน ผู้คนต่างเข้าใจว่าเขาเหี้ยมโหดไร้ความปรานี แต่ทำไมกับนาง เขาถึงได้เอาแต่ตามติดจนสลัดไม่หลุดอย่างนี้นะ “ท่านจ้องข้าทำไม” “ข้ากำลังคิดอยู่ว่า เจ้าจะกลายมาเป็นสตรีของข้าอย่างถูกต้องเมื่อไหร่” ทันใดนั้น เข็มเล็กก็จ่อเข้าที่เอวของเขา นางเอื้อนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ท่านอ๋อง การหุนหันพลันแล่นเปรียบดั่งปีศาจร้าย หากพิษเข้าร่างเกรงว่าท่านคงจะต้องมีชะตาเยี่ยงขันทีไปชั่วชีวิต!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset